นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

บ้านเล็กในเมืองใหญ่ (A Small Family in The Big City)

Volume
ฉบับที่ 38 เดือนตุลาคม 2563
Column
Behind the Scene
Writer Name
นันทิตา จุไรทัศนีย์

บ้านเล็กในเมืองใหญ่ (A Small Family in The Big City)

‘เปาะ แปะ … เปาะ แปะ …’  เสียงสายฝนหลงฤดูเริ่มซาลง เม็ดฝนแต่ละหยดค่อย ๆ ตกลงสู่พื้นผิวโลก ถนนคอนกรีตที่เหยียบอยู่นั้นสะท้อนแสงแดดยามเมฆดำร้างลา ฉันและเพื่อนเดินไปข้างหน้าตามแผนที่ในมือ

ในสถานการณ์ที่โรคระบาดแพร่กระจายไปทั่วประเทศ แต่ละเมืองมีการล็อกดาวน์ในจังหวัดของตัวเอง ความน่ากลัวจากโรคอุบัติใหม่ที่มีการติดต่ออย่างง่ายดาย ประชาชนพากันเก็บตัวอยู่ภายในบ้าน หลีกเลี่ยงการเดินทางและพบปะเจอหน้ากัน อีกทั้ง พ.ร.ก. ฉุกเฉินที่ควบคุมโรคระบาดในตอนนี้ ทำให้เมืองหลวงต้องระมัดระวังกันมากเลยทีเดียว

ดวงตะวันสาดแสงไปทั่ว ดูเหมือนมันจงใจจะแผดเผาผู้คนบนท้องถนนที่เหลือน้อยอยู่แล้วให้มลายหายไป และฉันเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่า ระหว่างฉันกับเชื้อโรคอะไรจะตายจากความร้อนไปก่อนกัน

พื้นดินด้านในบาทวิถีเผยให้เห็นแอ่งหลุมเต็มไปด้วยน้ำสีดำ พื้นปูนขรุขระถูกทำขึ้นมาอย่างลวก ๆ พอให้รถวิ่งได้ ที่อยู่อาศัยถูกก่อสร้างขึ้นมาพอให้หลบแดดและฝน ส่วนบ้านที่พวกเราตามหาอยู่นั้นเล่ากลับมองหาไม่พบเจอ

“หมอ ๆ ทางนี้ ๆ”  มือเล็ก ๆ กวักไวไว เรียกฉัน สองเท้าคู่เล็กวิ่งมาอยู่ตรงหน้าตามมาด้วยสองเท้าคู่น้อยที่ก้าวมาไวไว “สวัสดีครับ”  สี่มือพนมพร้อมกันและก้มหัวลงจนชิดอก ทำเอาฉันแทบรับไหว้ไม่ทัน “หมอหาบ้านผมไม่เจอหรอ” สายตาฉงนนั้นยิงตรงมาพร้อมคำถาม

ฉันยิ้มรับต่อความจำนนนั้น พยักหน้าให้เด็กชายทั้งสองพาเราไปยังบ้านของพวกเขา สี่เท้าคู่เก่งเดินแกมวิ่งนำหน้าเราไป ทั้งคู่หยุดถอดรองเท้าหน้าบันไดแห่งหนึ่ง สองเท้าของฉันเดินตามเด็ก ๆ ขึ้นบันไดไปไม่กี่ขั้น เพียงเท่านั้นแล้วเราก็ได้พบกับสถานที่แห่งใหม่

“บ้าน”  ที่พวกเราไม่เคยได้พบเจอ พื้นราบเรียบถูกปูด้วยที่นอนแกมเก่า หน้าต่างราวสิบบานเปิดขึ้นให้อากาศภายนอกไหลเวียนสู่ภายใน แต่นั่นก็ยังลบล้างพลังของดวงอาทิตย์ลงไปไม่ได้ คลื่นความร้อนส่งผ่านผนังโลหะมาสู่ผู้อาศัย เพดานมีราวยาว ๆ สามอัน ดูเหมือนมันจะมาพร้อมกับที่พักแห่งนี้ตั้งแต่เริ่มแรก หากแต่สิ่งที่บ่งบอกถึงความเป็นมาของที่นี่ตั้งแต่เริ่มต้นคงจะเป็นพวงมาลัยรถอันใหญ่ที่ยังไม่ได้ถอดออก

พวกเราอยู่บนรถประจำทางที่ถูกปลดระวางมาเป็นบ้านให้ครอบครัวเล็ก ๆ นี้ได้อยู่ บนที่ดินซึ่งเป็นอู่รถประจำทางอีกที

เสียงวิ่งกรูกันมาผสมผเสไปกับเสียงจ้อกแจ้กจุ๊กจิ๊กของเด็กผู้หญิง ผมดกดำโผล่เข้ามาในประตูรถหรือน่าจะเรียกได้ว่านั่นคือประตูบ้าน ผมจุกและผมเปียของเด็กหญิงสองคนกระเด้งกระดอนตามแรงกระโดดโลดเต้น พอมาอยู่กันครบก็นับได้ทั้งหมด 5 คน เมื่อรวมกับเด็กชายคนสุดท้องที่นอนดูดนมอยู่ที่เต้าแม่

ฉันได้รับการส่งต่อจากหอผู้ป่วยเพื่อมาเยี่ยมบ้านผู้ป่วยรายนี้หลังออกจากโรงพยาบาล เธอเป็นหญิงหลังคลอดครั้งที่ 5 นั่นหมายความว่าเด็กทั้ง 5 คนบนรถบ้านคันนี้เป็นลูกของเธอ

สีหน้าโศกสลดของหญิงหลังคลอดเพียงไม่กี่วันตรงหน้าบ่งบอกถึงความยากลำบากในการดำรงชีวิตยามนี้ได้ดี ข้าวปลาอาหารไม่ได้หายาก แต่ที่ไม่ง่ายดายนักคือการหาเงินมาซื้อของกินประทังชีวิต

สามีของเธอหรือพ่อของเด็ก ๆ ทั้ง 5 คน มีอาชีพเป็นอะไหล่รถเมล์ ฉันมองหาอู่ซ่อมรถแถวนี้ แต่ไม่เห็นเจอ “คุณพ่อทำงานที่อู่ไหนหรือคะ” ฉันถามหลังจากมองจนเหลียวหลัง

ผู้เป็นแม่ขำกับอาการของฉันเล็กน้อย “อยู่ที่อู่นี้แหละค่ะ”

“ซ่อมรถที่นี่เลยหรือคะ ไม่เห็นมีอู่หรือที่ซ่อมรถเลย”

เธอยิ้มน้อย ๆ พอให้เห็นถึงความสดชื่นขึ้นมาบ้าง “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่คนซ่อมรถ … อะไหล่รถเมล์หมายถึงเราเป็นอะไหล่ของคนขับรถเมล์ เป็นตัวเสริมแทนเวลาคนขับตัวจริงไม่มา งานก็จะไม่ได้มีทุกวัน มีเฉพาะวันที่คนขับประจำไม่มาอย่างเช่นวันนี้”

ฉันพยักหน้ากับความรู้ใหม่ นับว่าเป็นความรู้เฉพาะทางได้ไหมนะ เพราะถ้าไม่ได้อยู่ในแวดวงนี้ก็คงไม่มีทางได้รู้เลย

รายได้ 320 บาทต่อวันกับ 7 ชีวิตนับได้ว่าไม่เพียงพอ ยิ่งในช่วงนี้ทุกคนอยู่แต่ในบ้าน คนที่ไหนจะมาขึ้นรถเมล์ ทางอู่ก็ลดจำนวนรอบของรถลงเพราะไม่คุ้มกับค่าน้ำมัน เพราะฉะนั้นยิ่งหวังพึ่งกับเงินเสริมจากหางตั๋วไม่ได้เลย

แต่ชีวิตมันต้องดิ้นรนต่อไป ในยามอับจนเธอพาลูกคนโตและคนรองไปเอาอาหารที่ตู้ปันสุข ตู้แห่งน้ำใจของชาวเมือง อย่างน้อยลูก ๆ ก็ได้กินครบ 3 มื้อ ไม่ต้องอดอย่างที่เธอกังวล

เศษผ้าที่หลุดลุ่ยบ่งบอกได้ว่าหน้ากากอนามัยนั้นผ่านการใช้งานมาอย่างโชกโชน เด็ก ๆ แต่ละคนมีกันคนละ 2-3 ชิ้น จากการได้รับบริจาคมา ฉันตั้งใจว่าคราวหน้าจะนำมาฝากเด็ก ๆ เพิ่มเติม

เดิมคุณแม่เคยขายดอกไม้อยู่หน้าสถานบันเทิงย่านสุขุมวิท รายได้อาจไม่มากนัก แต่ก็พอจุนเจือครอบครัวได้บ้าง แต่ยามนี้สถานท่องเที่ยวยามราตรีต้องปิดชั่วคราวทำให้หมดช่องทางทำกิน

“พอดีช่วงนี้มีเคอร์ฟิวด้วยใช่มั้ยแม่ เลยขายของกลางคืนไม่ได้เลย”

“ก็ใช่จ้ะ แต่ฟ้าปิด แขกก็เข้ามาไม่ได้ด้วย” เธอหมายถึงตอนนี้ประเทศไทยปิดน่านฟ้า ต่างชาติก็ไม่สามารถเข้ามาในประเทศไทยได้

จริงสินะ ฉันลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย ไม่ใช่แค่การกำหนดช่วงเวลาหรือการเดินทางที่ทำให้เศรษฐกิจแย่ลง แต่การปิดประเทศนี่สิทำให้เศรษฐกิจแทบจะหยุดชะงักไปทีเดียว

ฉันคิดถึงผลกระทบจาก COVID-19 มันใกล้ตัวมากจนแทบจะบอกได้ว่าเป็นเรื่องของทุกคน

เราตรวจร่างกายเบบี๋น้อย เด็กชายตัวเล็กในอ้อมกอดแม่แข็งแรงดี ฉันตรวจสอบการได้รับวัคซีนของเด็ก ๆ ทั้ง 4 คนครบถ้วนสมบูรณ์ เหลือแต่เจ้าตัวน้อยที่ต้องรับวัคซีนเมื่อถึงอายุตามกำหนดของกระทรวงสาธารณสุข

ฉันแนะนำให้แม่พาลูกคนสุดท้องไปรับวัคซีนใกล้บ้าน เพื่อหลีกเลี่ยงการเดินทาง การพบเจอผู้คน และลดการสัมผัสเชื้อโรคจากโรงพยาบาลใหญ่ เพราะตอนนี้ก็ยังมีผู้สงสัยว่าติดเชื้อ COVID-19 มารับการตรวจทุกวัน

เรานัดแนะในการเยี่ยมบ้านคราวหน้า แนะนำการปฏิบัติตัวในสถานการณ์ช่วงนี้ ถึงแม้ว่าในประเทศไทยจะมีผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์มานานนับเดือน แต่ในแต่ละวันเรายังคงบอกไม่ได้ว่าจะมีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในประเทศหรือไม่ ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อในโลกเป็นล้านคน และผู้เสียชีวิตอีกนับแสนคน เราคงยังต้องดูแลตัวเองและคนใกล้ชิดต่อไปจนกว่าเราจะเอาชนะมันได้ในวันหนึ่ง

เราหวังเอาไว้เพียงเท่านั้นเอง

ดาวน์โหลดเพื่ออ่านรูปแบบ PDF
เนื้อหาภายในฉบับที่ 38