นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

หนูขอโทษ

Volume
ฉบับที่ 49 เดือนกรกฎาคม 2566
Column
Behind the Scene
Writer Name
นันทิตา จุไรทัศนีย์

หนูขอโทษ

หนูขอโทษ

ฉันมองดูตัวอักษรที่โย้เย้ไปมาบนกระดาษสี่เหลี่ยม พยายามอ่านให้เป็นคำที่มีความหมาย แต่ความพยายามของฉันดูจะไม่เป็นผลสำเร็จ ฉันไม่เข้าใจสิ่งที่เด็กหญิงตรงหน้าพยายามจะสื่อ

ดวงตาสีดำที่ควรจะสดใส ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตา ดูเหมือนเธอพยายามจะพูดอะไรบางอย่างกับฉัน แต่ทว่า ...

... ไม่มีเสียงใด ๆ เล็ดลอดออกมาจากปากของเธอ

ฉันพยายามอ่านปากของหนูน้อยอีกครั้ง เธอพูดประโยคสั้น ๆ ซ้ำ ๆ

“หนู ….…..”

“......ขอ ......”

“..........โทษ”

“หนูขอโทษ” ฉันพูดตามเด็กหญิง เธอรีบพยักหน้า และเบะปากร้องไห้

“พยาบาลคิดว่าคุณพ่อคุณแม่ รู้และเข้าใจสิ่งที่หนูทำนะลูก” ฉันตอบ พลางลูบผมเธอ

น้ำตาเธอไหลรินและไม่มีท่าทีว่าจะหยุดลงง่าย ๆ

หนูขอโทษ

สัปดาห์ที่แล้ว ที่บ้านเด็กหญิงมีงานวัดประจำปี เสียงดนตรีช่างสนุกสนาน ลูกโป่งหลากสีสันลอยอยู่บนฟ้า ขนมสายไหมสีสวยน่ากิน เธออยากจะไปงานวัดเหลือเกิน

 “พ่อจ๋า หนูอยากไปงานวัด” เด็กหญิงขออนุญาตพ่อด้วยน้ำเสียงออดอ้อน

“พ่อต้องไปนา พ่อต้องรีบเกี่ยวข้าว ลูก” คนเป็นพ่อปฏิเสธด้วยความลำบากใจ ใจจริงก็สงสาร แต่ข้าวในนานั้นเล่า

“พ่อต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวจะค่ำมืด” พ่อตัดใจและรีบเดินไปที่จักรยานคันเก่าแล้วปั่นไปนา

“พ่อใจร้าย พ่อไม่รักหนู หนูโกรธพ่อแล้ว” เสียงคร่ำครวญของเด็กหญิงสลับกับเสียงสะอื้น

เธอเดินไปหาแม่ หวังว่าแม่อาจจะใจดียอมพาไป แต่แล้วเสียงร้องไห้ของน้องน้อยวัยไม่กี่เดือนก็ร้องจ้าขึ้นมา

เด็กหญิงเกาะขอบหน้าต่างแอบดูแม่ให้นมน้อง เธอหมดหวังที่จะขอร้องแม่อีกคน

ใบหน้าดวงน้อยเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา เสียงสะอื้นดังเป็นพัก ๆ “ไม่มีใครรักหนูเลย” เธอคิดในใจ เด็กหญิงเดินตรงไปที่ยุ้งข้าว เธอจำได้ว่าพ่อเก็บอะไรบางอย่างไว้ในนั้น

“นั่นไง” เด็กหญิงรีบเดินตรงไปที่ขวดพลาสติกสีขาวแล้วหยิบขึ้นมา เทของเหลวสีน้ำเงินใส่ปากและกลืนลงคอ

“โอยยยยยย” เสียงเด็กหญิงร้องครวญคราญ “พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูปวดท้อง”

แม่รีบเดินมาตามเสียงร้อง แล้วก็พบเด็กหญิงนอนอยู่ที่แคร่หน้าบ้าน มือสองข้างกุมที่ท้องพลางนอนบิดตัวไปมา ที่มุมปากมีคราบอะไรบางอย่างติดอยู่

“แม่ช่วยหนูด้วย” ผู้เป็นแม่ตื่นตกใจ รีบสอบถามว่าเธอไปกินอะไรมา

เด็กหญิงชี้ไปที่ยุ้งข้าว ขวดพลาสติกสีขาวกลิ้งอยู่ที่พื้น แม่แทบสิ้นสติ รีบเรียกชาวบ้านให้ช่วยกันพาเธอไปส่งโรงพยาบาล และโทรหาผู้เป็นพ่อ

ทั้งหมดมารอฟังข่าวอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน ไม่นานนัก หมอก็ออกมาพูดคุยกับญาติ จับใจความสำคัญได้ว่าต้องรีบส่งเด็กหญิงไปรักษาต่อยังโรงพยาบาลในกรุงเทพฯ

ฉันนั่งลงข้างเตียง พลางมองเด็กหญิงที่พยายามจะเขียนบางสิ่งบางอย่างลงกระดาษอีกครั้ง

“หนูรักพ่อ” “รักแม่” “รักน้อง” “อยากกลับบ้าน” “หนูจะไม่ทำอีกแล้ว” เด็กหญิงเขียนซ้ำ ๆ “หนูไม่อยากตาย”

พ่อและแม่ของเด็กหญิงเดินออกมาจากห้องประชุมหลังจากคุยกับแพทย์ ทั้งสองสีหน้าเศร้าหมอง ตาบวมแดงและยังพอมีร่องรอยของน้ำตาให้ได้เห็น

พ่อรีบตรงเข้ามากอดลูกที่นอนอยู่บนเตียงแล้วร้องไห้ เด็กหญิงขยับปากที่มีท่อช่วยหายใจสอดลงไปในลำคอ พูดซ้ำ ๆ ว่า “หนูขอโทษ”

“พ่อรู้ ๆ พ่อขอโทษ” พ่อก็พร่ำคำขอโทษไม่ขาดปากเช่นเดียวกัน

ฉันให้ครอบครัวได้ใช้เวลาอยู่ด้วยกัน แพทย์ประจำบ้านถืออะไรบางอย่างและส่งมาให้ฉัน ฉันดูขวดพลาสติกสีขาวใบนั้น ฉลากด้านหน้าเขียนว่า “Paraquat Dichloride”

แพทย์ประจำบ้านส่ายหน้า ฉันพอจะรู้ความหมายในคำตอบนั้น

หลังจากนั้น 2 สัปดาห์ พ่อและแม่มารับเด็กหญิงที่โรงพยาบาล

 “กลับบ้านนะลูก” เสียงพ่อเรียกลูกน้อย “กลับบ้านเรากันนะ” 

 วันนี้ .... เด็กหญิงได้กลับบ้านแล้ว

จากความน้อยใจ นำไปสู่การกินสารพิษเพื่อประชดพ่อและแม่ เด็กหญิงคงไม่รู้ว่าสิ่งที่เธอทำลงไปนั้นจะทำร้ายร่างกายของเธออย่างรุนแรงมากมายขนาดนี้

 จนในที่สุด ... เธอก็เสียชีวิต

ฉันมองตามรถเข็นศพออกไป ตามด้วยพ่อที่คอยประคองแม่ไว้ ด้วยความกลัวว่าแม่จะเป็นลม กลิ่นของเนื้อเยื่อที่โดนทำลายด้วยสารเคมียังคงอบอวลอยู่ คงต้องใช้เวลาอีกหลายวันกว่ากลิ่นจะหมดไปจากไอ.ซี.ยู

แต่ไม่ว่าจะอีกนานเท่าไร ...... ฉันก็คงไม่มีทางลืมเรื่องราวของเด็กหญิงคนนี้อย่างแน่นอน

หนูขอโทษ

ภาวะเป็นพิษจาก paraquat

เป็นสารเคมีกำจัดวัชพืชในกลุ่ม dipyridil ซึ่งมีใช้กันอย่างแพร่หลาย ชี่อทางการค้ามักจะลงท้ายด้วย -xone เช่น Gramoxone paraquat เป็นของเหลวมีสีน้ำเงินเข้ม

พิษจลนศาสตร์ paraquat จะถูกดูดซึมอย่างช้า ๆ ในทางเดินอาหาร และผิวหนังปกติจะดูดซึม paraquat ได้น้อย ยกเว้นถ้าผิวหนังมีแผลการดูดซึมจะมากขึ้น จนทำให้เกิดการเป็นพิษได้ paraquat จะถูกดูดซึมเข้าไปในเลือด หลังจากนั้นจะกระจายไปอยู่ตามเนื้อเยื่อต่าง ๆ เช่น ตับ ไต และปอด เป็นต้น ในภาวะไตปกติ paraquat จะถูกขจัดออกทางไตเกือบทั้งหมด ภาวะเป็นพิษจาก paraquat มักจะมีไตวายร่วมด้วย ทำให้ขับถ่ายสารพิษนี้ออกจากร่างกายไม่ได้

กลไกการเป็นพิษ

ประการแรก paraquat มีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งสามารถกัดผิวหนังและเนื้อเยื่อจนเป็นแผล ประการที่สอง paraquat จะทำปฏิกิริยากับ oxygen ในร่างกายกับเนื้อเยื่อต่าง ๆ ทำให้เกิดความเสียหาย ปริมาณที่อาจจะทำให้ถึงแก่ชีวิตคือ ความเข้มข้น 20% ปริมาณ 10-15 ml.

อาการแสดง 

หลังจากที่ผู้ป่วยได้รับสาร paraquat เข้าไปในร่างกายแล้ว ผู้ป่วยมักมีอาการอาเจียน เนื่องจากในปัจจุบันสาร paraquat ที่ขายตามท้องตลาดมียาทำให้อาเจียนผสมอยู่ด้วย เพื่อลดการเป็นพิษของสารนี้ ภายใน 24 ชั่วโมงแรกผู้ป่วยจะมีอาการทางเดินอาหารส่วนต้น เนื่องจากฤทธิ์ระคายเคืองของ paraquat ทำให้มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย นอกจากนี้จะมีแผลบวมแดงในปาก ซึ่งจะเป็นลักษณะแผ่นขาวปกคลุมบริเวณแผล ในรายที่เป็นมากอาจจะมีอาการฉีกขาดของหลอดอาหาร อากาศรั่วออกไปทำให้มีอาการแทรกซ้อนคือ ลมรั่วในปอดและปอดแตก ภายใน 1-4 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไตวาย นอกจากนี้ผู้ป่วยยังมีอาการของพิษต่อตับ ทำให้ค่าตับสูงขึ้นได้ หลังจากนั้นประมาณวันที่ 3-14 อาการทางไตและตับมักจะดีขึ้น แต่คนไข้จะมีอาการของภาวะหายใจล้มเหลว ซึ่งเกิดจากเลือดออกในปอดและพังผืดในปอด ในที่สุดมักจะถึงแก่กรรมภายใน 3 สัปดาห์

ในรายที่ได้รับสารเคมีชนิดนี้มาก เช่น มากกว่า 60 ml. อาการผิดปกติของอาการจะเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมงและอาการแสดงจะเป็นแบบอวัยวะล้มเหลว เช่น ไตวาย หัวใจเต้นผิดปกติ โคม่า ชัก หลอดอาหารตีบตัน และหัวใจเต้นผิดจังหวะ ผู้ป่วยมักจะถึงแก่กรรมภายใน 24-48 ชั่วโมง

ความรุนแรงของโรคและอัตราการเสียชีวิตของภาวะเป็นพิษจาก paraquat นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ที่สำคัญที่สุดได้แก่ ปริมาณที่ผู้ป่วยรับประทานเข้าไป ความเข้มข้นของ paraquat ที่ใช้ทั่วไปคือ 20% ผู้ป่วยที่รับประทานน้อยกว่า 15 ml. มักจะรอดชีวิต แต่ถ้ามากกว่า 50 ml. มักจะเสียชีวิต และอีกประการหนึ่งได้แก่ อาการแสดงของโรค ถ้าอาการตับวาย ไตวาย และปอดวาย เกิดขึ้นในระยะสั้น ๆ แสดงว่าความรุนแรงของโรคมาก

การรักษา 

การรักษาผู้ป่วยที่ได้รับพิษจาก paraquat ควรเน้นที่การประคับประคองผู้ป่วย โดยการเฝ้าดูอาการของผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดและการให้การรักษาอาการแทรกซ้อน เช่น ตับอักเสบ หรือไตวาย เชื่อกันว่าการให้ oxygen อาจจะทำให้พิษของสาร paraquat เป็นเร็วและมากขึ้น ในผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับ paraquat ทางปาก ควรจะรีบทำการล้างท้อง และให้ดินเหนียว Fuller’s earth (60 gm./bottle) 150 gm. ผสมน้ำ 1 ลิตร ให้ทางปาก หรือให้ 7.5% bentonite 100-150 gm. หรือ Activated charcoal 100-150 g. (2 gm./1kg.) และให้ร่วมกับยาระบาย MOM 30 ml. ทุก 4-6 ชั่วโมง จนผู้ป่วยถ่ายอุจจาระ โดยทั่วไปแล้วถือกันว่าขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในการรักษาภาวะเป็นพิษนี้ เพราะว่าดินสามารถ inactivate paraquat ได้เป็นอย่างดี การให้ Fuller’s earth โดยเร็วจึงเป็นการลดพิษที่เกิดขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพ

 

ขอบคุณข้อมูลจาก ศูนย์พิษวิทยารามาธิบดี คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
PoisonCenter.mahidol.ac.th
https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/th/pois-cov/PQ

 

ดาวน์โหลดเพื่ออ่านรูปแบบ PDF
เนื้อหาภายในฉบับที่ 49