![]() |
สรุปจาก Oral History ของ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ |
แรงบันดาลใจในการทำงานที่รามาธิบดี และ ก้าวแรกที่รามาฯ
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ ได้เล่าถึงแรงบันดาลใจ ที่ได้มาทำงานในคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่ออายุ 36 ปี ว่า อาจารย์เรียนพยาบาลที่จังหวัดพิษณุโลกและเรียนปริญญาตรีใหม่ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ช่วงที่เรียนปริญญาโทที่ Columbia University เมือง New York นั้น ได้พบกับอาจารย์คุณหญิงดวงใจ สิงหเสนี ซึ่งได้ทุนมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์มาเรียนที่เดียวกัน ได้ชวนอาจารย์ไปทำงานที่คณะพยาบาลศาสตร์ที่ศิริราชแต่ขณะเดียวกันได้รับการแนะนำให้รู้จักศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อารี วัลยะเสวี ซึ่งเดินทางไปมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์และด้วยคำชวนและอัธยาศัยของศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อารี วัลยะเสวีที่น่าประทับใจยิ่ง พร้อมทั้งข้อเสนอการให้ทุนเรียนปริญญาโทอาจารย์จึงตัดสินใจรับทุนและบรรจุในตำแหน่งอาจารย์ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เมื่อวันที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2511 และเนื่องจากอาจารย์เคยเรียนพยาบาลที่จังหวัดพิษณุโลกรวมทั้งเป็นคนต่างจังหวัดเข้าใจชุมชน (ชาวชนบท) จึงได้ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าหน่วย Community Health Nursing ในโครงการเวชศาสตร์ชุมชนของคณะฯ ด้วย
เวชระเบียนเล่มแรก
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ ผู้ที่ได้ครอบครองหมายเลขแรกของเวชระเบียนของโรงพยาบาลรามาธิบดี คือ HN 00001 เล่าว่า ในช่วงก่อนเปิดบริการของโรงพยาบาลฯ นั้น ทันตแพทย์หญิงเจือจันทน์ คงศักดิ์ได้จัดตั้งแผนกทันตกรรม ที่ชั้น 2 ติดกับแผนกรังสี มีเก้าอี้ทำฟันเพียง 2 ตัว เพื่อบริการรักษาฟันให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลฯ ทันตแพทย์หญิงเจือจันทน์ คงศักดิ์แจ้งให้อาจารย์ไปทำเวชระเบียนก่อนที่จะไปรับบริการรักษาฟัน อาจารย์จึงรีบดำเนินการและได้หมายเลขเวชระเบียนแรก ช่วงนั้นยังไม่มีคนไข้ (พิธีเปิดโรงพยาบาลฯ เป็น วันที่ 3 พฤษภาคม พ. ศ. 2512 และวันที่ 5 เป็นวันหยุดราชการ วันอังคารที่ 6 จึงเปิดรับบริการคนไข้)
การพยาบาลเวชศาสตร์ชุมชน
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ ให้ข้อมูลของโครงการเวชศาสตร์ชุมชน คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีว่า โครงการนี้เป็นโครงการร่วมโดยทุกภาควิชาของคณะฯ ร่วมมือกัน ได้มีการจัดตั้งเป็นคณะกรรมการซึ่งกรรมการเป็นผู้แทนจากภาควิชาต่างๆ โดย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ เป็นผู้แทนของภาควิชาพยาบาลศาสตร์ ใช้สถานที่ปฏิบัติงานของโครงการฯ ที่อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา นักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาล ต้องไปศึกษาร่วมกันเป็นเวลา 6 สัปดาห์ ที่อำเภอบางปะอิน โครงการนี้ได้ผลดีในการสร้างสัมพันธภาพที่ดีระหว่างนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาล เมื่อจบการศึกษาจะร่วมมือทำงานกันช่วยพัฒนาประเทศได้มาก
หอพักที่บางปะอิน
ในส่วนของโครงการเวชศาสตร์ชุมชนนั้น ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ เล่าว่า นักศึกษารุ่นแรก ๆ พักในวังบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา และปีต่อๆ มาได้เช่าบ้านจากชาวบ้านแต่มีปัญหาหลายเรื่อง เช่น ความปลอดภัยของนักศึกษาพยาบาลผู้หญิงและน้ำท่วมเวลาหน้าน้ำ ดังนั้นศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์อารี วัลยะเสวี และศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์เปรม บุรี ได้ขอทุน 1 ล้านบาทจากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเล่อร์ รวมทั้งเจรจาขอใช้พื้นที่จากกระทรวงสาธารณสุขเพื่อสร้างหอพักใหม่ แต่หอพักใหม่นี้ให้พักเฉพาะนักศึกษาพยาบาลเท่านั้นส่วนนักศึกษาแพทย์ต้องเช่าหอพัก แต่ในเวลาต่อมาทั้งนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาลแบ่งหอพักกันครึ่งหนึ่ง โครงการนี้ทำให้เกิดการอยู่ร่วมกันมีประสบการณ์ร่วมกันและสนุกสนาน มีเหตุการณ์ต่างๆ ที่น่าจดจำ เช่น เรือล่ม นักศึกษาพยาบาลแข่งว่ายน้ำข้ามฝั่งทั้งๆ ที่ว่ายน้ำไม่เป็น
การสร้างมนุษยสัมพันธ์
ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ เล่าว่าจากโครงการเวชศาสตร์ชุมชนของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีโดยใช้อำเภอบางปะอินเป็นที่ปฏิบัติการนั้น ทำให้ได้สิ่งสำคัญคือมนุษยสัมพันธ์ระหว่างนักศึกษาแพทย์และนักศึกษาพยาบาลซึ่งเป็นไปได้ดีมาก ในด้านการเรียนการสอนของคณะฯ นั้นมุ่งที่คนไข้เป็นสำคัญ ดังนั้นการไปชนบทตามโครงการฯ ทำให้มีการสื่อสารการเข้าใจพื้นฐานจิตใจของคนไข้ที่มาโรงพยาบาลมากขึ้น เข้าใจความยากลำบากที่คนไข้มาโรงพยาบาล และทำให้แพทย์และพยาบาลมองเห็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศ
รับตำแหน่งที่ปรึกษาของ WHO
เนื่องจากโครงการเวชศาสตร์ชุมชนของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีมีชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือ มีชาวต่างประเทศจำนวนมากสนใจมาศึกษาดูงานและเข้าร่วมประชุมกับคณะฯ ที่จัดขึ้นตามที่ต่างๆ ทั่วประเทศไทยปีละ 2 -3 ครั้ง รวมทั้งอาจารย์ท่านต่างๆ ไปดูงานด้านเวชศาสตร์ชุมชนต่างประเทศด้วยเช่นกัน การที่ต่างประเทศได้เห็นความมีชื่อเสียงของโครงการฯ ดังนั้นองค์การอนามัยโลกจึงมีหนังสือมาชวนผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ ในฐานะหัวหน้าภาควิชาพยาบาลศาสตร์และดูแลด้านพยาบาลชุมชนให้ไปร่วมทำงานโดยไปช่วยทำหลักสูตรพยาบาลปริญญาตรี ให้ประเทศบังคลาเทศ และอาจารย์ได้ตกลงใน 2 ปีต่อมา
ข้อเสนอแนะในการทำงาน
ข้อคิดจากผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุธีรา อายุวัฒน์ ในฐานะที่ได้มองเห็นคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี เริ่มตั้งแต่ก่อสร้าง ในฐานะของผู้ทำงานรวมทั้งในฐานะผู้บริหาร คือ ขอให้บุคลากรทุกระดับของคณะฯ ซึ่งมีจิตบริการอยู่แล้วจงภาคภูมิใจในคณะฯ ที่มีพัฒนาการอย่างดีมานาน ขอให้มีความมุ่งมั่นตั้งใจช่วยทำงานเพื่อให้คณะฯ เปรียบเสมือนบ้านของเราก้าวต่อไป อาจารย์ให้ความเห็นในส่วนการจัดสร้างหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดีซึ่งไม่เคยมีมาก่อนในคณะ จึงนับว่าเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของคณะฯ รวมถึงโครงการชมรมรามาธิบดีอาวุโสซึ่งน่าสนใจมาก