
บทสัมภาษณ์พิเศษ อาจารย์ ดร.รัชนก พลเยี่ยม อาจารย์ สาขาวิชาการพยาบาลสุขภาพชุมชน โรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
เรื่อง เบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ เรื่องไม่ (เบา) ที่ไม่ควรมองข้าม
- โรคเบาหวานชนิดที่ 2 (Type 2 Diabetes Mellitus: T2DM)
- เป็นโรคเบาหวานที่พบบ่อยที่สุด ซึ่งเกิดจากภาวะดื้ออินซูลินในร่างกาย โดยส่วนใหญ่มักพบในผู้ใหญ่และผู้สูงอายุ แต่ในปัจจุบันประเทศไทยมีแนวโน้มที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีอายุน้อยกว่า 30 ปี ซึ่งพบว่าในเพศหญิงมีอัตราการเกิดโรคสูงกว่าเพศชาย ภาวะนี้อาจส่งผลกระทบต่อการวางแผนตั้งครรภ์ ซึ่งอาจมีความซับซ้อนมากขึ้น
- การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดในหญิงตั้งครรภ์ที่มีโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จึงเป็นสิ่งสำคัญ
- เพื่อให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างปลอดภัยทั้งสำหรับแม่และทารก โดยการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดอย่างดีจะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ เช่น ภาวะครรภ์เป็นพิษ การคลอดก่อนกำหนด และปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่อาจเกิดขึ้นกับทั้งแม่และทารกในครรภ์ การดูแลที่ดีและการปรึกษาแพทย์อย่างใกล้ชิดจึงมีความสำคัญในการลดความเสี่ยงและช่วยให้การตั้งครรภ์เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย
- ทีมวิจัยได้สัมภาษณ์หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 12 ราย อายุระหว่าง 27-40 ปี และมีอายุครรภ์ระหว่าง 7-38 สัปดาห์ เกี่ยวกับการปฏิบัติตัวและการดูแลตนเองขณะตั้งครรภ์ โดยมีหลักสำคัญทั้งในระดับบุคคล ระดับระหว่างบุคคล และระดับสังคม พบว่า
- ระดับบุคคล (Individual level) ปัญหาและอุปสรรคในการควบคุมเบาหวานขณะตั้งครรภ์ที่พบคือ หญิงตั้งครรภ์มักประสบกับอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เวียนศีรษะ คลื่นไส้ และมือสั่น ซึ่งส่งผลกระทบต่อการดูแลสุขภาพ นอกจากนี้ หญิงตั้งครรภ์ยังพบว่าการควบคุมอาหารระหว่างการตั้งครรภ์เป็นเรื่องที่ยาก เนื่องจากมีอาการอยากอาหารมากขึ้น โดยเฉพาะกับอาหารที่มีรสหวาน เช่น ผลไม้บางชนิด ไอศกรีม และข้าว รวมถึงการที่มีความกังวลเกี่ยวกับการออกกำลังกายในช่วงตั้งครรภ์ โดยบางคนอาจลดกิจกรรมทางกายลงเนื่องจากอาการเหนื่อยล้า และความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงในการแท้งลูก ซึ่งเป็นปัจจัยที่ทำให้การควบคุมเบาหวานขณะตั้งครรภ์มีความท้าทายมากขึ้นงานวิจัยพบว่า ปัจจัยที่ส่งเสริมในการควบคุมเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงทัศนคติและแรงจูงใจของหญิงตั้งครรภ์ เช่น การตระหนักถึงความสำคัญของสุขภาพของทารกในครรภ์ และการได้รับความรู้ด้านสุขภาพจากทีมสหวิชาชีพที่เกี่ยวข้อง ซึ่งช่วยเสริมสร้างความเข้าใจในด้านสุขภาพอนามัยและโภชนาการอย่างถูกต้องและเหมาะสม การส่งเสริมให้หญิงตั้งครรภ์มีความรู้และความเข้าใจในการดูแลสุขภาพ จะช่วยให้สามารถควบคุมเบาหวานได้อย่างมีประสิทธิภาพในระหว่างการตั้งครรภ์
- ระดับระหว่างบุคคล (Interpersonal level) สภาพแวดล้อมการกินอยู่ในครอบครัวมีอิทธิพลอย่างมากต่อการจัดการโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคในการควบคุมโรค ตัวอย่างเช่น การอยู่ร่วมกันในครอบครัวใหญ่ เช่น พ่อแม่ พี่น้อง และญาติอื่น ๆ ซึ่งมักมีธรรมเนียมในการรวมตัวกันรับประทานอาหาร เช่น เนื้อย่าง ชาบู หรืออาหารที่มีรสจัด ที่อาจไม่เหมาะสมกับการควบคุมเบาหวาน การรับประทานอาหารร่วมกันแบบนี้อาจทำให้หญิงตั้งครรภ์ยากที่จะควบคุมอาหารตามที่แพทย์แนะนำได้ ดังนั้น ทีมสุขภาพควรเข้าไปช่วยปรับเปลี่ยนเมนูอาหารในครอบครัวให้เหมาะสมและสอดคล้องกับคำแนะนำทางการแพทย์ เพื่อให้หญิงตั้งครรภ์ได้รับโภชนาการที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพ ส่งเสริมให้ทารกในครรภ์ได้รับสารอาหารที่ดีและครบถ้วน
- ระดับสังคม (Societal level) การเข้าถึงการดูแลสุขภาพสำหรับหญิงตั้งครรภ์ที่ต้องควบคุมเบาหวานพบว่า มีหลายปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อการปฏิบัติตัวในการดูแลสุขภาพ โดยหนึ่งในอุปสรรคสำคัญคือความกังวลเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเองสำหรับอุปกรณ์ที่จำเป็นในการจัดการโรคเบาหวาน เช่น แถบตรวจน้ำตาลในเลือด ผ้าเช็ดแอลกอฮอล์ เข็มฉีดยา และเข็มเจาะเลือด ซึ่งมีราคาค่อนข้างสูง การขาดแคลนอุปกรณ์เหล่านี้ทำให้ผู้หญิงบางรายไม่สามารถควบคุมเบาหวานได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ ความซับซ้อนของการคุ้มครองประกันสุขภาพก็เป็นอีกปัญหาหนึ่ง เช่น ในกรณีของหญิงรายหนึ่งที่ลงทะเบียนในโครงการ 30 บาทรักษาทุกโรคในจังหวัดหนึ่ง แต่มีแผนจะคลอดในจังหวัดอื่น ซึ่งประกันสุขภาพที่เธอมีไม่สามารถใช้ได้ในพื้นที่นั้น ทำให้เธอต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการคลอดเอง การขาดความชัดเจนและการขาดการเชื่อมโยงระหว่างระบบประกันสุขภาพในแต่ละพื้นที่จึงเป็นอุปสรรคที่ทำให้ผู้หญิงตั้งครรภ์ไม่สามารถเข้าถึงการดูแลสุขภาพได้อย่างเต็มที่
- ดังนั้น การส่งเสริมสร้างทัศนคติและแรงจูงใจในการจัดการโรคเบาหวาน การให้ข้อมูลความรู้ด้านสุขภาพเกี่ยวกับโภชนาการกับหญิงตั้งครรภ์ การคัดกรองโรคเบาหวานก่อนการตั้งครรภ์ และการดูแลหญิงตั้งครรภ์อย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงจากภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นจากโรคเบาหวานในช่วงตั้งครรภ์ อีกทั้ง ยังช่วยลดภาระค่าใช้จ่าย ให้แก่ภาครัฐ การเตรียมตัวที่ดีสำหรับหญิงตั้งครรภ์ เช่น การปรึกษาแพทย์ การเตรียมสุขภาพร่างกายและจิตใจให้พร้อม ถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม การดูแลแบบสหสาขาวิชาชีพ ก็มีความสำคัญในการจัดการโรคเบาหวานและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านต่อมไร้ท่อ สูตินรีแพทย์ จักษุแพทย์ พยาบาล นักกำหนดอาหาร เป็นต้น รวมไปถึงการพัฒนาแนวทางการรักษาและการดูแลที่มีประสิทธิภาพ เพื่อการป้องกันโรคเบาหวานในหญิงตั้งครรภ์ในประเทศไทย ช่วยเสริมสร้างสุขภาพให้แก่ทั้งมารดาและทารกในครรภ์ต่อไป
———————————
ติดตามข้อมูลข่าวสารของโรงเรียนพยาบาลรามาธิบดี ได้ที่
Website: https://www.rama.mahidol.ac.th/nursing/
———————————
ติดตามผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย ได้ที่
Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramanursechannel
Youtube: https://www.youtube.com/@RSoNFamiLyInsightNursing-cy4zx/
#พยาบาลรามาธิบดี #พยาบาลแห่งอนาคต #สู่ความยั่งยืนของสากล #นพลักษณ์