การให้คำปรึกษาวัยรุ่น

การให้คำปรึกษาวัยรุ่น

          เชื่อว่าหลาย ๆ ท่าน อาจเคยได้พูดคุยกับครอบครัวที่มาปรึกษาปัญหาวัยรุ่นต่าง ๆ เช่น ลูกติดเกม ลูกติดบุหรี่ และอาจไม่มั่นใจว่าจะรับมือกับปัญหาเหล่านี้อย่างไร

         ก่อนให้การปรึกษาวัยรุ่น ผู้ให้คำปรึกษาก็ควรสำรวจความพร้อมของตนเองก่อน โดยการรับรู้และจัดการอารมณ์ของตนเอง ก่อนจะเริ่มพูดคุยอาจจะสังเกตสัญญาณที่บ่งบอกว่าผู้ให้คำปรึกษาอาจจะยังไม่พร้อม เช่น รู้สึกเหนื่อย ท้อแท้ ใช้อารมณ์กับผู้รับบริการหรือเพื่อนร่วมงาน

         สิ่งที่สำคัญเป็นอันดับแรก คือ การสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับวัยรุ่น  ควรมีการตกลงเรื่องการรักษาความลับ ซึ่งเป็นสิ่งที่จะสร้างความไว้วางใจให้วัยรุ่นกล้าเล่าเรื่องราวต่าง ๆ หลังจากนั้น ก็เริ่มพูดคุย สำรวจปัญหา ทำความเข้าใจปัญหา โดยระหว่างพูดคุยควรตั้งใจรับฟัง ไม่เปลี่ยนเรื่อง ไม่พูดแทรก หรือขัดจังหวะ แต่สามารถพูดสรุปประเด็นได้ และควรคิดไว้เสมอว่าการให้คำปรึกษา ไม่ใช่การสอน เราควรช่วยให้วัยรุ่นได้ตัดสินใจเรื่องต่าง ๆ ด้วยตนเอง บนพื้นฐานของการเข้าใจตนเอง และรับผิดชอบต่อการตัดสินใจนั้น ๆ สุดท้ายคือการตั้งเป้าหมาย โดยวัยรุ่นเอง ผู้ให้คำปรึกษาอาจช่วยสรุปประเด็น และให้กำลังใจวัยรุ่น

          มีการศึกษาพบว่าประมาณ 1 ใน 10 ของเด็กและวัยรุ่น มีปัญหาสุขภาพจิต ภาวะที่พบได้บ่อย เช่น ภาวะซึมเศร้า ภาวะวิตกกังวล การใช้สารเสพติด ซึ่งวัยรุ่นมักไม่ได้มาพบแพทย์ แล้วเล่าอาการเหล่านี้ให้แพทย์ฟังอย่างชัดเจน แต่อาจมาด้วยอาการทางกายอื่น ๆ ที่เป็นซ้ำ ๆ หรือ ผู้ปกครองพามาด้วยปัญหาพฤติกรรม จึงทำให้อัตราการตรวจพบโรคดังกล่าวค่อนข้างน้อย

HEADSSS เป็นแนวคำถามที่ช่วยให้เราประเมินสุขภาพวัยรุ่นแบบองค์รวมมากขึ้น

  • Home/Health อาศัยอยู่กับใคร ความสัมพันธ์กับคนในบ้านเป็นอย่างไร สุขภาพเป็นอย่างไร
  • Education กำลังเรียนหรือทำงานอยู่ที่ไหน ผลการเรียนเป็นอย่างไร อนาคตอยากทำอาชีพอะไร ความสัมพันธ์กับเพื่อนและคุณครูเป็นอย่างไร
  • Activity เวลาว่างชอบทำกิจกรรมอะไร
  • Drugs ดื่มเหล้า เบียร์ สูบบุหรี่ หรือกินยาอะไรบ้าง ปริมาณเท่าไหร่
  • Suicidal/Depression มีเรื่องไม่สบายใจบ้างไหม เรื่องอะไร กินอาหารได้ปกติไหม นอนไม่หลับ หรือมีความคิดทำร้ายตัวเองบ้างไหม เวลามีปัญหาหรือไม่สบายใจ
    ทำอย่างไร
  • Safety เวลาอยู่บ้านหรือโรงเรียนรู้สึกปลอดภัยหรือไม่
  • Sexual activity/Sexual identity เคยมีหรือกำลังมีแฟนอยู่หรือไม่ เคยมีเพศสัมพันธ์หรือไม่ เพศเดียวกันหรือต่างเพศ มีการคุมกำเนิดอย่างไร

ตัวอย่างเทคนิคที่สามารถใช้ในการให้คำปรึกษา 

ค้นหาข้อเท็จจริงที่เป็นอยู่ เช่น มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนเอง คนอื่นก็เจอได้เช่นกัน

วิธีเบี่ยงเบนความคิดจากสิ่งที่มีอยู่  เช่น การทำกิจกรรมที่ทำให้มีการจดจ่อกับสิ่งนั้น ๆ ฝึกรับรู้ต่อการสัมผัสมากขึ้น ทั้งหู ตา จมูก หรือ ฝึกรับรู้ความรู้สึกของคนรอบตัว

การปรับเปลี่ยนความคิด

          ซึ่งจะส่งผลต่ออารมณ์และพฤติกรรม เช่น ไม่คิดแบบเหมารวม ว่าการทำผิดเพียงครั้งเดียว แล้วจะผิดทุกครั้งเสมอไป หรือ คิดตีความสถานการณ์ในแง่ลบ ความคิดเหล่านี้จะยิ่งทำให้รู้สึกไม่ดี ทั้ง ๆ ที่เหตุการณ์อาจไม่ได้เป็นอย่างที่คิดเสมอไป เลือกมองโลกในแง่ดี มองถึงสิ่งที่ยังเหลืออยู่แทนสิ่งที่เสียไป นึกถึงประสบการณ์ที่ดีในอดีต หามุมมองใหม่ที่เป็นประโยชน์ การเปรียบเทียบสถานการณ์กับสิ่งที่แย่กว่า

การปรับความคิด จะช่วยให้ควบคุมสถานการณ์ในจิตใจได้ โดยเริ่มจาก

  • การจับประเด็นความคิด
  • ยอมรับว่าความคิดที่เกิดขึ้นอาจจะไม่เป็นจริง เช่น ลูกไม่พูดด้วย พ่อแม่ตีความว่าลูกไม่รัก และทำให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวแย่ลง อาจชวนให้พ่อแม่คิดว่าสาเหตุที่ลูกไม่พูดด้วยอาจเกิดจากสาเหตุอื่น เมื่อยอมรับแล้ว จึงช่วยหาวิธีปรับ โดยอาจต้องเปลี่ยนท่าที วิธีการพูดคุย รับฟังลูกอย่างเต็มที่ก่อน
  • ปรับความคิดไปในทางบวกมากขึ้น เช่น ลูกสนใจเรื่องความสวยความงามมาก อาจจะดึงจุดดีมาชื่นชม และชักชวนให้วัยรุ่นเกิดความมั่นใจในตัวเองมากขึ้น
  • ปรับความคิด ควบคู่ไปกับการปรับพฤติกรรม

          หลาย ๆ ครั้ง ผู้ปกครองอาจมีปัญหาในการพูดคุยกับลูก เมื่อลูกเข้าสู่วัยรุ่น ผู้ให้คำปรึกษา อาจแนะนำการปรับวิธีการสื่อสารให้กับผู้ปกครอง ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ช่วยให้ความสัมพันธ์ในครอบครัวดีขึ้นได้ โดยการรับฟังอย่างตั้งใจ ท่าทีที่เปิดใจ เปิดโอกาสให้ลูกได้เล่าอย่างเต็มที่ ไม่ควรรีบแสดงความคิดเห็นโต้แย้ง สั่งสอน หรือตำหนิ ทบทวนวิธีการสื่อสารของพ่อแม่ พยายามสื่อสารให้ลูกเห็นถึงความรัก ความห่วงใย อาจใช้วิธีบอกความรู้สึก ความต้องการของตนเองในเชิงบวก (I-message) เช่น “แม่เป็นห่วงที่ลูกนอนดึก แล้วจะส่งผลเสียต่อสุขภาพของลูก” วัยรุ่นเป็นวัยที่ต้องการการยอมรับ ผู้ปกครองควรปรับการวางตัว เป็นเหมือนเพื่อนที่คอยรับฟังเหตุผลและแสดงความคิดเห็นร่วมกัน รวมถึงการเข้าใจธรรมชาติของวัยรุ่น

          จะเห็นได้ว่าปัญหาวัยรุ่น ไม่ได้เกิดมาจากตัววัยรุ่นเพียงอย่างเดียว แต่มีสาเหตุมาจากปัจจัยอื่นอีกหลายด้าน ครอบครัวก็เป็นส่วนหนึ่งที่มีผลกระทบต่อการเติบโตของวัยรุ่นมาเป็นวัยผู้ใหญ่ หากหวังให้ลูกทำตามข้อตกลงของครอบครัว ก็ต้องเริ่มจากความสัมพันธ์ที่ดีของครอบครัวก่อน ครอบครัวที่มีแต่กฎมากมาย ให้ลูกทำตาม แต่ความสัมพันธ์ในครอบครัวไม่ดี ก็ยากที่เป็นไปตามเป้าหมาย ผู้เขียนจึงอยากเชิญชวนให้ทุกคนเริ่มจากจุดเล็ก ๆ ที่เราสามารถนำไปปรับหรือแนะนำผู้อื่น คือ การสื่อสารที่ดี เพื่อความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นในครอบครัว

 

Reference

1. ระสบการณ์การเรียนรู้จากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์

2. Working with vulnerable groups (A clinical handbook for GPs) Chapter 10: Adolescent health

 

 

ผู้บรรยาย

พญ.ณิชา  จิรวิภาพันธ์

แพทย์ประจำบ้านภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว รพ.รามาธิบดี รุ่นที่ 20

25 มกราคม 2566

 

ภาพหน้าปกโดย นางสาวมณีนุช มานชู