เชื่อในสิ่งที่เห็น มั่นใจในสิ่งที่ทำ ผู้อ่านจะเชื่อหรือไม่ เรื่องนี้ คือ เรื่องจริง....
เรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ฉันได้รับการส่งต่อจากคลินิกโรคเบาหวาน ให้ดูแลผู้ป่วยหญิงวัยสูงอายุรายหนึ่งที่มีปัญหาเรื่องน้ำตาลสูงว่าเกิดอะไรขึ้นกับการดูแลที่บ้าน ในวันแรกฉันไม่ได้เจอผู้ป่วยที่โรงพยาบาล ได้รับเพียงเบอร์โทรศัพท์ติดต่อลูกสาวของเธอเท่านั้น
ฉันโทรติดต่อคุณนี ลูกสาวของป้ามะลิ คุณนีให้ข้อมูลผ่านทางโทรศัพท์ว่าคนที่ดูแลคุณแม่คือคุณพ่อของเธอ อยู่บ้านกันเพียงลำพัง 2 คน คุณนีจะเข้าไปจัดยาให้สัปดาห์ละครั้ง โดยจัดใส่ถุงซิปล็อกเป็นมื้อ ๆ แล้วคุณพ่อจะเป็นคนหยิบยาให้คุณแม่กิน ส่วนเรื่องยาฉีดนั้นคุณพ่อจะเป็นคนฉีดให้ เมื่อฉันได้ทราบดังนั้นจึงรีบจองรถเพื่อไปเยี่ยมที่บ้านโดยเร็ว เพราะคิดว่าปัญหาอาจจะเกิดจากการที่ฉีดยาได้ไม่ถูกต้องจากการที่ผู้สูงอายุที่ดูแลกันเอง
วันนี้เป็นวันที่อากาศดี ไม่ร้อนมากนัก ทีมเราประกอบด้วยพยาบาล 2 คน คือฉันและน้องพยาบาล เรา 2 คนต้องจอดรถริมถนนใหญ่ รถไม่อาจเข้าถึงหน้าบ้านได้ ฉันเดินเลาะริมคลองน้ำเน่า มีกลิ่นโชยเเตะจมูกเป็นระยะตามลมที่พัดผ่านมา เดินไปประมาณ 3-4 เลี้ยวเห็นจะได้ ตลอดทางเข้าบ้านคุณป้าเปียกแฉะ มีน้ำขังเป็นระยะ เพราะฝนที่ตกหลงฤดูเมื่อคืน
น้องพยาบาลที่ไปคู่กันกับฉันด้วยความคล่องแคล่วทำให้เธอเข้าถึงบ้านก่อน ฉันที่เดินตามหลังมาอย่างระมัดระวังเพราะกลัวเหยียบน้ำกระเด็นเปื้อนชุดทำงาน มัวแต่ก้มมองพื้นเงยหน้าอีกครั้งตัวก็ได้เข้ามาอยู่ในบ้านเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ภาพเบื้องหน้าที่เห็นคือภาพของหญิงวัยชรา รูปร่างอ้วนนอนบนเตียงไม้ มีฟูกเก่า ๆ รองอยู่ บรรยากาศในห้องมืดสลัว คละคลุ้งด้วยกลิ่นปัสสาวะที่ลอดผ่านใต้หน้ากากอนามัย ตาฉันเหลือบไปเห็นหัวเตียงที่เต็มไปด้วยพระพุทธรูป เครื่องรางของขลัง ผ้ายันต์ มีหยากไย่เกาะบาง ๆ บรรยากาศไม่ค่อยเป็นมิตรกับเราเท่าไหร่นัก
“คุณนีคะ พอจะเปิดไฟอีกได้ได้ไหม” ฉันเอ่ยขึ้น
คุณนีตอบกลับอย่างมั่นใจ “ไม่มีแล้วคะ มีแค่นี้แหละ”
ตาฉันกวาดไปรอบ ๆ อีกครั้ง นอกจากความน่ากลัวที่บริเวณหัวเตียงแล้วนั้น รอบ ๆ บ้านยังมีขวดพลาสติก และหนังสือพิมพ์เก่า ๆ วางอยู่ทั่ว ๆ
“ลุงขายของเก่า บ้านรกหน่อยนะ” เสียงลุงทำให้ฉันตกใจ แต่พอจะเดาได้ว่า เขาคือสามีของป้ามะลิ ลุงเป็นชายวัยสูงอายุ รูปร่างผอม ตัวหลบอยู่ข้าง ๆ บันได อยู่อีกฝั่งกับเตียงคุณป้า
ฉันเริ่มกระบวนการพยาบาลโดยการตรวจร่างกายคุณป้า “คุณป้าใส่หน้ากากอนามัยให้พยาบาลได้ไหมค่ะ”
“มันอึดอัด !!!” เสียงตะโกนกลับมาอย่างไม่เป็นมิตร แต่ก็ยอมทำแต่โดยดี
คุณป้ามีแผลกดทับที่บริเวณก้นกบจากปัสสาวะอุจจาระกัด และการนอนกดทับเป็นเวลานาน ฉันสอนวิธีการเช็ดทำความสะอาดหลังขับถ่ายรวมถึงการทำแผลกดทับ และการพลิกตะแคงตัว ระหว่างที่คุยทวนสอบเรื่องการดูแลอยู่นั้น เราพบว่าคุณลุงไล่เข็มฉีดยาผิด โดยไล่เข็มเท่ากับปริมาณที่ฉีดทำให้ยาหมดเร็วไม่พอไปถึงนัดครั้งต่อไป และอีกเรื่องที่สำคัญคือคุณลุงเอาใจคุณป้าโดยชอบซื้อกาแฟเย็น น้ำอัดลมมาให้กิน พร้อมบอกกับเราด้วยความมั่นใจ
“โค้กไม่มีน้ำตาลนะที่ลุงซื้อ คนขายบอกลุงมา” ฉันพยายามทำความเข้าใจเรื่องกินน้ำโค้กอยู่นาน ยังไม่มีทีท่าว่าจะเข้าใจ
จู่ ๆ เสียงคุณป้าก็ดังขึ้นมา “พี่ให้หนูกินโค้กนะ” เสียงคุณป้าอ่อนลงราวกับเด็ก ไม่มีน้ำเสียงแข็งกร้าวเหมือนเมื่อสักครู่
ฉันกับน้องพยาบาลมองหน้ากัน คุณนีพอจะรับรู้ได้ สะกิดและบอกฉันว่า “พี่ชายหนูสิ่งร่างแม่” ฉันแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน แน่นอนว่าสายตาบ่งบอกถึงความสงสัยและดูจะไม่เชื่อนิด ๆ ทำให้คุณลุงสำทับ “ใช่ลูกลุงที่ตายไปแล้ว เมื่อ 40 ปีที่แล้ว” หน้าฉันกับน้องยังคงดูสับสน คุณป้าจึงพูดขึ้นมา “พี่ ๆ ไม่เชื่อหนูใช่ไหม หนูจะให้พ่อไปเอาร่างดองของหนูบนบ้านมาให้พี่ดู” ฉันได้สติ รีบห้ามคุณลุงที่กำลังจะขึ้นบันได้ “คุณลุงไม่ต้องไปค่ะ พยาบาล ..... เชื่อ”
เหตุการณ์เริ่มดูกลับมาปกติ ฉันเริ่มคุยกับลูกกรอกตามที่คนในบ้านเรียกคุณป้า ฉันแนะนำเรื่องการปฏิบัติตัวในผู้ป่วยเบาหวาน จนตกลงกับลูกกรอกได้แบบครึ่งทาง “ให้หนูกินโซดาแทนน้ำโค้กนะ หนูสัญญาจะกิน 1 ขวด ต่อ 3 วันหนูจะเชื่อพี่พยาบาล”
“โอเคจ้ะ สัญญากันนะ” ฉันตอบ
ก่อนกลับฉันทวนเรื่องการฉีดยากับคุณลุงไม่ให้ไล่เข็มเท่ากับจำนวนยา ทวนกับลูกกรอกที่ยังอยู่ในร่างคุณป้าถึงข้อตกลง ในการเลิกดื่มน้ำหวาน ใครจะเชื่อว่าการเยี่ยมบ้านครั้งนี้ จะเป็นอีกครั้งที่อยู่ในความทรงจำในใจฉันหนึ่งเรื่องตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมาในการเป็นพยาบาลเยี่ยมบ้าน ว่าครั้งหนึ่งฉันได้คุยกับคุณป้าที่คนในบ้านเข้าใจว่าลูกกรอกลูกของคุณป้าเข้าร่าง
ฉันเชื่อในสิ่งที่เห็นต่อหน้า เชื่อในสิ่งที่คุณป้ามะลิเป็น ปรับการดูแลให้เข้ากับวิถีชีวิตของคุณป้า และตกลงกันได้ในที่สุด เพียงแค่คุณรับฟังและเข้าใจ .....