นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

คนท้องเสี่ยงแท้งจากการเก็บอุจจาระแมวได้จริงหรือ?

Volume
ฉบับที่ 38 เดือนตุลาคม 2563
Column
Believe it or not
Writer Name
ผศ. นพ.จักรพงษ์ บรูมินเหนทร์ สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คนท้องเสี่ยงแท้งจากการเก็บอุจจาระแมวได้จริงหรือ?

ในอุจจาระแมวนั้นอาจมีเชื้อปรสิตที่ชื่อว่า Toxoplasma gondii ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคท็อกโซพลาสโมซิส (Toxoplasmosis) หรือ โรคขี้แมว โดยทั่วไปเราจะได้รับเชื้อจากการเผลอกินเชื้อปรสิตชนิดนี้ที่ปนมากับอุจจาระของแมวโดยไม่ตั้งใจ ซึ่งแมวเป็นสัตว์เลี้ยงที่อยู่ใกล้ชิดกับคน เวลาแมวมาคลอเคลียสัมผัสกับเราอาจนำเชื้อมาติดตามมือได้ หรือเมื่อเก็บอุจจาระแมว โดยเฉพาะจากกระบะทรายที่เเมวอุจจาระทิ้งไว้ แล้วไม่ได้ล้างมือก่อนรับประทานอาหารก็อาจเผลอนำเชื้อเข้าปากได้ นอกจากนี้ เรายังสามารถรับเชื้อจากการรับประทานเนื้อสัตว์ที่ปรุงไม่สุก เช่น เนื้อวัว เนื้อแกะ เป็นต้น โดยสัตว์เหล่านี้มักได้รับเชื้อจากการกินอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อ จากนั้นเชื้อเหล่านี้ก็จะไปอยู่ที่กล้ามเนื้อ เมื่อเรารับประทานเนื้อสัตว์เหล่านี้โดยไม่ผ่านการปรุงสุก ก็จะทำให้ได้รับเชื้อได้อีกทางหนึ่ง

การเกิดโรคขี้แมวสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคน โดยคนปกติทั่วไปที่แข็งแรงดี เมื่อได้รับเชื้ออาจไม่แสดงอาการหรือมีอาการเพียงเล็กน้อย โดยมีอาการคล้ายไข้หวัด ได้แก่ ไข้ เจ็บคอ ต่อมน้ำเหลืองโต ซึ่งหายได้เอง จึงทำให้บางครั้งอาจไม่ทราบว่าเคยติดเชื้อมาก่อน โดยหลังจากติดเชื้อ ภูมิคุ้มกันของเราก็จะควบคุมเชื้อไว้ และเมื่อร่างกายเราอ่อนแอลง หรือมีภูมิคุ้มกันต่ำลง เช่น เป็นเอดส์ กินยากดภูมิคุ้มกัน เชื้อที่ซ่อนอยู่ในร่างกายเราในที่ต่าง ๆ ก็อาจกำเริบขึ้น ทำให้เกิดการติดเชื้อในสมองหรือกล้ามเนื้ออักเสบได้

อย่างไรก็ตามในกรณีของการติดเชื้อในหญิงตั้งครรภ์นั้นมีความสำคัญ โดยถึงแม้ว่าการติดเชื้อครั้งเเรกในขณะตั้งครรภ์นั้นอาจมีอาการไม่รุนเเรงต่อหญิงตั้งครรภ์แต่อาจส่งผลไปยังเด็กในครรภ์ได้  เด็กอาจเกิดการติดเชื้อทำให้มีขนาดตัวเล็ก ศีรษะโตจากโพรงสมองที่ใหญ่ขึ้น นอกจากนั้นยังอาจมีปัญหาเรื่องการมองเห็น การได้ยิน อาจถึงขั้นแท้ง หรือตายคลอดได้ การส่งต่อเชื้อจากหญิงตั้งครรภ์ไปสู่เด็กได้นั้นมักเกิดจากการติดเชื้อครั้งแรก แต่ถ้าหากเคยได้รับเชื้อมาแล้ว เเละเกิดการกำเริบช่วงที่ตั้งครรภ์มักจะไม่ติดไปสู่เด็ก เนื่องจากร่างกายจะมีภูมิคุ้มกันอยู่บ้างแล้ว จากการศึกษาโดยการตรวจเลือดผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ในประเทศไทยพบว่าผู้ที่เคยติดเชื้อชนิดนี้อยู่ประมาณร้อยละ 28 โดยส่วนใหญ่มักไม่ทราบว่าตนเองได้รับเชื้อมาก่อน จึงเป็นการยากที่จะทราบว่าเราเคยติดเชื้อมาก่อนหรือไม่ ดังนั้น การป้องกันการรับเชื้อตั้งแต่แรกจึงดีที่สุด

หากหญิงตั้งครรภ์ที่เลี้ยงแมวรู้สึกกังวลใจ อาจหาคนช่วยดูแลแมวในขณะตั้งครรภ์ หรือถ้าไม่ได้ ควรห่างจากแมว และงดเว้นการเก็บอุจจาระแมวด้วยมือเปล่า ควรสวมถุงมือทุกครั้ง หมั่นรักษาความสะอาดโดยการล้างมือเป็นประจำก่อนรับประทานอาหาร นอกจากนั้นการรับประทานอาหารที่ปรุงสุกอยู่เสมอยังช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อได้อีกด้วย

สามารถรับชมคลิปสุขภาพ เตือนคนท้องระวัง! ห้ามเก็บขี้แมว ได้ทาง Youtube RamaChannel >>> https://www.youtube.com/watch?v=JqtZ-jkmax8&feature=youtu.be

เนื้อหาภายในฉบับที่ 38