การเริ่มดำเนินการ R2R ควรเริ่มจาก
- ปัญหา/คำถามวิจัยที่ได้จากหน้างานหรืองานประจำที่ตนเองทำและรับผิดชอบดำเนินการอยู่
- มีเป้าหมายชัดเจนว่าจะแก้ไขปัญหา พัฒนา ต่อยอด หรือขยายผลงานที่ทำอยู่อย่างไร
- ใช้กระบวนการพิสูจน์หาคำตอบของคำถามนั้นด้วยวิธีการที่มีความน่าเชื่อถือ เพื่อให้ข้อมูลที่ได้เป็นหลักฐานเชิงประจักษ์ใช้สำหรับการตัดสินใจในการพัฒนาคน พัฒนางานในระบบสุขภาพ
- เป็นงานเสรีทางวิชาการและสามารถประยุกต์ใช้กับ งานประจำ
- เป็นเครื่องมือการพัฒนาคนให้รู้จักพัฒนาฐานข้อมูล รู้จักใช้ข้อมูลและสามารถคิดเชิงระบบ
- ไม่ควรยึดติดรูปแบบการวิจัย แต่ควรถูกต้องตามหลักวิชาการ
- เป็นเครื่องมือในการเปิดพื้นที่สำหรับแนวคิดใหม่ๆ ในการทำงาน
- เป็นเครื่องมือในการสร้างเสริมศักยภาพ ทำให้เข้าใจสภาวะแวดล้อมที่เกิดขึ้นโดยรอบตัวมากขึ้น
- ไม่จำเป็นต้องทำเรื่องที่เป็นองค์ความรู้ใหม่ทั้งหมด แต่ต้อง เป็นการค้นคว้าแล้วมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับบริบท
- ควรมีผลงานที่ตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อทำให้ผู้อื่นร่วมเรียนรู้ได้
- เป็นเครื่องมือในการสร้างระบบพี่เลี้ยงในการทำวิจัย และเอื้อเฟื้อกันในการทำงาน
- เป็นเครื่องมือที่ช่วยคนงานในการสร้างความรู้ และสามารถ ย้อนกลับมาช่วยงานประจำที่ทำอยู่
แนวทางปฏิบัติของ R2R อาจเริ่มจากคนเดียว สามารถได้ แต่จะมีพลังมากขึ้นหากร่วมกันทำเป็นทีม แต่ที่สำคัญคือ ต้องมีใจ มีภาวะผู้นำและมีคนช่วยย่อยความรู้ ให้เกิดการถ่ายทอดความรู้
การทำให้เกิดวัฒนธรรมขององค์กรในเรื่องการสร้างความรู้ อาจเริ่มจากกลุ่มคนเล็กๆ ต้องทำให้ง่าย และเกิดความเป็นมิตร เปิดช่องทางการสนับสนุนที่เป็นช่องที่คนเข้าถึงได้ง่าย
กระบวนการ R2R
ในการทำกิจกรรม R2R สามารถใช้การจัดการความรู้ (Knowledge Management) เป็นเครื่องมือ
เรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ด้านการวิจัย โดยจัดเวทีแลกเปลี่ยนเรียนรู้เทคนิคด้านการวิจัย
เรียนรู้วิธีการปรับปรุงการดูแลผู้ป่วย หรืองานอื่นๆ
การค้นหาโจทย์วิจัยมาจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ และวิเคราะห์ปัญหาที่มาจากการทำงานประจำของตนเองและหน่วยงาน
องค์ประกอบของ R2R มี 4 ส่วน
- โจทย์วิจัย ต้องมาจากงานประจำ เป็นการแก้ปัญหาหรือพัฒนางานประจำ
- ผู้ทำวิจัย ต้องเป็นผู้ทำงานประจำนั้นเอง
- ผลลัพธ์ของการวิจัย ต้องวัดผลที่เกิดต่อตัวผู้ป่วยหรือบริการที่มีผลต่อผู้ป่วยโดยตรง ไม่ใช่ตัวชี้วัดทุติยภูมิเท่านั้น
- การนำผลการวิจัยไปใช้ประโยชน์ ผลการวิจัยต้องวนกลับไปก่อผลเปลี่ยนแปลงต่อการให้บริการผู้ป่วยโดยตรง หรือต่อการจัดบริการผู้ป่วย
ผลลัพธ์ R2R
- คุณภาพการบริการ เช่น การดูแลผู้ป่วยมีผลสัมฤทธิ์ดีขึ้น
- คนทำงานประจำเก่งขึ้น (คิดเก่ง + สื่อสารให้คนอื่นฟังดีขึ้น) มีความสุขมากขึ้น
- รายงานผลการวิจัย
ความสำคัญของ R2R
- สนับสนุนให้เกิด Evidence based decision making (EBD) ลดความขัดแย้งในกระบวนการตัดสินใจที่ยึดความเชื่อส่วนตัว และนำไปสู่การพัฒนาองค์การอย่างต่อเนื่อง
- สนับสนุนการพัฒนาระบบข้อมูลข่าวสารเพื่อการตัดสินใจ
- พัฒนาศักยภาพบุคลากรในระบบ
ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการขยาย R2R
- ความเข้าใจ/ความเชื่อผิดๆ เช่น มองเรื่องการวิจัยเป็น เรื่องยาก
- การขาดความรู้/ผู้สนับสนุนทางวิชาการที่จำเป็น
- ผู้บริหารบางหน่วยงานไม่เห็นความสำคัญ/ไม่สนับสนุน
ความคาดหวัง R2R ในอนาคต
- สร้างความเข้มแข็งของบุคลากร R2R : ผ่านการจัดประชุม การประกวดและมอบรางวัล การสังเคราะห์บทเรียน
- จัดตั้งเครือข่ายการเรียนรู้ R2R
- พัฒนาเป็นเครือข่าย R2P (Research to Policy)