
“กริ๊งงงงงงงง” เสียงแหลมสูงดังเข้าสู่โสตประสาทของฉัน โดยไม่ต้องเงี่ยหูฟัง ฉันก็รับรู้ได้ทันทีว่าเป็นสัญญาณเสียงเตือนไฟไหม้
11 มีนาคม ช่วงหนึ่งทุ่มเศษ ฉันเป็นกลุ่มคนจำนวนหนึ่งที่ยังคงอยู่ที่โรงพยาบาลร่วมกับบุคลากรการแพทย์ที่ตั้งหน้าตั้งตาปฏิบัติงานเพื่อผู้ป่วยทุกคน
เสียงกริ่งดังต่อเนื่องโดยขยายวงกว้างขึ้นเรื่อย ๆ ฉันเริ่มรู้สึกว่าเกิดเหตุการณ์ที่ไม่ปกติขึ้นเสียแล้ว
ไม่ทันต้องคิดนานเสียงจากโทรศัพท์กลางก็ดังขึ้นแข่งกับเสียงกริ่งนั้น “คุณหมออัคคี คุณหมออัคคี คุณหมออัคคีที่ชั้น 2 อาคารหลักฝั่งตะวันตกค่ะ”
คุณหมออัคคีเป็นโค้ดที่ใช้กรณีเกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉันคิดว่าอาจจะมีเปลวไฟหรือมีบางสิ่งที่เป็นต้นเพลิงแล้วต้องการเจ้าหน้าที่ในการดับไฟ การซักซ้อมเหตุเพลิงไหม้เกิดขึ้นในทุกหน่วยงานและทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล ฉันอยู่คนละอาคารกับจุดเกิดเหตุ แต่ก็พร้อมรับมือหากเกิดอะไรเปลี่ยนแปลงขึ้นในทุกนาที
ไม่กี่นาทีหลังจากเสียงต่าง ๆ ผ่านไป ฉันได้กลิ่นไหม้และเริ่มเห็นกลุ่มควันสีดำลอยออกมาจากตึกหลังนั้น เสียงจากแอปพลิเคชันไลน์ดังขึ้น เป็นกลุ่มไลน์ของหน่วยงาน หัวหน้าสอบถามว่าใครยังอยู่ที่โรงพยาบาลในตอนนี้บ้าง ข้อความแจ้งให้ผู้ที่อยู่ในโรงพยาบาลเข้าประจำจุดที่ได้รับมอบหมายเพื่อเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ ฉันมุ่งหน้าไปยังเสาธง ซึ่งเป็นจุดอพยพประจำหน่วยงาน ขาสองข้างก้าวเร็วขึ้น เร็วขึ้นเรื่อย ๆ รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่หน้าอาคารแล้ว
“คุณหมออัคคีสิ้นสุดลงแล้วค่ะ” เสียงประกาศนี้ทำให้ทราบว่าสามารถควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่เนื่องจากยังมีกลุ่มควันสีดำเป็นจำนวนมาก ทำให้แผนเคลื่อนย้ายผู้ป่วยยังคงดำเนินต่อไป ฉันรับคำสั่งจากหัวหน้าทีมในจุดนั้นให้นำอุปกรณ์การแพทย์ไปให้ผู้ป่วยเด็กคลอดก่อนกำหนดในไอซียูที่เคลื่อนย้ายออกมา เหตุเพราะฉันทำงานในไอซียูเด็กมาก่อน หากที่นั่นขาดคน ฉันสามารถเข้าปฏิบัติงานได้ทันที
นักผจญเพลิง 2 นายพาฉันเข้าไปข้างใน เหตุการณ์สงบแล้ว ในอาคารมีความปลอดภัย พัดลมตัวใหญ่เป่าไล่กลุ่มควันให้จางหายไป กลิ่นไหม้ยังคงชัดเจน หลังควันสลายไปฉันสังเกตเห็นน้ำสีดำจากการดับเพลิงเจิ่งนองเต็มพื้น
ฉันก้าวขาขึ้นบันไดฝ่ามวลน้ำที่ใช้ดับเพลิงซึ่งไหลมาจากชั้นสองจนขากางเกงและรองเท้าเปียกชุ่มและหนักไปด้วยน้ำ ไม่เท่านั้น น้ำบางส่วนจากชั้นบนไหลหลากลงมาเป็นน้ำตกทำเอาฉันเปียกตั้งแต่หัวจรดเท้า สภาพของฉันตอนนี้ไม่ต่างจากลูกหมาตกน้ำเลยสักนิดเดียว
อุปกรณ์การแพทย์ในอ้อมแขนยังอยู่ในสภาพใช้งานได้ดีดังเดิม ฉันส่งมอบให้ถึงมือน้องพยาบาล ที่นี่บุคลากรการแพทย์มีจำนวนเพียงพอ ฉันจึงมุ่งหน้าไปจุดที่รองรับผู้ป่วยเด็ก คนไข้เด็กของฉันหลายคนอยู่ที่นั่นพร้อมกับพ่อแม่ เราทักทายกันด้วยความคุ้นเคย เด็ก ๆ มีสภาพจิตใจที่ดีเยี่ยม พ่อและแม่ต่างก็เข้าใจสถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างดี
ผ่านไปเกือบสามชั่วโมง เราได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายคนไข้กลับไปยังหอผู้ป่วย เด็ก ๆ ง่วงนอนกันเต็มที พ่อและแม่ส่งเด็ก ๆ เข้านอนก่อนกลับไปด้วยความโล่งใจ
ฉันมองนาฬิกาเมื่อถึงบ้าน อีกไม่กี่นาทีก็จะล่วงเข้าสู่วันใหม่ ข้อความที่หลั่งไหลเข้ามาในโทรศัพท์ด้วยความห่วงใย ฉันไม่ทันได้เปิดอ่านก็เผลอหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนแต่ก็สุขใจ
🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️
28 มีนาคม หลังเกิดเหตุเพลิงไหม้ได้ 17 วัน ฉันนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พลางรู้สึกได้ถึงความสั่นสะเทือน ด้วยความที่สำนักงานอยู่ชั้น 1 ฉันไม่ได้รู้สึกถึงความสั่นไหวมากนัก แต่รู้สึกได้ถึงแรงสั่นสะเทือนที่พื้นดิน หลายคนมองหน้ากัน ตาสบตาและจบลงที่ความเห็นว่าน่าจะเกิดแผ่นดินไหว

ฉันและเพื่อนร่วมงานไปประจำจุดอพยพที่หน้าเสาธง พลันก็นึกขึ้นมาว่า ‘แล้วคนไข้ล่ะ’ ฉันวิ่งกลับเข้ามาที่อาคาร 5 ซึ่งเป็นหอผู้ป่วยกึ่งวิกฤต คิดว่าที่นี่น่าจะต้องการผู้ช่วยเหลือในการย้ายคนไข้
เป็นดังคาด ผู้ป่วยกำลังถูกเข็นออกมาทั้งเตียง เนื่องจากเป็นผู้ป่วยหนัก พี่ ๆ เวรเปลนำแท็งก์ออกซิเจนสำหรับเคลื่อนย้ายเข้ามา ใช้เวลาไม่นานคนไข้เตียงสุดท้ายก็ถูกย้ายออกไปยังพื้นที่ปลอดภัย
หลังจากนั้น ฉันได้รับมอบหมายให้ประจำจุดดูแลผู้ป่วยสีแดงที่หน้าเสาธง คือคนไข้หนักจากไอซียูที่ใส่ท่อช่วยหายใจและคนไข้ที่ต้องทำการกู้ชีพ รับคำสั่งในการทำงานจากแพทย์เวชศาสตร์ฉุกเฉิน

เตียงผู้ป่วยถูกลำเลียงออกมาเตียงแล้วเตียงเล่า จากพื้นที่หน้าเสาธงขยายไปสุดถึงริมถนน จนต้องปิดถนนไปหนึ่งเลนเพื่อความปลอดภัย พยาบาลจากหอผู้ป่วยดูแลคนไข้ของตัวเองอย่างใกล้ชิด ในขณะที่เคลื่อนย้ายต้องใช้วิธีบีบถุงช่วยหายใจ ส่วนเครื่องช่วยหายใจกำลังตามลงมา
แท็งก์ที่หัวเตียงถูกสลับสับเปลี่ยนเพื่อเติมออกซิเจน ฉันนำเครื่องช่วยหายใจไปประจำที่เตียงคนไข้ วิสัญญีแพทย์หรือหมอดมยาตั้งค่าเครื่องให้เหมาะกับผู้ป่วยแต่ละคน ในแต่ละโซนมีกุมารแพทย์และอายุรแพทย์ที่คอยดูแลคนไข้ของตนเอง
เสียงแอมบูแลนซ์ดังมาจากถนนทุกสาย ทำให้ตระหนักได้ว่าเหตุการณ์วันนี้หนักกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา คนไข้ที่มีอาการหนักมากเกินกว่าจะอยู่บนถนน จำเป็นต้องย้ายเข้าไปยังห้องฉุกเฉินเพื่อทำการรักษาต่อไป


กว่าสองชั่วโมงจึงได้รับการยืนยันถึงความปลอดภัย เราได้รับคำสั่งให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับเข้าตึกได้ โดยให้คนไข้หนักเข้าไปก่อน หลังจากเตียงสุดท้ายถูกเข็นเข้าไป ฉันมุ่งหน้าไปยังคณะวิทยาศาสตร์ บ้านพี่เมืองน้องของเรา
คนไข้จำนวนมากพักอยู่ที่นั่น ทั้งสีเขียวและสีเหลือง น้อง ๆ นักศึกษาช่วยกันเคลียร์สถานที่ให้คนไข้ได้เข้าไปพักในร่ม อีกทั้งยังนำน้ำดื่มมาแจกจ่ายให้กับทุกคน
ทีมนักปฏิบัติการฉุกเฉินการแพทย์ (Paramedic) ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฝั่งนี้ มอบหมายให้แต่ละจุดเคลื่อนย้ายผู้ป่วยกลับโรงพยาบาล และภารกิจทั้งหมดเสร็จสิ้นตอนสี่โมงเย็น
ฉันเดินกลับโรงพยาบาลพร้อมเพื่อนร่วมทีม แต่ละคนดูอิดโรยและเหนื่อยล้า แต่บนใบหน้าเหล่านั้นเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มและเสียงพูดคุยด้วยความสบายใจที่คนไข้ของเราปลอดภัย
พื้นที่บนถนนคืนให้กับรถยนต์ พื้นที่หน้าเสาธงกลับสู่สภาพเดิมเหมือนไม่เคยมีเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นเกิดขึ้นมาก่อน

ฉันกลับมานั่งดูโทรทัศน์พร้อมกับเพื่อน ๆ แลกเปลี่ยนกันถึงเหตุการณ์ที่ทุก ๆ พื้นที่ของประเทศไทยได้ประสบพบเจอ เราคิดถึงการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพในวันนี้ ซึ่งไม่อาจเกิดขึ้นได้เพียงเพราะคนคนเดียว แต่เป็นเพราะทุกคนรวมถึงคนไข้และครอบครัวที่ร่วมมือร่วมใจกันฝ่าฟันจนผ่านพ้นวิกฤติในวันนี้ไปได้อย่างปลอดภัยด้วยกัน
จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 นิตยสาร @Rama ขอแสดงความเสียใจต่อผู้สูญเสียทุกท่านค่ะ
🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️
การประเมินผู้ป่วยเพื่อจัดกลุ่มผู้ป่วยตามความวิกฤต โรงพยาบาลแต่ละแห่งอาจจะใช้ระดับหรือกลุ่มของผู้ป่วยที่แตกต่างกัน แต่มักจะมีหลัก ๆ อยู่ 3 กลุ่ม ได้แก่
🔴สีแดง : ผู้ป่วยวิกฤต ผู้ป่วยฉุกเฉินหนัก มีสัญญาณชีพไม่คงที่
🟡สีเหลือง : ผู้ป่วยรีบด่วน ผู้ป่วยที่ได้รับบาดเจ็บแต่สัญญาณชีพคงที่ รู้สึกตัวดี
🟢สีเขียว : ผู้ป่วยที่ไม่รีบด่วน ผู้ป่วยที่มีความผิดปกติทางร่างกาย ไม่มีการบาดเจ็บภายนอกรู้สึกตัวดี และสัญญาณชีพคงที่
🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️🖌️
ขอขอบคุณ
• Facebook Fanpage: The Momentum อนุญาตให้นำรูปภาพเผยแพร่ในนิตยสาร @Rama
• สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร
• สำนักข่าว THE STANDARD
• หน่วยช่างภาพ งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี