หญิงวัยเจริญพันธุ์ที่วางแผนจะตั้งครรภ์หรือหญิงที่กําลังตั้งครรภ์ควรจะได้รับการทบทวนการได้รับวัคซีนมาแล้ว ซึ่งผู้หญิงทุกคนควรได้รับวัคซีนอย่างครบถ้วนก่อนที่การตั้งครรภ์โดยไม่ต้องกังวลกับการได้รับวัคซีนในระหว่างการตั้งครรภ์ หากไม่เคยได้รับวัคซีนหรือไม่มีหลักฐานการได้รับวัคซีนมาก่อน ก็ต้องมีการวางแผนการให้วัคซีนทั้งในระยะตั้งครรภ์และระยะหลังคลอดอย่างเหมาะสม
โดยทั่วไปแล้ววัตถุประสงค์ของการให้วัคซีนในหญิงตั้งครรภ์ มักจะให้เพื่อกระตุ้นให้เกิดภูมิคุ้มกันในมารดา หากหญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงหากเกิดการติดเชื้อนั้นๆ ขึ้น และยังช่วยเพิ่มโอกาสในการป้องกันโรคแก่ทารกในช่วง 6-12 เดือนแรกหลังเกิดด้วย
โรคไข้หวัดใหญ่ก็่เป็นอีกโรคหนึ่งที่พบว่า หญิงตั้งครรภ์มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะแทรกซ้อนจากไข้หวัดใหญ่มากกว่าคนทั่วไป โดยเฉพาะเกิดภาวะปอดอักเสบและอาจเสียชีวิตได้ เนื่องจากหญิงตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของระบบหัวใจและหลอดเลือด ระบบทางเดินหายใจ และมีความต้องการออกซิเจนเพิ่มขึ้น พบว่าหญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่มีโอกาสที่จะต้องนอนในโรงพยาบาลมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และเป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 4 เท่า
หญิงตั้งครรภ์ที่เป็นไข้หวัดใหญ่มีโอกาสที่จะต้องนอนในโรงพยาบาลมากกว่าหญิงที่ไม่ได้ตั้งครรภ์และเป็นไข้หวัดใหญ่ถึง 4 เท่า
โรคไข้หวัดใหญ่ในประเทศไทยจะพบมากในช่วงฤดูฝน และยังพบต่อเนื่องในช่วงฤดูหนาวด้วย เชื้อไข้หวัดใหญ่มักมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ที่ระบาดเกือบทุกปี คนที่เคยเป็นไข้หวัดใหญ่แล้วก็ยังมีโอกาสเป็นซ้ำได้ เนื่องจากอาจป่วยจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่เปลี่ยนสายพันธุ์ไปได้ และภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจะอยู่ได้ไม่นาน
วัคซีนไข้หวัดใหญ่จะมีส่วนประกอบของเชื้อไข้หวัดใหญ่ 3 สายพันธุ์ โดยแบ่งเป็น type A จํานวน 2 สายพันธุ์ คือ H1N1 และ H3N2 และยังมี type B 1 สายพันธุ์ วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีการเปลี่ยนแปลงส่วนประกอบของสายพันธุ์ไวรัสที่จะบรรจุในวัคซีนทุกปี ตามคําแนะนําขององค์การอนามัยโลก
ปัจจุบันแนะนําให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนควรได้รับวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ โดยต้องเป็นวัคซีนชนิดเชื้อตาย (ส่วนวัคซีนชนิดเชื้อเป็น ซึ่งยังไม่มีในประเทศไทย ถือเป็นข้อห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์) โดยแนะนําให้ฉีดได้ในทุกช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ ซึ่งนอกจากจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์แล้ว ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นยังผ่านรกจากมารดามาสู่ลูกในครรภ์ด้วย ทําให้เมื่อคลอดออกมาลูกจะมีภูมิคุ้มกันไข้หวัดใหญ่ตั้งแต่แรกเกิดโดยไม่ต้องฉีดวัคซีน เพราะปกติแล้วจะเริ่มให้วัคซีนไข้หวัดใหญ่ชนิดเชื้อตายได้ในเด็กตั้งแต่อายุ 6 เดือนขึ้นไป การได้รับวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์จึงเป็นการได้ประโยชน์ถึง 2 ต่อ หญิงตั้งครรภ์ได้รับประโยชน์โดยตรง ส่วนลูกได้รับประโยชน์โดยอ้อม
ภูมิคุ้มกันที่เกิดจากการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่จะลดต่ำลงตามธรรมชาติหลังจากผ่าน 6-12 เดือนไปแล้ว ดังนั้นควรฉีดวัคซีนทุกปี เนื่องจากระยะฟักตัวของโรคไข้หวัดใหญ่สั้นมาก จําเป็นต้องมีภูมิคุ้มกันสูงมากพอขณะที่ได้รับเชื้อเข้ามาในร่างกาย การฉีดวัคซีนปีละครั้งจะทําให้ระดับภูมิคุ้มกันสูงพอที่จะป้องกันโรคได้
วัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่มีควมปลอดภัยสูง แต่ผลข้างเคียงจากการได้รับวัคซีนมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ที่เกิดมักเป็นอาการเฉพาะที่บริเวณตําแหน่งฉีด หรืออาจมีไข้ต่ำๆ และปวดเมื่อยได้ในช่วง 1-2 วันหลังฉีด
"แนะนํา ให้ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ได้ในทุกช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ โดยนอกจากจะป้องกันไข้หวัดใหญ่ในหญิงตั้งครรภ์แล้ว ภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นยังผ่านจากรกมารดามาสู่ลูกในครรภ์ด้วย"