นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

ลืม ลืม ลืม ... อย่างนี้เป็นสมองเสื่อมหรือเปล่า?

Volume
ฉบับที่ 46 เดือนตุลาคม 2565
Column
Health Station
Writer Name
ผศ. พญ.สิรินทร ฉันศิริกาญจน สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ถ้าผู้สูงอายุลืมนู่น นี่ นั่น

หรือแม้แต่คนที่ยังทำงานอยู่ลืมบ่อยขึ้น มักจะถูกคนใกล้เคียงกล่าวหาว่าน่าจะเป็นสมองเสื่อมซะละมั้ง หรือถ้ารู้จักเรื่องโรคอัลไซเมอร์ก็ถึงกับอุปโลกน์ไปเลยว่าเธอน่ะ อัลไซเมอร์กินหรือเปล่า
เรามาทำความเข้าใจเรื่องของการลืมที่พบบ่อยในผู้มีภาวะสมองเสื่อม  และการลืมที่เราพบได้ในคนทั่ว ๆ ไป
คุยเรื่องความจำ ในแบบทั่ว ๆ ไปก่อน จะได้มีพื้นฐานเพื่อทำให้เกิดความเข้าใจ แยกแยะได้ง่ายขึ้น

หลักการ : กระบวนการที่ทำให้เกิดความจำมี 3 ขั้นตอน

  1. การบันทึกความจำ ใช้คำว่า การลงทะเบียน หรือ registration ซึ่งขั้นตอนนี้เป็นจุดสำคัญ สำหรับการระลึกรู้หรือการจำได้ที่จะเกิดขึ้นภายหลัง 
  2. การจัดเก็บความจำ
  3. การระลึกได้ หรือ นึกได้ในเหตุการณ์นั้น ๆ 

การบันทึกความจำ (ขั้นตอนที่ 1) เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุด เมื่อเกิดเหตุการณ์ต่าง ๆ ในชีวิตนั้น จะจำได้ดีหรือแจ่มชัดเพียงใดขึ้นอยู่กับ

  1. ระยะเวลาที่เกิดเหตุการณ์นั้น ถ้าเหตุการณ์นั้นกินระยะเวลานานระดับหนึ่ง ร่างกายจะบันทึกความจำนี้ให้โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องตั้งใจที่จะจำ แต่ถ้าเหตุการณ์นั้นใช้เวลาแป๊บเดียว เราต้องตั้งใจจึงจะบันทึกเป็นความจำได้ดี
  2. ความใส่ใจ ตั้งใจ สมาธิ และอารมณ์ความรู้สึกที่มีอยู่ในช่วงเวลานั้น ซึ่งส่วนนี้เป็นส่วนสำคัญที่สุดที่จะทำให้ความจำแน่นแฟ้นหรือเลื่อนลอย
  3. ตัวกวนที่ทำให้ความจำนั้นไม่แจ่มชัด เช่นเสียงดังเอะอะ  สภาพอากาศไม่เป็นใจ ร้อนมากหรือถูกฝนสาดใส่ ไม่สบายตัว

ปกติแล้วคนทั่วไปมักจะลืมสิ่งที่เกิดขึ้นนานมาแล้ว และระลึกความจำใหม่ได้ดีกว่า แต่ในคนที่ความสามารถสมองด้านการรู้คิดเริ่มบกพร่อง จะลืมเลือนสิ่งที่เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานขนาดที่ในวันนั้นความจำเก่ายังแจ่มชัดมากกว่า

สรุปเร็ว ๆ ว่า ในผู้ที่มีภาวะสมองเสื่อมจะลืมของใหม่ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาไม่นาน  เช่น 2-3 เดือนที่ผ่านมา ลืมทั้งหมดทั้งมวล เช่น ไปเที่ยวเมืองจีน 7 วัน แต่บอกกับคนอื่น ๆ ว่ายังไม่เคยไปเมืองจีนเลย เอารูปถ่ายให้ดู เห็นตัวเองอยู่ในรูปถ่ายก็บอกว่า นึกไม่ออกว่าไปถ่ายตั้งแต่เมื่อไร  ไปดู passport ก็พบหลักฐานว่า ได้เดินทางเข้าไปที่ประเทศจีนจริง ๆ แต่ไม่มีการระลึกได้เลย ว่าได้เดินทางไปเมืองจีนมาแล้ว  เล่ามาถึงตอนนี้ หลายท่านอาจจะคิดว่า ไม่น่าเชื่อ แต่เป็นอย่างนี้จริง ๆ ในเวลาที่ท่านมาบอกว่านึกเรื่องไปเมืองจีนไม่ออก ณ เวลานั้น ท่านยังเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับชีวิตของท่านในวัยเริ่มทำงานได้แม่นยำ

เมื่อเวลาผ่านไป การลืมเหตุการณ์ใหม่ก็จะเกิดมากขึ้น และลืมได้แม้เหตุการณ์นั้นเพิ่งสิ้นสุดไปเมื่อกี้นี้เอง  ที่พบบ่อยได้แก่ ผู้สูงอายุที่กินอาหารไปแล้วจำไม่ได้ หรือ กินแล้ว บอกว่ายังไม่ได้กิน ท่านไม่ได้อยากกินอีก แต่จำไม่ได้จริง ๆ ว่าเพิ่งรับประทานอาหารไปเมื่อครู่นี้เอง
 

เมื่อภาวะสมองเสื่อมมากขึ้นเรื่อย ๆ มีคนที่คุ้นเคยมาชวนพูดชวนคุยเรื่องเก่า ๆ ที่เดิมท่านเคยพูดถึงอยู่เสมอก็ไม่สนใจ และ ไม่แสดงอาการว่าเคยรู้ เคยเล่าเรื่องนั้น ๆ มาก่อน ท่านจะเริ่มสูญเสียความจำระยะยาว ที่เคยจำได้อย่างดี เล่าแล้วเล่าอีก กลายเป็นเลือนลางในเรื่องเหล่านั้น ชวนถาม พูดคุยก็จะเลี่ยงไป ไม่คุยเล่าอย่างเดิม ช่วงนี้จะเริ่มจำผู้คนที่คุ้นเคยได้น้อยลงเรื่อย ๆ

สำหรับคนทั่วไป จะมีเรื่องที่ระลึกไม่ได้ และรู้สึกว่าตนเองขี้ลืมในบางเรื่อง ที่พบบ่อยได้แก่ คนที่ขับรถ เมื่อมาถึงที่หมาย ลงจากรถ เดินไปสักครู่ ก็เอ๊ะ เราล็อกรถหรือยัง อีกกรณีหนึ่งที่มีคนมาปรึกษาบ่อย ๆ คือ กำลังทำกิจกรรมอย่างหนึ่งอยู่ แล้วเกิดความคิดแว่บขึ้นมาว่าจะไปเอาของสักอย่าง ลุกขึ้น แล้วเดินออกไป พอไปถึงที่หมายกลับนึกไม่ออกว่าจะมาเอาอะไร เดินวนไปวนมาก็นึกไม่ออก ต้องเดินกลับมาที่จุดเดิม และ ส่วนใหญ่จะนึกออกว่า เมื่อครู่ เราจะไปเอาอะไร ตรงนี้ ตนขี้กังวล ก็จะวิ่งมาถามหมอว่า อย่างนี้ เริ่มเป็น

สมองเสื่อมหรือเปล่า ?

ตรงนี้บอกว่า ยังไม่เหมือนสมองเสื่อม และ ไม่ได้ลืม แต่ที่นึกไม่ออกเพราะไม่ได้ตั้งใจบันทึกให้เป็นความจำในเหตุการณ์ที่เกิดสั้น ๆ (ที่เน้นไว้ตั้งแต่ต้นว่า ในการจัดเก็บความจำที่เกิดขึ้นชั่วขณะ แค่ 1-3 วินาที เราต้องตั้งใจ จึงจะเกิดการบันทึกความจำที่เหมาะสมได้) เรียกว่า ไม่ได้ลงทะเบียนไว้ (ขาดกระบวนการ  registration) เมื่อไม่ได้บันทึกลงไป จึงไม่มีความจำนั้นเกิดขึ้น และไม่สามารถระลึกได้

แก้ไขด้วยการเอาใจจดจ่อกับทุกกิจกรรมที่สำคัญ ถึงแม้เรื่องนั้นจะใช้เวลา แป๊บเดียวก็ตาม

นอกจากปัญหาความจำ ผู้มีภาวะสมองเสื่อมจะบกพร่องในเรื่องอื่น ๆ ด้วย เช่น หลงทาง ขึ้น ลงทางด่วนไม่ถูก บกพร่องในการทำกิจกรรมซับซ้อน เป็นขั้นตอน ที่ตนเองเคยถนัดและทำได้ลื่นไหล เรียกชื่อสิ่งของไม่ค่อยได้ ทั้งที่เป็นของที่ใช้บ่อยในชีวิตประจำวัน เป็นต้น

สิ่งที่น่าจะเป็นประโยชน์ที่สุดสำหรับทุกท่านที่จะช่วยให้ระลึกสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นได้ดี คือ เอาใจจดจ่อกับทุกการกระทำที่สำคัญ เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพของความจำ เพื่อที่ทุกท่านจะระลึกได้ทุกเรื่องในภายหลัง

heart ฝากไว้ในวันนี้ : มีสติ จดจ่อ เป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญที่สุดในการเริ่มต้นความจำ heart

ดาวน์โหลดเพื่ออ่านรูปแบบ PDF
เนื้อหาภายในฉบับที่ 46