นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

Volume
ฉบับที่ 11 เดือน พฤศจิกายน 2556
Column
BackStage
Writer Name
ดนัย อังควัฒนวิทย์

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

หากกล่าวถึงโรคสะเก็ดเงิน เชื่อว่าคุณผู้อ่านหลายท่านคงจะเคยได้ชื่อกันมาบ้าง แต่ทราบกันหรือไม่ว่า โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคเรื้อรังทางผิวหนังที่สามารถติดต่อกันได้ทางพันธุกรรม แต่ไม่สามารถติดต่อกันได้ทางการสัมผัสหรือคลุกคลีกับผู้ป่วย

เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ผมได้มีโอกาสไปงาน “ก้าวไกล  ก้าวทัน โรคสะเก็ดเงิน” ซึ่งจัดขึ้นโดย สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ศูนย์การแพทย์สมเด็จพระเทพรัตน์ ภายในงานมีกิจกรรมการตรวจวัดเลือดเพื่อดูว่าเป็นโรคสะเก็ดเงินหรือไม่ มีการให้ความรู้ที่ถูกต้องแก่ผู้ป่วย ญาติ รวมทั้งประชาชนที่สนใจ

ก่อนอื่นเลย มาทําความเข้าใจเกี่ยวกับโรคสะเก็ดเงินกันก่อน

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

สะเก็ดเงิน

เป็นโรคเรื้อรังทางผิวหนังที่มักพบได้ในทุกเพศทุกวัย และพบมากในช่วงอายุ 20-40 ปี สามารถพบได้ราว 1 ใน 3 ของประชากร สาเหตุเกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน  มักพบว่าเป็นผื่นที่สามารถเกิดขึ้นได้ตามร่างกาย เช่น หนังศีรษะ ศอก เข่า สะโพก ฝ่ามือ ฝ่าเท้า เป็นต้น

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

ลักษณะผื่นที่พบมีหลายรูปแบบ ทั้งแบบเป็นขุยหรือสะเก็ดปกคลุมมีขอบเขตชัดเจน ขุยจะมีลักษณะเหมือนแผ่นกระจกแตกร้าวสีขาวคล้ายเงิน เมื่อลอกขุยออกจะมีจุดเลือดออก ส่วนเป็นตุ่มก็จะมีขนาดเท่าหยดน้ำ ขนาดเท่าเหรียญหรือเป็นปื้นขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือ บางรายอาจเป็นมากที่แผ่นหลังจรดสะโพกได้ หรือบางรายอาจเป็นผื่นไปทั่วทั้งตัวจนมองไม่เห็นเป็นผิวหนังปกติเลย

เมื่อเป็นผื่นสะเก็ดเงิน มักพบความผิดปกติได้หลายแบบที่เล็บ เช่น เล็บเป็นหลุมขนาดเล็ก เล็บลอกออก แผ่นเล็บไม่ติดเนื้อ หรือแผ่นเล็บหนาขึ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีข้อนิ้วอักเสบบวม ข้อนิ้วแข็งงอ รวมทั้งอาจพบอาการปวดข้อคล้ายโรครูมาตอยด์ได้อีกด้วย

อันตรายที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้ เป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นหลังจากเป็นผื่นหรือตุ่มจากสะเก็ดเงินแล้วนั่นเอง แต่อันตรายที่อาจเกิดขึ้นตามมาได้อีกก็คือ การพบโรคอื่นร่วมกับโรคสะเก็ดเงิน ซึ่งมักส่งผลอันตรายได้มาก โรคดังกล่าว ได้แก่ โรคที่เกิดจากกลุ่มอาการทางเมตาบอลิก เช่น ภาวะอ้วนลงพุง ความดันโลหิตสูง นําาตาลในเลือดสูง และระดับไขมันในเลือดผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลต่อปัจจัยเสี่ยงที่สําาคัญต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินจึงควรได้รับการตรวจคัดกรองและรักษากลุ่มอาการทางเมตาบอลิกร่วมกับการรักษาอาการทางสะเก็ดเงินด้วย

แล้วจะทราบได้อย่างไรว่ามีอาการต่างๆ ที่กล่าวมา ง่ายๆ เลยคือ ลองตรวจวัดเส้นรอบเอวว่ามากกว่า 90 เซนติเมตร ในผู้ชาย และ 80 เซนติเมตร ในผู้หญิงหรือไม่ หากไม่แน่ใจให้ปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อทําการรักษาอาการร่วมกัน

อันตรายอีกอย่างหนึ่งที่ควรระวังในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินก็คือ โรคข้ออักเสบ ที่มักมีการอักเสบของข้อร่วมกับผื่นผิวหนังของโรคสะเก็ดเงิน ลักษณะการอักเสบของข้อแบ่งออกเป็นหลายรูปแบบ แต่ที่พบได้มากที่สุดจะเป็นการอักเสบของข้อจํานวน 24 ข้อแบบไม่สมมาตร ที่มักพบเห็นได้ที่ข้อนิ้วมือนิ้วเท้า ที่จะเกิดการบวมแดงคล้ายไส้กรอกระกว่างนิ้วมือนิ้วเท้า  ผู้ป่วยจะเจ็บปวดมาก  และต้องได้รับการรักษาทันที หากปล่อยทิ้งไว้อาจทําให้ข้อพิการได้

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

การรักษาโรคสะเก็ดเงินในปัจจุบัน  มีหลากหลายวิธี  ทั้งแบบใช้ยาชนิดเดียวจนถึงใช้ยาชนิดผสม ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์ต่อผู้ป่วยรายนั้นๆ ทั้งนี้ผลการรักษาขึ้นอยู่กับความต่อเนื่องและโรคร่วมอื่นๆ ของผู้ป่วยด้วย ในที่นี้จะขอกล่าวถึงการรักษาในแบบ “ทา-กิน-ฉีด-ฉาย”

4 รูปแบบการรักษาโรคสะเก็ดเงิน

ทา

ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง ได้แก่ ยากลุ่มสเตียรอยด์ ยากลุ่มน้ำมันดิน ยากลุ่มอนุพันธ์ของวิตามินดี

กิน

เป็นยากินที่มีประสิทธิภาพดีภายใต้การดูแลของแพทย์ผิวหนัง ได้แก่ ยาเมทโทรเทรกเสท ยาอนุพันธ์ของวิตามินเอ และยาไซโคลสปอริน ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงเกิดขึ้นจากการใช้ยาไม่ถูกต้องตามที่แพทย์สั่งได้

สะเก็ดเงิน... โรคผิวหนังเรื้อรัง ต้องไร้โรครุม

ฉีด

ยาฉีดชีวภาพ ซึ่งเป็นยาที่ให้ผลการรักษาดีขึ้นเรื่อยๆ และมีวิวัฒนาการของยาก้าวหน้าไปมาก ปัจจุบันนํามาใช้ในผู้ป่วยโรคสะเก็ดเงินและข้ออักเสบจากสะเก็ดเงินได้ราว 10 ปีแล้ว เหมาะแก่ผู้ป่วยที่ไม่ตอบสนองต่อยาในกลุ่มอื่นๆ หรือเหมาะแก่ผู้ที่เกิดผลข้างเคียงจากยา ข้อเสียของยาฉีดชีวภาพก็คือ ยังไม่ทราบความปลอดภัยในระยะยาว ราคาสูง และพบการติดเชื้อวัณโรคสูงขึ้นได้

ฉาย

การฉายแสงแดดเทียมรักษา หรือที่เรียกกันว่า อัลตราไวโอเลต เป็นวิธีการรักษาที่ใช้รักษาโรคผิวหนังชนิดเรื้อรัง เช่น ผิวหนังอักเสบ ด่างขาว มะเร็งผิวหนัง และสะเก็ดเงิน  โดยใช้แสงจากหลอดไฟที่มีช่วงคลื่นแสงเดียวกันกับรังสี อัลตราไวโอเลตจากดวงอาทิตย์ที่มีความเข้ม ข้นสูง มักใช้วิธีการนี้ร่วมกับการกินยา  และทายา

แม้ว่าจะมีการใช้ยาประเภทต่างๆ ในการรักษาโรคสะเก็ดเงิน แต่ยังไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ก็ตาม สิ่งหนึ่งที่เราควรคําานึงเป็นอย่างมากคือ เมื่อผู้ป่วยทราบว่าตนเองเป็นโรคสะเก็ดเงินแล้ว ก็มักจะเกิดความเครียด และไม่เข้าใจว่าเหตุใดจึงไม่เหมือนคนอื่น ฉะนั้น การสร้างกําลังใจจากตนเองและคนรอบข้างจึงเป็นสิ่งสําาคัญมาก เปรียบได้กับยาใจที่คอยหล่อเลี้ยงให้ชีวิตยังมีพลังใจสู้กับโรคเรื้อรังต่อไปได้

ดาวน์โหลดเพื่ออ่านรูปแบบ PDF
เนื้อหาภายในฉบับที่ 11