
เคยสงสัยกันไหมว่า ? ทำไมคนไข้มะเร็งที่ไปพบคุณหมอ จะต้องทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจ ตรวจเพื่อดูอะไร แล้วคุณหมอจะวินิจฉัยอะไรบ้างจากชิ้นเนื้อที่ตัดออกไป คอลัมน์ Health Station ฉบับนี้ มีเรื่องราวนี้มาฝากกัน
ก่อนอื่นเลยต้องขอขอบคุณข้อมูลจาก ผศ. พญ.ธรินธร จันทร์สูรย์ สาขาวิชาพยาธิวิทยากายวิภาค ภาควิชาพยาธิวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล จากรายการ cancer journey ทาง YouTube: Rama Channel
การตรวจชิ้นเนื้อคืออะไร
เมื่อผู้ป่วยมาพบแพทย์ แล้วสงสัยว่าผู้ป่วยเป็นมะเร็งหรือไม่ แพทย์ก็จะทำการตัดชิ้นเนื้อส่วนที่สงสัยออกมา เพื่อนำมาตรวจวิเคราะห์ผ่านทางกล้องจุลทรรศน์ว่ามีเซลล์มะเร็งอยู่จริงหรือไม่

ขั้นตอนการตรวจชิ้นเนื้อเป็นอย่างไร
หลังการตัดชิ้นเนื้อแล้ว ชิ้นเนื้อจะถูกส่งมายังแผนกพยาธิวิทยา นำมาลงทะเบียนตรวจสอบความเรียบร้อย จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการตรวจขั้นตอนแรกคือ การตรวจชิ้นเนื้อด้วยตาเปล่า คือการมองหาว่าในชิ้นเนื้อนั้นมีก้อนมะเร็งอยู่หรือไม่ ตำแหน่งใด และมีการรุกรานไปที่ใดบ้างด้วยตาเปล่า เพื่อทำการคัดเลือกชิ้นเนื้อใส่ลงในตลับ เพื่อนำไปทำเป็นสไลด์ต่อไป



ขั้นตอนสำคัญ คือ การวินิจฉัยสไลด์ชิ้นเนื้อด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยพยาธิแพทย์


ขั้นตอนถัดไปคือ การเตรียมชิ้นเนื้อเพื่อทำเป็นสไลด์ โดยนำตลับชิ้นเนื้อใส่ลงในเครื่องเตรียมชิ้นเนื้ออัตโนมัติ สารเคมีภายในเครื่องจะทำการดึงน้ำออกจากชื้นเนื้อ ทำให้ชิ้นเนื้อใส และตรึงด้วยพาราฟินหรือเทียนไขเพื่อคงสภาพเซลล์ให้สมบูรณ์ จากนั้นจึงนำตลับชิ้นเนื้อมาทำการฝังชิ้นเนื้อ จัดท่าทางชิ้นเนื้อให้เหมาะสมและทำการตัดชิ้นเนื้อเป็นแผ่นบาง ความหนาประมาณ 3-4 ไมครอน ทาบติดลงบนแผ่นสไลด์ นำแผ่นสไลด์ไปเข้าอบเพื่อไล่พาราฟินที่ตรึงชิ้นเนื้อออก และทำการย้อมสีปิดผิวสไลด์ เป็นอันเสร็จสิ้นกระบวนการทำสไลด์ชิ้นเนื้อ พร้อมส่งให้พยาธิแพทย์นำไปส่องด้วยกล้องจุลทรรศน์
จากนั้นจึงเข้าสู่กระบวนการสำคัญ คือ ขั้นตอนการวินิจฉัยด้วยกล้องจุลทรรศน์ โดยพยาธิแพทย์จะนำสไลด์ชิ้นเนื้อมาส่องดูด้วยกล้องจุลทรรศน์ ในขั้นตอนนี้จะทำให้เห็นลักษณะของเซลล์ต่าง ๆ รวมถึงเห็นว่ามีเซลล์มะเร็งอยู่หรือไม่ โดยเซลล์มะเร็งมักมีขนาดของนิวเคลียสใหญ่ขึ้น มีรูปร่างผิดปกติ หรือมีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้นอย่างผิดปกติ พยาธิแพทย์จะทำการวินิจฉัยว่าเป็นเซลล์มะเร็งชนิดใด บอกระยะของมะเร็งและการลุกลาม รวมถึงปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลต่อความรุนแรงของโรค

ผลการตรวจชิ้นเนื้อนั้นมีความสำคัญต่อผู้ป่วย เพราะชนิดของมะเร็ง ระยะของมะเร็ง รวมถึงการลุกลามต่าง ๆ จะบ่งบอกถึงความรุนแรงของโรคและมีผลต่อการกำหนดแนวทางการรักษาผู้ป่วยแต่ละคนแม้เป็นมะเร็งชนิดเดียวกัน ก็อาจจะมีแนวทางการรักษาที่แตกต่างกัน บางรายอาจจะต้องได้รับยาเคมีบำบัด บางรายอาจใช้รังสีรักษา บางรายอาจใช้วิธีผ่าตัด หรืออาจต้องทำการรักษาหลาย ๆ วิธีควบคู่กันไป การตรวจชิ้นเนื้อจึงไม่ใช่แค่เพื่อยืนยันการวินิจฉัยมะเร็งเพียงอย่างเดียว แต่มีส่วนสำคัญที่ทำให้ผู้ป่วยได้รับการวางแผนการรักษาอย่างเหมาะสม