![]() |
สรุปจาก Oral History ของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ |
ประวัติศาสตร์คณะฯ - ความเป็นครูแพทย์ - แนวคิดพอเพียงในความคิดของ อาจารย์วิทูร
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ ได้สมัครมาช่วยสอนในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี ตั้งแต่ พ.ศ. 2509 แต่โอนย้ายมาจากคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล อย่างเป็นทางการใน พ.ศ. 2511 เหตุผลที่โอนย้ายมา คือ ต้องการมาใช้ความคิดความเห็นอย่างเสรี อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีในสังคมโลก
ในความเป็นครูแพทย์นั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ ให้ความเห็นว่า ครูแพทย์ควรสอนวิชาการ สอนความประพฤติ จริยธรรม คุณธรรม เป็นตัวอย่างที่ดี สอนให้ลูกศิษย์ไปรับใช้สังคม สอนให้คิดพอดีอย่าคิดตกขอบ สอนตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร
อุปกรณ์การเรียน การสอน หรือสื่อการสอนสำคัญมาก ครูแพทย์จะต้องทำตัวอย่างที่ดี ต้องหาสื่อการสอนที่ดี มีเทคนิคการสอนที่ดี ต้องเตรียมสื่อให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ และต้องสอนด้วยคำพูดง่าย ๆ ที่เข้าใจง่าย
ครูแพทย์ควรสอนให้ผู้เรียนเป็นแพทย์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบต่อคนไข้ มีความเมตตาปราณีต่อคนไข้ คิดถึงใจเขาใจเรา ให้ใช้ปัญญาแก้ไขปัญหา ต้องเข้าใจพื้นฐานความเป็นอยู่ในครอบครัว
ตลอดเวลาที่เป็นครูแพทย์ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ ต้องสอนตลอดเวลา เสียสละ ทุ่มเท สอนให้คิด ให้นึก ให้สร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ และให้สร้างงานที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม
การเป็นนักวิจัย การทำหมันแห้ง และการฝึกอบรมให้กับแพทย์ต่างประเทศ
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ อธิบายว่าการวิจัยแบ่ง 2 ขั้นตอน คือ คิดวิจัยและทำวิจัย อาจารย์จะคิดวิจัยก่อนทำวิจัยแล้วจึงประเมินผล อาจารย์ได้คิดวิจัยการทำหมันแห้งหญิงเพื่อไม่ต้องมีบุตรอีกต่อไปเพราะจะได้ช่วยแก้ปัญหาที่สำคัญในยุคนั้นคืออัตราการเกิดสูงแต่อัตราการตายต่ำโดยชะลอการเกิดด้วยการทำหมันแห้งแต่ยังไม่มีอุปกรณ์ที่ใช้ง่ายแม้ว่าได้อุปกรณ์ทันสมัยมาจากต่างประเทศโดยการผ่าตัดด้วยกล้องก็ตามแต่ก็ใช้กันไม่เป็นจึงต้องหาวิธีผ่าตัดอย่างง่ายๆ สามารถดำเนินการได้ที่ OPD และไม่ต้องนอนรักษาต่อในโรงพยาบาล อาจารย์มีประสบการณ์ทั้งทำหมันชายและทำหมันหญิงซึ่งในการทำหมันชายนั้นต้องปลิ้นเส้นน้ำเชื้อขึ้นมาดังนั้นจึงนำแนวคิดนี้มาใช้ในการทำหมันหญิงคือเจาะรูเล็กๆที่หน้าท้องยกมดลูกโยกให้ท่อรังไข่ขึ้นมา จากแนวคิดนี้อาจารย์จึงประดิษฐ์เครื่องจับมดลูกและยกมดลูกขึ้นมาใต้หน้าท้อง เครื่องมือนี้ทำจากสเตนเลสซึ่งเป็นวัสดุที่หาได้หายากมากในสมัยนั้น เครื่องมือที่ทำได้แก่ เครื่องมือยกมดลูกและเครื่องมือเกี่ยวท่อรังไข่ รวมเรียกว่า เครื่องเคลื่อนไหวมดลูก โดยใช้ชื่อรามาธิบดีกับเครื่องนี้ด้วยว่า Ramathibodi Elevator ใช้เวลาประดิษฐ์ประมาณ 2 ปี (มีการทดลองก่อน) อุปกรณ์นี้ให้บริการในชนบทของประเทศไทยทั้ง 73 จังหวัด มีการฝึกให้โรงพยาบาลสาธารณสุขและโรงพยาบาลเอกชน โดยการสร้างทีมทำงานในรูปแบบฝึกให้ผู้ฝึก (Training The Trainers) แล้วให้ผู้ฝึกไปฝึกให้ผู้อื่นต่อไป ใช้เวลาประมาณ 3 - 6 เดือน ไม่มีการประชาสัมพันธ์ส่วนใหญ่รับรู้แบบปากต่อปาก รวมทั้งยังได้ไปฝึกให้แพทย์ต่างประเทศประมาณ 15 ประเทศ เนื่องจากเป็นเทคนิคที่ง่ายพยาบาลสามารถทำได้และค่าใช้จ่ายน้อย ชาวต่างประเทศจึงมาอบรมที่คณะฯ จนคณะฯ เป็น International Training Center ในด้านนี้ ในช่วง พ.ศ. 2516 – 2519 (3 ปี)
รางวัลของการเป็นนักวิจัย
การที่ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ ได้รับรางวัลในฐานะนักประดิษฐ์เครื่องเคลื่อนไหวมดลูกนั้น อาจารย์ให้ข้อมูลว่าท่านทำงานเป็นทีม ประกอบด้วย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวิไล เบญจกาญจน์ อดีตหัวหน้าภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี คุณอิงค์สุวรรณ ตั้งตระกูล(หม่อมราชวงศ์อิงค์สุวรรณ ทองแถม) อดีตเลขานุการภาคฯ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์กำแหง จาตุรจินดา และแพทย์อีกสองสามท่าน ประชาชนทั่วประเทศและต่างประเทศยอมรับเครื่องมือนี้ นับเป็นปรากฏการณ์แรกของประเทศไทยที่คณะฯเป็นศูนย์ฝึกนานาชาติในการทำหมันหญิงนี้ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงวิไล เบญจกาญจน์ จึงเสนอขอรับรางวัลการคิดประดิษฐ์เครื่องมือนี้ไปยังสภาวิจัยแห่งชาตินับเป็นรางวัลแรกที่เป็นรางวัลค้นคิดสิ่งประดิษฐ์ใหม่ที่เป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติ ใน พ.ศ. 2519
การเป็นนักคิด นักวางแผน
การเป็นนักคิด นักวางแผนของศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ นั้น เริ่มจากที่อาจารย์ชอบเรียนทุกอย่างที่ขวางหน้า เห็นอะไรจะคิดตามเพราะมีคำถามตลอดเวลาโดยการตั้งคำถาม What (อะไร) Why (ทำไม) How (อย่างไร) Where ( ที่ไหน ) When (เมื่อไร). Who (ใคร) อาจารย์ยึดหลักตามที่พระพุทธเจ้าสอนความเป็นเหตุเป็นผล
จากการที่อาจารย์ได้เรียนวิชาระบบศาสตร์จึงเห็นว่าทุกคนต้องมีระบบในการทำงานต้องมีองค์ประกอบของงานและผลลัพธ์ วางแผนเพื่อรู้ปัญหาในอนาคตวิเคราะห์ปัญหาวินิจฉัยความต้องการและตั้งวัตถุประสงค์ ที่สำคัญต้องมีหน่วยงานมีการร่วมงานกันต้องกำหนดสิ่งต่อไปนี้ คือแผนงานวิธีการทำงาน งบประมาณค่าใช้จ่ายและประเมินผลเช่นเดียวการทำวิจัย
อุปสรรคในการทำงาน
ในประเด็นของปัญหาและอุปสรรคนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ มีความเห็นว่ามีปัญหาและอุปสรรคทุกแห่งในการทำงานในองค์กร เช่น ในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีย่อมมีคนหลากหลายจะให้คิดเหมือนกันไม่ได้ เมื่อเราทำไปแล้วย่อมมีคนชอบในขณะเดียวกันมีคนต่อต้านมีคนว่าร้ายป้ายสี
อาจารย์แนะนำว่าถ้าเราทำดีจงทำดีและอดทนคืออย่าไปถือเป็นสาระสำคัญ ปล่อยวาง ยอมเป็นผู้แพ้ที่ดีเราจะเป็นผู้ชนะที่ดีในที่สุด อาจารย์ได้กล่าวถึงสุภาษิตจีนว่าผู้บริหารที่ดีคือผู้ที่ทำให้ศัตรูเป็นมิตร ดังนั้นในการบริหารเราต้องมีประโยชน์ร่วมกันกับผู้ร่วมงานดังนั้นต้องยอมรับกัน
ข้อเสนอแนะการสร้างหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดี
ศาสตราจารย์เกียรติคุณ ดร.นายแพทย์วิทูร โอสถานนท์ แสดงความคิดเห็นว่าการก่อตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดีนี้มีการวางแผน มองภาพกว้าง และวางภาพลึก นับเป็นการคิด การเตรียม การปรึกษาหารือที่ดี ขอชมเชยการจัดสถานที่ที่จำกัดได้ดี และมีการใช้อิเล็กทรอนิกส์ด้วย
การที่หอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดีชูประเด็นคำว่ารักษ์รามานั้น นับเป็นสัญลักษณ์ที่ดีของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเพราะคณะฯ ได้ถูกสร้างมานานพอแล้ว การรวบรวมประวัติศาสตร์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษาเช่นนี้มีประโยชน์มาก สรุปว่าการก่อตั้งหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดีนี้ดีขอให้ทำต่อไป