ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา

สรุปจาก Oral History ของ ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา

 

แรงบันดาลใจการเข้ามาเป็นนักศึกษาแพทย์ รุ่นแรก

                            ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา เป็นนักศึกษาแพทย์รุ่นแรกของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีรามาธิบดี ให้เหตุผลที่มาเรียนที่คณะฯ ดังนี้ 1. การประชาสัมพันธ์ของอาจารย์ผู้ใหญ่ที่น่าสนใจมาก คือ คณะฯ มีการเรียนการสอนเหมือนต่างประเทศแต่ไม่ต้องไปต่างประเทศ และมีอาจารย์จากมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์มาสอนในวิชาปรีคลินิก 2.นักเรียนแพทย์สมัยนั้นชอบการแข่งขันที่จะเป็นหนึ่ง ที่ไหนที่มีความต้องการเรียนกันมากก็ต้องการไปเรียนที่นั่น 3. สถานที่ใหม่และอุปกรณ์ต่าง ๆ น่าจะทันสมัย และ 4. ผู้เรียนมีสิทธิ์ตัดสินใจหลังจากเรียนปรีคลินิกโดยได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิตแล้ว เพื่อเปลี่ยนทิศทางเป็นวิชาชีพอื่น เช่น อาจารย์แพทย์ นักวิจัย นักวิทยาศาสตร์ หรือเรียนปริญญาเอก (หลักสูตรแพทย์สมัยนั้นต้องเรียนเป็นเวลา 6 ปี แบ่งเป็น 3 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 เตรียมแพทย์ 2 ปี (เรียนรวมกัน) ช่วงที่2 ปรีคลินิก 2 ปี(เรียนแยกชั้นกัน) เมื่อเรียนครบ 4 ปี ทุกคนจะได้รับปริญญาวิทยาศาสตรบัณฑิต ช่วงที่ 3 คลินิก 2 ปี (เป็น Intern 1 ปี) นักศึกษาแพทย์รุ่น 1 มีจำนวน 65 คน แต่มี 1 คนไม่ได้ตัดสินใจเรียนต่อทางคลินิกเพราะป่วยเป็นวัณโรค (ในรุ่น 2 มี รองศาสตราจารย์ ดร. นัยพินิจ คชภักดี ที่ไม่เรียนต่อเพื่อเป็นแพทย์เพราะเลือกที่จะไปเป็นนักวิทยาศาสตร์)

 

การเรียนการสอนโดยอาจารย์ชาวต่างประเทศ

                           ในการเรียนการสอนที่เป็นภาษาอังกฤษในช่วงที่เป็นนักศึกษาแพทย์รุ่น 1 ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี นั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา ให้ข้อมูลว่า นอกจากอาจารย์ชาวต่างประเทศสอนเป็นภาษาอังกฤษแล้วอาจารย์ชาวไทยต้องสอนเป็นภาษาอังกฤษด้วยตามที่ระบุในหลักสูตร ในขณะที่สอนอาจารย์พยายามพูดช้า ๆ เพื่อให้นักศึกษาเข้าใจและบันทึกเสียงไว้ให้ด้วยเพื่อให้นักศึกษานำไปฟังซ้ำในช่วงเย็น แต่นักศึกษาก็ต้องนำไปเขียนลงสมุดอีกครั้งซึ่งยากลำบากมากเพราะไม่คุ้นเคยกับภาษาอังกฤษอาจารย์ผู้สอนจึงแนะนำให้ค้นคว้าในหนังสือแทน สมัยนั้นมีตำราภาษาไทยน้อยมากจึงต้องใช้ตำราภาษาอังกฤษโดยมูลนิธิร็อกกี้เฟลเลอร์จัดหาให้แต่นักศึกษาต้องเช่าหรือซื้อ (เรียนจบแล้วรุ่นต่อมาก็สามารถใช้ได้อีก) สรุปว่านักศึกษาแพทย์ส่วนใหญ่ซื้อเป็นของตัวเอง

 

การทำวิจัยในช่วงเวลาที่เป็นนักศึกษา

                           ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา เล่าว่าก่อนที่จะทำวิจัยในชั้นพรีคลินิกนักศึกษาแพทย์ต้องเรียนพื้นฐานการทำวิจัยก่อนและทำวิจัยสั้นๆ นักศึกษาบางคนที่สนใจที่จะทำวิจัยมากกว่านั้น สามารถสมัครใน honor program คือ ทำวิจัยกับอาจารย์ต่างประเทศ ซึ่งในแต่ละภาควิชามี 1 - 2 คนที่ได้รับอนุมัติให้ทำ ส่วนนักศึกษาที่เหลือให้ทำวิจัยกับชุมชน โดยอาจารย์โครงการเวชศาสตร์ชุมชนเป็นผู้เขียนโครงการเพื่อให้นักศึกษาได้ออกไปสัมภาษณ์คนในชุมชน เพื่อให้นักศึกษาได้เรียนรู้ถึงวงจรการแก้ปัญหาสุขภาพจากการตั้งปัญหา รู้การแก้ปัญหาและต้องเรียบเรียงเป็นรายงาน ฐานของโครงการเวชศาสตร์ชุมชนคือ อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

 

การฝึกประสบการณ์กับผู้ป่วย

                           ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา เล่าถึงช่วงเรียนปรีคลินิกว่าค่อนข้างจะลำบากเพราะว่าโรงพยาบาลยังสร้างไม่เสร็จยังไม่มีลิฟต์จึงต้องขึ้นบันไดไปเรียนชั้น 8 แต่ยังไม่ได้ให้บริการคนไข้ เมื่อโรงพยาบาลเปิดบริการแล้วนับได้ว่าเป็นโรงพยาบาลที่ทันสมัยเป็นที่เลื่องลือมาก ในระยะแรกของการเปิดบริการยังมีคนไข้น้อยดังนั้นบางภาควิชาจำเป็นจะต้องให้นักศึกษาแพทย์ไปเรียนที่อื่น ๆ ในระยะเวลาที่ต่างกันไป เช่น ภาควิชาสูติศาสตร์นรีเวชวิทยาเรียนทำคลอดที่โรงพยาบาลวชิระ ภาควิชาศัลยศาสตร์เรียนที่โรงพยาบาลพระมงกฎเกล้า ภาควิชากุมารเวชศาสตร์เรียนที่คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล(ไม่นาน) ภาควิชาอายุรศาสตร์ หน่วยหัวใจ เรียนที่คณะแพทยศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย(ไม่นาน) และภาควิชาจิตเวชศาสตร์เรียนที่โรงพยาบาลสมเด็จเจ้าพระยา(นาน) เป็นเวลา 4 - 5 สัปดาห์

                           นอกจากการเรียนแล้วนักศึกษาแพทย์รุ่นที่ 1 ของคณะฯ ทุกคนสนิทกันมาก มีการผ่อนคลายด้วยกันโดยการเล่นฟุตบอลและเทนนิส ได้ใช้พื้นที่หน้าหอพักเป็นสนามออกกำลังและสังสรรค์กัน ไม่ได้มีส่วนร่วมกับสถานการณ์การเมือง นักศึกษาทั้งชายและหญิงอยู่หอพักเดียวแต่แบ่งชั้นเพื่อแยกเป็นชายและหญิงอย่างชัดเจน

 

การเป็นแพทย์ฝึกหัด (แพทย์ใช้ทุน)

                            การเป็นแพทย์ฝึกหัดนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา เล่าว่า นักศึกษาแพทย์รุ่น 1 คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเป็นรุ่นแรก ที่เซ็นสัญญารับทุนจากรัฐบาล

                            แพทย์ที่จบจากคณะฯ มีความแตกต่างจากแพทย์ที่จบการศึกษาจากโรงเรียนแพทย์อื่นๆ ลักษณะพิเศษคือ ค่อนข้าง หัวแข็ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง ชอบโต้เถียงและชอบขอเหตุผลแต่มีความรับผิดชอบดี

 

การศึกษาต่อต่างประเทศ

                            นักศึกษาแพทย์รุ่นที่ 1 ของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี สามารถสอบ ECFMG ได้หมดทุกคน (ECFMG คือ การสอบเบื้องต้นก่อนที่จะไปฝึกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา) เมื่อจบการศึกษาแล้ว พบว่านักศึกษาแพทย์จำนวนประมาณครึ่งหนึ่งเป็นทั้งผู้ที่ไม่รับทุนและรับทุน ได้เดินทางไปประเทศสหรัฐอเมริกา (ผู้รับทุนได้รับอนุมัติใช้ทุนจนครบ)

                            นักศึกษาแพทย์รุ่นที่ 1 ของคณะฯ ส่วนใหญ่ประสบผลสำเร็จในวิชาชีพแสดงถึงศักยภาพของนักศึกษาแพทย์ ซึ่งศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา ให้ความเห็นว่าสาเหตุที่นักศึกษารุ่นแรกๆ มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากสถาบันฯ อื่น คืออาจารย์ผู้สอนที่เพิ่งกลับจากต่างประเทศ ซึ่งมีวิธีการดูแลคนไข้และการสอนที่ทันสมัย อาจารย์มีเวลาถ่ายทอดความรู้ให้นักศึกษาแพทย์รุ่นแรก ๆ มาก และใกล้ชิดนักศึกษามากจนถึงเวลาเย็นและค่ำรวมถึงวันเสาร์วันอาทิตย์ ถึงแม้จะไม่มีชั่วโมงสอนแล้วก็ตาม

 

นักศึกษาแพทย์รุ่นแรกกับรุ่นปัจจุบัน และ ความสัมพันธ์ระหว่าง ลูกศิษย์กับอาจารย์

                            ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา ให้ความเห็นว่า นักศึกษาสมัยนั้นแตกต่างจากปัจจุบัน เพราะมีจำนวนนักศึกษามากขึ้นและช่วยเหลือตัวเองน้อยส่วนอาจารย์ผู้สอนก็มีภาระด้านอื่นๆ ในด้านหลักสูตรนั้นมีเนื้อหาและจำนวนวิชามากขึ้น หนังสือและวารสารในสมัยก่อนมีข้อจำกัดทั้งจำนวนและการเข้าถึงแต่ปัจจุบันแค่กดปลายนิ้ว ความสัมพันธ์ระหว่างอาจารย์และนักศึกษาแพทย์ที่สนิทกันมากในอดีตแต่ปัจจุบันกำลังลดน้อยลงยากที่จะรื้อฟื้นบรรยากาศเก่า ๆ กลับมา แม้แต่วิทยาเขตที่บางพลีซึ่งมีบรรยากาศและพื้นที่กว้างใหญ่อาจไม่ทำให้เกิดความสนิทสนมระหว่างอาจารย์และศิษย์เหมือนการเรียนการสอนสมัยแรกๆของคณะฯ อาจารย์ไม่มั่นใจว่าอาจารย์ที่สอนจะมีเวลาและเสียสละได้เหมือนในอดีต และในกรณีไปเรียนที่วิทยาเขตดังกล่าวจะมีผลอย่างไรต่อระดับความสนใจของนักเรียนที่จะสอบเข้าเรียนเมื่อเทียบกับคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล และคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

แนวคิดในการดำเนินงานหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดี

                            ในการดำเนินงานหอจดหมายเหตุและพิพิธภัณฑ์รามาธิบดีนั้น ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิงสุรางค์ เจียมจรรยา ให้ความเห็นว่า แม้ยังไม่ทราบโครงการโดยละเอียดแต่นับว่าเป็นแนวคิดที่ดีที่มีการเก็บรวบรวมประวัติความเป็นมาของคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีเพื่อให้นักศึกษาแพทย์รุ่นหลัง ๆ ได้เรียนรู้เป็นการได้เรียนรู้จากอดีต