พันธกิจของแผนงานฝึกอบรม
สาขาจิตเวชศาสตร์เป็นสาขาวิชาทางการแพทย์เฉพาะทางที่เกี่ยวข้องกับจิตเวชศาสตร์และสุขภาพจิตที่ต้อง
ใช้ความรู้ทั้งเชิงกว้างและเชิงลึกให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าทางวิชาการทางด้านนี้ที่มีการพัฒนาไปอย่างรวดเร็ว การฝึกอบรมจึงจำเป็นต้องมีกระบวนการเพื่อ
๑) สร้างแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเวชศาสตร์ ที่มีความรู้ความสามารถในเวชปฏิบัติที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของสาขาจิตเวชศาสตร์ที่เข้ารับการฝึกอบรม
๒) มีการทำงานตามหลัก ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (professionalism)
๓) สามารถดูแลผู้ป่วยได้อย่างครอบคลุม มีประสิทธิภาพ และเหมาะสมกับบริบทของสาขาวิชาจิตเวชศาสตร์
๔) มีความเอื้ออาทร และใส่ใจในความปลอดภัย เพื่อแก้ไขปัญหาและการส่งเสริมสุขภาพ โดยยึดผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานการดูแลแบบองค์รวม
๕) มีความสามารถในการปฏิบัติงาน ได้ด้วยตนเอง
๖) มีความรับผิดชอบต่อสังคมและประกอบวิชาชีพด้วยความสุจริตตามมาตรฐาน และตามจรรยาบรรณจิตแพทย์
๗) มีเจตนารมณ์และเตรียมพร้อมที่จะเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต
๘) มีความสามารถด้านการวิจัยเพื่อสร้างองค์ความรู้ มีความเป็นผู้นำทางวิชาการ
๙) มีความสามารถในการบริหารจัดการ สามารถปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพหรือเป็นกลุ่มได้
๑๐) มีพฤติกรรมที่เหมาะสมต่อเพื่อนร่วมงานทั้งในวิชาชีพของตนเองและวิชาชีพอื่นๆ รวมทั้งผู้ป่วยและญาติ
๑๑) มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสุขภาพของประเทศ ระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย การใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม รวมทั้งการสร้างเสริมสุขภาพของประชาชน
กระบวนการฝึกอบรมมุ่งพัฒนาผู้เข้ารับการฝึกอบรมให้เป็นผู้ใฝ่เรียนรู้ มีทักษะในการตั้งคำถามและค้นคว้าคำตอบด้วยตนเอง (active learning) มีการจัดประสบการณ์การเรียนรู้ที่หลากหลาย เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพ ความถนัด ความสนใจของผู้รับการฝึกอบรม (personalized training program) โดยคำนึงถึงสภาวะการทำงานที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดสมดุลระหว่างการปฏิบัติงาน การเรียนรู้ และสุขภาพกายใจของผู้เข้ารับการฝึกอบรม รวมถึงมีการวัดและประเมินผลที่ครอบคลุมผลลัพธ์การฝึกอบรม โดยมีกลไกการกำกับดูแล และประเมินแผนงานฝึกอบรมเป็นระยะ
ผลสัมฤทธิ์ของแผนงานฝึกอบรม
แพทย์ที่จบการฝึกอบรมเป็นแพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวชศาสตร์ ต้องมีความสามารถระหว่างการฝึกอบรมที่
พึงประสงค์ (intended learning outcomes/milestone) มีคุณสมบัติและความรู้ความสามารถที่ครอบคลุมทั้ง ๖ ด้าน ดังต่อไปนี้
๑.การบริบาลผู้ป่วย (Patient care)
การบริบาลโดยใช้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของ การดูแลแบบองค์รวม คำนึงถึงประสิทธิภาพและ ความปลอดภัย รวมทั้งสามารถปฏิบัติงานในสาขาจิตเวชศาสตร์ได้ด้วยตนเองโดยไม่ต้องมีการกำกับดูแล ได้แก่ ทักษะต่างๆ ดังนี้
๑) การสัมภาษณ์ทางจิตเวช การตรวจร่างกาย การตรวจสภาพจิต การใช้แบบประเมินที่สำคัญ ในการคัดกรอง ประเมิน วินิจฉัยโรค บำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพแก่ผู้ป่วยจิตเวช หรือผู้ป่วยโรคทางกายที่มีโรคร่วมทางจิตเวชได้มาตรฐานตามหลักวิชาการ และหลักฐานเชิงประจักษ์
๒) การป้องกันโรคและสร้างเสริมสุขภาพจิต
๓) การบริบาลแบบองค์รวม มีผู้ป่วยเป็นศูนย์กลาง โดยคำนึงถึงการใช้ยาอย่างสมเหตุผล มีประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
๒. ความรู้และทักษะหัตถการเวชกรรมทางจิตเวชศาสตร์ (Medical/psychiatric knowledge and
procedural skills)
สามารถทำจิตเวชปฏิบัติได้อย่างครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของการฝึกอบรม
๑) มีความรู้พื้นฐานด้านสุขภาพจิต จิตวิทยา วิทยาศาสตร์การแพทย์และสังคมศาสตร์ที่จำเป็นต่อการปฏิบัติงานด้านจิตเวชศาสตร์
๒) มีความรู้ทางจิตเวชศาสตร์ ตามหลักฐานเชิงประจักษ์ที่เป็นปัจจุบันและบริบทต่าง ๆ
๓) มีทักษะการทำจิตเวชปฏิบัติอย่างมีมาตรฐาน และเหมาะสมกับบริบทของการปฏิบัติงาน
๔) บันทึกรายงานผู้ป่วยได้อย่างสมบูรณ์ และสม่ำเสมอ
๓. ทักษะระหว่างบุคคล และการสื่อสาร (Interpersonal and communication skills)
๑) นำเสนอข้อมูลผู้ป่วย และอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
๒) ถ่ายทอดความรู้และทักษะ เป็นที่ปรึกษา ให้คำแนะนำแก่แพทย์ นักศึกษาแพทย์และ ทีมสหสาขาวิชาชีพได้
๓) สื่อสารให้ข้อมูลแก่ผู้ป่วยและญาติ ได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพ โดยมีเมตตาเคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
๔) มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ปฏิบัติงานร่วมกับสหสาขาวิชาชีพและผู้ร่วมงานทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ
๔. การเรียนรู้และพัฒนาจากฐานการปฏิบัติ (Practice-based learning and improvement)
๑) วิพากษ์บทความ และดำเนินการวิจัยทางจิตเวชศาสตร์ได้
๒) มีความรู้ในการคิดวิเคราะห์อย่างมีวิจารณญาณทางการแพทย์ และการแพทย์เชิงประจักษ์
๓) เรียนรู้พัฒนาทักษะและเสริมสร้างประสบการณ์ทางวิชาชีพได้ด้วยตนเองจากการฝึกปฏิบัติด้านจิตเวชศาสตร์ได้ด้วยตนเอง
๕. ความสามารถในการทำงานตามหลักวิชาชีพนิยม (Professionalism)
มีคุณลักษณะของความเป็นผู้เรียนรู้ตลอดชีวิต (continue medical education) หรือการพัฒนาวิชาชีพต่อเนื่อง (continue professional development) และ พฤตินิสัยเจตคติ คุณธรรม และจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ดังนี้
๑) ประพฤติตนอย่างมีคุณธรรมจริยธรรมและเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพและชุมชน
๒) มีความสามารถในการสำรวจจิตใจ พัฒนาตัวเอง และสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องได้อย่างเหมาะสม
๓) มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต (continuous professional development) เพื่อธำรงและพัฒนาความสามารถด้านความรู้ ทักษะ เจตคติ และ พฤติกรรมในการประกอบวิชาชีพเวชกรรมสาขาจิตเวชศาสตร์ที่เป็นมาตรฐาน และตอบสนองต่อความต้องการของผู้ป่วย และสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป
๔) มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมายและ คำนึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
๖. การทำเวชปฏิบัติให้สอดคล้องกับระบบสุขภาพ (System-based practice)
มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับระบบสุขภาพของประเทศ ระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย รวมทั้ง
การใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม โดยมีการการทำเวชปฏิบัติที่มีหลักการดังนี้
๑) สอดคล้องกับระบบสุขภาพ ระบบพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย ระบบยุติธรรม บริบททางสังคม และวัฒนธรรมของประเทศ
๒) คำนึงถึงความปลอดภัย และสิทธิผู้ป่วย
๓) ตระหนักในการใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างคุ้มค่า (cost consciousness medicine) และสามารถปรับเปลี่ยนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ
นักศึกษาแพทย์และแพทย์ใช้ทุนที่สนใจอยากเรียนวิชาจิตเวช
ลองเข้ามาอ่านบทความ เพื่อเป็นข้อมูลในการตัดสินใจสมัครเรียนได้ที่ข้างล่างนี้เลยครับ
- หลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจำบ้าน ภาควิชาจิตเวชฯ รามาธิบดี
- รายชื่อแพทย์ประจำบ้าน
- รู้จักแพทย์ประจำบ้านสาขาจิตเวชศาสตร์ (adult psychiatry)
- รู้จักแพทย์ประจำบ้านสาขาจิตเวชศาสตร์เด็กและวัยรุ่น (child and adolescent psychiatry)
- ทุนฝึกอบรมแพทย์เฉพาะทางสาขาจิตเวช จากกรมสุขภาพจิต
- รายละเอียดการสมัครเรียน
- ตารางเรียนและกิจกรรม