WHO ยืนยันเด็กสูบ "บุหรี่ไฟฟ้า" เสี่ยงติดบุหรี่ธรรมดาเพิ่ม

 

รศ.ดร.พญ.เริงฤดี ปธานวนิช ภาควิชาเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ตามที่ฝ่ายสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้าที่อ้างว่า ไม่มีหลักฐานที่เชื่อถือได้มากพอว่า บุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูไปสู่การสูบบุหรี่และการใช้บุหรี่ไฟฟ้ายังมีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่อย่างมากนั้น องค์การอนามัยโลกได้สรุปในรายงาน WHO Report On The Global Tobacco Epidemic 2021 ว่า เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 2 เท่า และยังมีอีกหลายองค์กรที่ทำงานด้านสุขภาพทั่วโลก สรุปตรงกันในประเด็นนี้ เช่น มหาวิทยาลัยแห่งชาติออสเตรเลีย กระทรวงสาธารณสุขออสเตรเลีย สรุปว่า เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 3 เท่า องค์กรแพทย์เพื่อแคนาดาปลอดบุหรี่ สรุปว่า เด็กและเยาวชนที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มจะสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้น 3-4 เท่า คณะกรรมาธิการยุโรปด้านสุขภาพ สิ่งแวดล้อมและโรคอุบัติใหม่ สมาคมกุมารแพทย์แห่งยุโรป สมาคมแพทย์โรคระบบทางเดินหายใจยุโรป สหพันธ์โรควัณโรคและโรคปอดนานาชาติ ต่างเห็นว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าในเด็กจะนำไปสู่การเสพติดนิโคตินระยะยาว ขณะที่งานวิจัยที่ใช้ข้อมูลของไทย ได้สรุปว่า เด็กที่สูบบุหรี่ไฟฟ้ามีแนวโน้มสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่ม 5 เท่า

รศ.ดร.พญ.เริงฤดี กล่าวต่อว่า สิ่งที่น่ากังวลเรื่องบุหรี่ไฟฟ้าคือ ผลกระทบต่อเด็กและเยาวชน มีงานวิจัยที่ยืนยันว่า เด็ก 3 ใน 4 ที่สูบบุหรี่ไฟฟ้า ไม่ใช่เด็กกลุ่มเสี่ยงที่จะสูบบุหรี่ธรรมดา แสดงให้เห็นว่าบุหรี่ไฟฟ้าเป็นประตูนำเด็กที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงเข้ามาสู่การสูบบุหรี่และเสพติดนิโคติน กลุ่มสนับสนุนบุหรี่ไฟฟ้ามักอ้างว่า หากบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เด็กสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มขึ้นจริง ทำไมอัตราสูบบุหรี่ธรรมดาในต่างประเทศ เช่น อังกฤษ สหรัฐฯ ไม่เพิ่มขึ้น ข้อเท็จจริงคือ อัตราสูบบุหรี่ในระดับประชากรมีปัจจัยที่เกี่ยวข้องหลายด้าน โดยเฉพาะมาตรการควบคุมยาสูบ เช่น ภาษียาสูบ เขตปลอดบุหรี่ ห้ามโฆษณาบุหรี่ ส่วนการสูบบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลให้เด็กและเยาวชนสูบบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็นผลในระดับบุคคล จึงไม่อาจนำไปเปรียบเทียบกับผลรวมระดับประชากรได้ เพราะต้องพิจารณาร่วมกับมาตรการอื่นที่จะส่งผลกระทบต่อภาพรวมการสูบบุหรี่ในระดับประชากรด้วย แต่มีข้อสังเกตว่า อัตราการลดลงของการสูบบุหรี่ธรรมดาของเด็กและเยาวชนในต่างประเทศ มีมานานตั้งแต่ก่อนมีบุหรี่ไฟฟ้า แต่หลังจากมีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า อัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาในเด็กกลับลดลงน้อยกว่าก่อนที่จะมีบุหรี่ไฟฟ้าด้วยซ้ำ 

ด้าน ผศ.ดร.นพ.วิชช์ เกษมทรัพย์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) กล่าวว่า ประเด็นนี้มีนักวิจัยจากสหรัฐฯ ได้ศึกษาพบว่า ตั้งแต่มีการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า อัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาในเด็กและเยาวชนลดลงน้อยกว่าก่อนการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้า โดยอัตราการลดลงของการสูบบุหรี่ธรรมดาในเด็กและเยาวชนก่อนมีบุหรี่ไฟฟ้า คือ ปี 2545-2556 ลดลงเฉลี่ยปีละ 0.75% ซึ่งบุหรี่ไฟฟ้าเริ่มระบาด ปี 2558-2562 อัตราการสูบบุหรี่ธรรมดาในเด็กและเยาวชนลดลงเพียงปีละ 0.37% กล่าวได้ว่าการระบาดของบุหรี่ไฟฟ้าในสหรัฐฯ 4 ปี ทำให้เด็กและเยาวชนสูบบุหรี่ธรรมดาเพิ่มถึง 1.66 ล้านคน สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เด็กและเยาวชนติดบุหรี่เพิ่มขึ้นจริง

 

ที่มา: https://www.hfocus.org/content/2022/10/26141