นิตยสารทุกฉบับ
รวมนิตยสาร
บทความประจำ
เลือกดูบทความจากทุกเล่ม
ค้นหาบทความ
ค้นหาจากหัวข้อ

HPV... ไวรัสร้ายใกล้ตัวที่ควรป้องกันตั้งแต่วัยรุ่น

Volume
ฉบับที่ 15 เดือน กรกฎาคม 2557
Column
Health Station
Writer Name
ผศ.นพ.ชนเมธ เตชะแสนศิริ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

HPV... ไวรัสร้ายใกล้ตัวที่ควรป้องกันตั้งแต่วัยรุ่น

HPV...ไวรัสร้ายใกล้ตัว ที่ควรป้องกันตั้งแต่วัยรุ่น

เชื้อเอชพีวี (HPV) หรือ ไวรัสฮิวแมนแพพพิลโลมา (Human papillomavirus) เป็นสาเหตุของโรคหลายชนิด โดย HPV แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม คือ

HPV ชนิดก่อมะเร็ง:  มี 14 สายพันธุ์ ทําให้เป็นโรคร้ายมะเร็งปากมดลูก มะเร็งช่องคลอด มะเร็งปากช่องคลอด โดยสายพันธุ์ 16 และ 18 เป็นสาเหตุของมะเร็งปากมดลูกถึงประมาณร้อยละ 70 รองลงมาคือ สายพันธุ์ 45, 31 และ 33

HPV ชนิดไม่ก่อให้เกิดมะเร็ง: ไม่ได้ทําาให้เกิดมะเร็งปากมดลูก แต่เป็นสาเหตุของหูดหงอนไก่บริเวณอวัยวะเพศ เช่น HPV 6 และ 11

มะเร็งปากมดลูกร้ายแรงอย่างไร?

มะเร็งปากมดลูกคือมะเร็งที่เกิดขึ้นจากความผิดปกติของเซลล์บริเวณปากมดลูก หากไม่ได้รับการตรวจพบและรักษาได้ทันเวลา ก็อาจเกิดการลุกลามและแพร่กระจายไปยังอวัยวะข้างเคียงได้ โดยเฉพาะอวัยวะสําคัญภายในช่องท้อง เช่น ต่อมน้ำเหลือง กระเพาะปัสสาวะ ลําไส้ ทําาให้ยากแก่การรักษาและมีโอกาสเสียชีวิตสูง

มะเร็งปากมดลูกพบมากเป็นอันดับ 2 รองจากมะเร็งเต้านม ในประเทศไทยพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูกรายใหม่ถึงปีละประมาณ 8,200 คน ครึ่งหนึ่งจะเสียชีวิตภายในเวลา 5  ปี  ในแต่ละวันมีหญิงไทยเสียชีวิตจากมะเร็งปากมดลูกถึงวันละ 12 คน

ผู้หญิงติดเชื้อ HPV ได้อย่างไร

เชื้อ HPV ติดต่อได้ง่ายผ่านทางเพศสัมพันธ์เป็นหลัก เมื่อติดเชื้อ เซลล์ปากมดลูกเกิดการเปลี่ยนแปลงไปเป็นเซลล์มะเร็งอาจใช้เวลานาน 10-15 ปี ซึ่งผู้หญิงที่ติดเชื้อมักจะไม่มีอาการผิดปกติใดๆ เป็นระยะเวลานาน แต่จะมาพบแพทย์เมื่อมีอาการแล้ว เช่น เลือดออกผิดปกติจากช่องคลอดที่ไม่ใช่ประจําเดือน มะเร็งมักเข้าสู่ระยะลุกลามแล้ว

ใครมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก

ผู้หญิงแทบทุกคนมีความเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งปากมดลูก โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย และผู้หญิงที่มีคู่นอนหลายคน  โดยพบว่าวัยรุ่นเป็นช่วงวัยที่พบการติดเชื้อ HPV มากที่สุด ดังนั้นการป้องกันจึงควรเริ่มตั้งแต่ก่อนเด็กหญิงเข้าสู่วัยรุ่น จากการศึกษาพบว่าร้อยละ 50-80 ของผู้หญิงที่มีเพศสัมพันธ์แล้วมีโอกาสติดเชื้อ HPV อย่างน้อย 1  ครั้งในชีวิต แม้จะมีคู่นอนเพียงคนเดียวก็มีโอกาสติดเชื้อได้ และแม้ว่าร้อยละ 90 ของผู้หญิงที่ติดเชื้อ HPV แล้ว จะสามารถกําจัดเชื้อได้เอง แต่เราไม่สามารถรู้ได้เลยว่าผู้หญิงคนใดสามารถกําจัดเชื้อร้ายนี้ได้ ดังนั้น การป้องกันการติดเชื้อจึงมีความสําคัญมาก

เราจะป้องกันมะเร็งปากมดลูกได้อย่างไร?

สามารถป้องกันได้ 2 วิธี   คือ ฉีดวัคซีน HPV เพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเมื่อถึงวัย  ซึ่งหากตรวจพบความผิดปกติได้ตั้งแต่ในระยะแรกๆ ก็สามารถรักษาให้หายขาดได้

วัคซีน HPV ป้องกันได้อย่างไร?

วัคซีน HPV จะกระตุ้นร่างกายให้สร้างภูมิคุ้มกันป้องกันการติดเชื้อ HPV ปัจจุบันวัคซีน HPV มี 2 ชนิด ชนิดแรก เป็นวัคซีน HPV ชนิด 2  สายพันธุ์ ซึ่งมีการเสริมสารกระตุ้นภูมิรุ่นใหม่ เน้นป้องกันมะเร็งปากมดลูกจากเชื้อ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็ง (HPV 16, 18 และ HPV สายพันธุ์ก่อมะเร็งอื่นๆ) อีกชนิดเป็นวัคซีน HPV ชนิด 4  สายพันธุ์ ใช้ป้องกันมะเร็งปากมดลูก (จาก HPV 16, 18) และหูดอวัยวะเพศ (จาก HPV 6, 11)

ลูกสาวเรายังเด็กเกินไปที่จะรับวัคซีนหรือไม่?

มะเร็งปากมดลูกไม่ใช่เรื่องไกลตัวเด็ก แม้ว่าโรคนี้มักพบในผู้หญิงช่วงวัยกลางคนขึ้นไป แต่จากการศึกษาพบว่า ธรรมชาติของการเกิดโรคใช้เวลานาน 10-15 ปี หลังจากผู้หญิงเกิดการการติดเชื้อจนพัฒนาไปเป็นมะเร็ง หมายความว่าผู้ป่วยโรคมะเร็งปากมดลูกส่วนใหญ่ได้รับเชื้อตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น ดังนั้นเพื่อให้วัคซีนมีประสิทธิภาพสูงสุดจึงควรให้วัคซีนก่อนที่เด็กจะได้รับเชื้อ HPV นั่นคือควรให้วัคซีนในช่วงวัยรุ่นตอนต้น หรือก่อนการมีเพศสัมพันธ์นั่นเอง

เนื่องจากเด็กสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีกว่าผู้ใหญ่ การฉีดวัคซีนในเด็กหญิงช่วงอายุ 9-14 ปี  จึงเป็นโอกาสดี เนื่องจากสามารถให้วัคซีนเพียง 2 เข็มได้ หากอายุมากกว่า 15 ปี  ต้องฉีด 3 เข็ม การลดจํานวนเข็มที่ต้องฉีดลงจาก 3 เข็มเหลือ 2 เข็มนี้ มีข้อดีคือ ประหยัดกว่า สะดวกกว่า และเจ็บน้อยกว่า โดยตารางการฉีดแบบ 2 เข็มนี้ได้รับอนุมัติจากสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยาเรียบร้อยแล้ว (เฉพาะวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์) 

นอกจากนี้สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทยได้มีคําแนะนําการให้วัคซีน HPV โดยเน้นให้ฉีดวัคซีน HPV ในเด็กหญิงช่วงอายุ 11-12 ปี  (แนะนําให้ฉีด 2 เข็มที่ 0, 6 เดือน หรือ 3 เข็มที่ 0, 1, 6 เดือนสําาหรับวัคซีนชนิด 2 สายพันธุ์ สําหรับวัคซีนชนิด 4 สายพันธุ์แนะนําให้ฉีด 3 เข็มที่ 0, 2, 6 เดือน) ทั้งนี้การฉีดวัคซีนตั้งแต่วัยเด็กก็เพื่อให้ลูกพร้อมรับมือกับเชื้อที่เข้ามาเมื่อถึงวัยแต่งงานหรือจะมีเพศสัมพันธ์ในอนาคต การให้ลูกฉีดวัคซีนตั้งแต่ก่อนเข้าสู่วัยรุ่นจึงเป็นโอกาสสําคัญที่เราจะให้การปกป้องแก่ลูกตั้งแต่วันนี้
เราแก่เกินไปที่จะฉีดวัคซีนหรือไม่

แม้ว่าวัคซีน HPVจะให้ประโยชน์สูงสุดในเด็กหญิง แต่การให้วัคซีนในผู้ใหญ่ก็ยังสามารถกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้สูงกว่าภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นจากการติดเชื้อตามธรรมชาติมาก ผลการศึกษาในผู้ใหญ่พบว่าวัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันรอยโรคก่อนมะเร็ง ผู้ใหญ่จึงยังได้ประโยชน์จากการฉีดวัคซีนเช่นกัน
ปัจจุบันวัคซีน HPV ชนิด 2 สายพันธุ์ได้รับอนุมัติให้ฉีดในผู้หญิงตั้งแต่อายุ 9 ปีขึ้นไป สําหรับวัคซีน HPV ชนิด 4 สายพันธุ์ได้รับอนุมัติให้ใช้ในผู้หญิงและผู้ชายอายุ 9-26 ปี
วัคซีนปลอดภัยหรือไม่

การฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ HPV มีความปลอดภัยสูง ไม่พบอาการข้างเคียงที่รุนแรง ส่วนใหญ่อาการที่พบบ่อยได้แก่ ปวด บวม แดง บริเวณที่ฉีดยา ซึ่งอาการดังกล่าวมักจะดีขึ้นและหายไปภายในเวลาประมาณ 3 วัน

เนื้อหาภายในฉบับที่ 15