การสักที่เกี่ยวเนื่องกับความเชื่อ

นพ.สมศักดิ์ ตันรัตนากร (รวบรวม)

          วัตถุประสงค์ของการสัก ผู้ชายบางคนจะสักยันต์ด้วยเหตุผลทางเวทมนต์คาถาเพื่อความแข็งแกร่งของจิตใจและต้องการอยู่ยงคงกระพัน ซึ่งเป็นความเชื่ออย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเป็นประเพณีนิยมในชนบางกลุ่ม การสักลักษณะนี้จะสักให้เฉพาะชายฉกรรจ์เท่านั้น การสักมีลักษณะที่สอดแทรกไว้ด้วยความเชื่อและพิธีกรรมหลายอย่าง เช่น ก่อนทำการสักจะต้องมีการทำพิธีไหว้ครู ในการสักนั้นก็จะประกอบด้วยการร่ายเวทมนต์ โดยอาจารย์สักจะถูผิวหนังของผู้มาสักทั้งก่อน ขณะสักลายหรือสักยันต์ และหลังจากสักเสร็จแล้ว อาจารย์สักแต่ละคนจะมีรูปแบบของลวดลายเป็นของตนเอง และผู้ที่ต้องการจะสักสามารถเลือกลายที่อาจารย์มีอยู่ได้ตามต้องการ ส่วนมากจะเป็นสัตว์ในเทพนิยาย และ เป็นอักษรขอมและเลขยันต์ อาจจะสักลายทั้งสามประเภทผสมกัน ดังนั้นลายสักของแต่ละคนจะไม ่เหมือนกันการสักใน ประเทศไทยอาจจะมีมาแต่โบราณ แต่จะมีมาตั้งแต่สมัยใดไม่มีหลักฐานชัดเจน การสักยันต์เพื่อให้ อยู่ยงคงกระพันนั้นเชื่อว่ามีมานานแล้วดังปรากฎในวรรณคดีเรื่องขุนช้างขุนแผนและวรรณกรรมอื่นๆ แต่การสักมักมองว่าเป็นเรื่องของนักเลง ถูกมองไปในทางลบทำให้ศิลปะบนผิวหนังประเภทนี้เกือบจะสูญไปจากสังคมไทยเหตุผลที่การสักยังคงมีอยู่คือ หลาย ๆ คนยังเชื่อว่าการสักจะทำให้มีโชคและอยู่ยงคงกระพันพ้นอันตราย รูปแบบของการสักแต่ละชนิดจะมีความขลังที่แตกต่างกัน ลายสักหรือยันต์บางชนิดสามารถช่วยผู้ที่สักให้รอดพ้นจากสถานการณ์ที่ยุ่งยากได้ สัญลัษณ์บางอย่างของลายสักสามารถทำให้ผิว หนังเหนียวได้ ศัตรูยิงไม่ออก ฟันไม่เข้า เชื่อว่าการสักจะช่วยให้รอดพ้นจากสถานการณ์อันเลวร้ายได้ นอกจากนี้ การสักทางไสยศาสตร์ยังเชื่อมโยงกับการระวังอันตรายและความปลอดภัย ทำให้แคล้วคลาดต่ออันตรายต่าง ๆ ศิลปะชาวบ้านประเภทนี้ อาจจะกระตุ้นความรู้สึกให้เกิดความเชื่อมั่น เกิดความมั่นใจ มันอาจเป็นเครื่องแสดงความจริงต่าง ๆ วัฒนธรรมสมัยใหม่นั้นเมื่อมองแล้วอาจจะไม่ทำให้ปลอดภัย ส่วนวัฒนธรรมการสักยันต์จึงช่วยให้เกิดความรู้สึกปลอดภัย เป็นทางหนึ่งที่ช่วยให้จิตใจเขามีความมั่นใจมั่นคงมากยิ่ง ๆ ขึ้นลายสักยอดนิยม

          ลวดลายสักแต่ละสำนักแต่ละครูอาจารย์มักจะมีความคล้ายคลึงกันเป็นส่วนใหญ่ เช่นลายหนุมาน ลายเสือเผ่น ลายมังกร ลายยันต์ชนิดต่าง ๆ ฯลฯ จะแตกต่างกันที่รายละเอียดในส่วนปลีกย่อยเท่านั้น เช่น ถ้าเป็นลายหนุมาน แต่ละอาจารย์ก็จะคงรูปร่างลักษณะและโครงร่างของหนุมานไว้แต่จะมีความแตกต่างกันที่รายละเอียดของนิ้วมือ นิ้วเท้า และเครื่องประดับของหนุมานเป็นต้น

         ในปัจจุบัน ลวดลายที่นิยมกันอย่างแพร่หลายในบรรดาผู้ที่นิยมการสักคือ ลวดลายสักที่ให้ผลทางไสยศาสตร์ซึ่งแบ่งเป็น ๒ ชนิด คือ เพื่อผลทางเมตตามหานิยม และเพื่อผลทางอยู่ยงคงกระพันชาตรีให้แคล้วคลาดจากของมีคม อุบัติเหตุ หรืออันตรายทั้งปวถ้าเป็นการสักเพื่อผลทางเมตตามหานิยมมักจะสักเป็นรูปจิ้งจกหรือสาริกาเพื่อเป็นตัวแทนของความมีเสน่ห์เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป โดยเฉพาะให้ผลดีทางการเจรจาค้าขายทำให้เจริญรุ่งเรืองทำมาค้าขึ้นส่วนลายสักเพื่อผลทางอยู่ยงคงกระพันชาตรี จะนิยมสักลวดลายซึ่งเป็นตัวแทนความดุร้ายความปราดเปรียว ความสง่างาม ความกล้าหาญ ได้แก่ลายเสือเผ่น หนุมานคลุกฝุ่น หงส์ และลายสิงห์ เป็นต้น หรือเป็นลายที่เปรียบเสมือนเกราะป้องกันภยันตราย เช่น เก้ายอด ยันต์เกราะ เพชร หรือลายยันต์ชนิดต่าง ๆ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เป็นแก่นแท้ ของการสักเพื่อผลทางไสยศาสตร์ และถือกันว่าเป็นหัวใจของการสักคือ หัวใจของคาถาที่กำกับลวดลายสักแต่ละลายอยู่เพราะสิ่งนี้คือเคล็ดลับวิชาคาถาอาคมที่เป็นวิชาชั้นสูงของแต่ละอาจารย์สักที่จะไม่ เปิดเผยให้แก่ผู้ใดเป็นอันขาดนอกจากลูกศิษย์ที่ได้รับความไว้วางใจให้เป็นผู้รับถายทอดวิชาสักของอาจารย์สืบต่อไปนอกจากนั้นยังมีผู้นิยมสักเพื่อความสวยงามซึ่งการสักเพื่อความสวยงามจะไม่เกี่ยวข้องกับกับการเพื่อผลทางไสยศาสตร์แต่อย่างใด ดังนั้นจึงเป็นการสักเฉพาะรูปสวยเฉยๆ ไม่มีการลงหัวใจของอักขระเลขยันต์ต่าง ๆ หรือลงอักขระกำกับรูปภาพ ลวดลายสักจึงมักขึ้นอยู่กับความต้องการหรือรสนิยมของผู้สัก เช่น รูปผู้หญิงเปลือย ผีเสื้อ ดอกไม้ หัวใจ ฯลฯ โดยรูปภาพเหล่านี้จะบอกนิสัยใจคอของผู้สักหรือบอกอดีตที่เป็นความประทับใจหรือความทรงจำของผู้สักที่ต้องการประทับตราไว้กับตัวเขาตลอดไป เช่น ชื่อคน ชื่อประเทศ วันเดือนที่สำคัญ เป็นต้น

          ลายสักดังกล่าวจะต้องถูกสักอยู่ในตำแหน่งที่ถูกที่ควร ไม่เช่นนั้นความขลังจะไม่เกิด โดยมากผู้มาสักประสงค์จะให้ลายสักอยู่ภายในร่มผ้ามากที่สุด ตำแหน่งที่นิยมสักเรียงตามลำดับดังนี้คือ หลัง หน้าอก คอ ศีรษะ ไหล่ แขน ชายโครง หน้า มือ และหัวเข่าแวดวงคนสักลาย เนื่องจากวัตถุประสงค์ของการสักคือเพื่อผลทางไสยศาสตร์ จึงต้องสักโดยครูอาจารย์ที่มีวิชาอาคมศักดิ์สิทธิ์โดยเฉพาะเท่านั้น ฆราวาสหรือบุคคลธรรมดาที่ไม่มีวิชาความรู้ทางด้านนี้จะไม่ได้รับการยอมรับ ครู และอาจารย์และช่างสักส่วนใหญ่จึงเป็นพระภิกษุ หรือเกจิอาจารย์ชื่อดังที่ได้รับการยอมรับนับถือจากบุคคลทั่วไป และความศักดิ์สิทธิ์ของการสักก็มักจะได้รับการทดสอบจนเห็นผลเป็นที่ร่ำลือมาแล้ว

          ผู้ที่มีลายสักจำนวนไม่น้อยที่อยากจะลบรอยสักทิ้ง อาจด้วยความรู้สึกว่าเมื่ออายุมากขึ้นลายสักบนผิวหนังกายทำให้แลดูสกปรกเลอะเทอะ หรือทำให้คนตั้งข้อรังเกียจไม่อยากเข้าใกล้ เป็นต้น ในบางรายก็ค้นพบด้วยตนเองว่าการสักไม่ได้ให้ผลทางไสยศาสตร์แก่ตนแต่อย่างใด เพราะความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันทำให้ไม่สามารถยึดถือปฏิบัติสัจจะที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัดได้ ทว่า การลบรอยสักนั้นเป็นไปได้ยากมากเพราะหมึกที่ใช้สักถูกฝังลึกเข้าไปถึงชั้นของหนังแท้ ถ้าลบออกจะทำให้เกิดแผลน่าเกลียดแต่ก็อาจทำได้โดยกรรมวิธีศัลยกรรมตกแต่ง คือ ลอกผิวหนังตรงที่มีรอยสักทิ้งไปแล้วเอาผิวหนังส่วนอื่นของร่างกายปะไว้แทน แต่ก็จะเป็นรอยแผลเป็นอยู่ดี ฉะนั้นจึงกล่าวได้ว่าการที่จะลบรอยสักโดยไม่ให้เหลือร่องรอยปรากฎอยู่เลยนั้น…ทำไม่ได้ด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนจำนวนหนึ่งหันไปใช้วิธีสักด้วยน้ำมันแทนการสักด้วยน้ำหมึก เพื่อจะได้มองไม่เห็นลวดลาย และตัดปัญหาเรื่องการลบรอยสักออกภายหลังเมื่อไม่ต้องการ การสักในลักษณะนี้จึงทำให้ลวดลายที่สวยงามวิจิตรบรรจงและสื่อความหมายในรูปแบบต่าง ๆ ที่นิยมกันมาตั้งแต่ดั้งเดิมสูญหายไปทีละน้อยยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ความคิดความเชื่อหลาย ๆ อย่างเสื่อมถอยไป แต่ลายสักก็ยังเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวทางจิตใจของบุคคลหลายกลุ่ม แต่จะยึดยาวนานไปสักเท่าใดนั้น ต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

          ตำนานการสักยันต์ของหลวงพ่อเปิ่นเป็นพระอาจารย์องค์หนึ่งของเมืองไทยที่มีผู้คนรู้จักและพากันหลั่งไหลมาสักยันต์กันมากที่สุดแห่งหนึ่ง กระทั่งสักไม่ทันต้องประสิทธิ์วิชาให้พระสงฆ์ที่เป็นศิษย์หลายรูป ทำการสักแทน และเมื่อสักแล้วหลวงพ่อต้องเสกเป่าให้อีกครั้งหนึ่งเพื่อให้ผู้ที่มาสักเกิดความมั่นใจยิ่งๆ ขึ้น

          รูปอักขระเลขยันต์ที่หลวงพ่อเปิ่นสักให้นั้นมีความหมายทุกตัวอักขระ รูปลักษณ์ต่างๆ หลวงพ่อจะประสิทธิ์ประสาทให้แก่ทุกคนที่มาขอรูปยันต์ที่สักให้อาจจะไม่เหมือนกันหมดแล้วแต่หลวงพ่อจะดูว่าผู้นั้นเป็นใครมาจากไหน อักขระรูปลักษณ์ที่สักกันส่วนมากจะใช้ คือ ยันต์หอมเชียง (พระพุทธ ๑๐๘ ) ยันต์เก้ายอด ยันต์งบน้ำอ้อย ยันต์แปดทิศ ยันต์สายสังวาลย์ ยันต์หนุมานออกศึก ยันต์หนุมานอมเมือง

         ยันต์พ่อแก่ฤาษี ยันต์แม่ทัพ ยันต์ดำดื้อ ยันแดงดื้อ ยันต์เสือเผ่น ยันต์มงกุฎพระพุทธเจ้า (หมวกเหล็ก) ยันต์นกสาลิกา ยันต์จิ้งจกสองหาง ยันต์องค์พระพุทธ ยันต์ราชสีห์ ยันต์เกราะเพชร ยันต์หมูทองแดง ยันต์ปลาไหล ยันต์ดอกบัว ยันต์พระราหู ยันต์พระเจ้าห้าพระองค์ ยันต์ลิงลม ยันต์พระเจ้าสิบหกพระองค์ ยันต์พญาหงษ์ ยันต์ไตรสรณาคมน์ ยันต์หัวใจต่างๆ ฯลฯ

          ขั้นตอนการสักยันต์ เริ่มด้วยหาดอกไม้ ธูปเทียน และค่ายกครู ๒๔ บาท มาขึ้นครูกับพระอาจารย์ที่สัก จากนั้นก็เลือกยันต์รูปลักษณ์ต่างๆ ที่จะสัก อาทิ รูปเสือเผ่น หนุมาน เก้ายอด ฯลฯ เมื่อเลือกแบบได้แล้วก็จุดตะเกียงน้ำมันก๊าด เอาพิมพ์รมควันให้เขม่าจับแบบพิมพ์ จากนั้นก็กดพิมพ์บนผิวหนังบริเวณที่สัก การสักบางยันต์ก็ใช้วิธีเขียน โดยใช้หมึกจีนตีเส้น วาดไปบนผิวหนังก่อน ยันต์บางรูปสักโดยไม่ต้องใช้แม่พิมพ์ เครื่องมือที่ใช้ในการสักยันต์ ใช้เหล็กแหลม ปัจจุบันได้ใช้ก้านร่มผ่าปลายฝนปลายจนแหลม

          การสักยันต์ลงอักขระเลขยันต์มีอยู่ ๒ อย่าง คือ การสักน้ำมัน ส่วนมากจะใช้น้ำมันจันทร์หอมแช่ว่านหรือน้ำมันงาขาว บางสำนักจะผสมน้ำมันช้างตกมัน น้ำมันเสือโคร่ง การสักน้ำมันคนสมัยนี้นิยมกันมากเพราะเป็นการสักยันต์โดยร่างกายไม่มีลวดลายให้เห็น เมื่อรอยสักตกสะเก็ดเนื้อก็สมานเป็นเนื้อเดียวกัน

          การสักหมึก นิยมใช้หมึกจีนมาฝนกับน้ำพุทธมนต์ สมัยก่อนนิยมหาดีเสือ ดีหมี ดีงูเห่าเป็นส่วนผสม

          มาถึงขั้นตอนการลงเข็มสักยันต์ อาจารย์ผู้สักจะให้ลูกศิษย์กดผิวหนังที่จะสักให้ตึง แล้วใช้เข็มสักแทงตามรูปแบบพิมพ์นั้น ปากก็บริกรรมคาถาไปตลอดเวลาที่สัก เป็นการส่งกระแสถ่ายทอดพระเวทลงไปในรูปยันต์นั้น ระยะเวลาสักยันต์ แล้วแต่รูปยันต์ที่สัก

          ข้อห้ามสำหรับคนสักยันต์ ประกอบด้วย ๑.ห้ามผิดลูกเมียเขา ๒.ห้ามด่าบุพการี ๓.ห้ามกิน น้ำเต้า มะเฟือง ๔.ห้ามลอดไม้ค้ำกล้วย ตะพานหัวเดียว ๕.ให้ถือศีล ๕ อย่างเคร่งครัด ทำแต่กรรมดี

          อุปเท่ห์ของผู้ที่สักยันต์จะต้องยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัดด้วยบุญญาธิการของบูรพาจารย์ คณาจารย์ที่ถ่ายทอดสู่ตัวของคนสักยันต์ ไม่ให้เสื่อมคลายความขลัง ต้องถือปฏิบัติในความดี ข้อห้ามต่างๆ ที่มีมาในสมัยโบราณอย่างที่เรียกว่า คนดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ผีคุ้ม ปกป้องกันภัย เป็นข้อเตือนสติให้ตระหนักถึงผลกรรมดี กรรมชั่ว

          ตั้งแต่นางเอกสาวบู๊เซ็กซี่ของฮอลลีวูด แองเจลินา โจลี ที่เจาะจงมาเมืองไทยเพื่อสักยันต์กับอาจารย์หนูจนกลายเป็นข่าวดังไปทั่วโลก ถือเป็นการปลุกกระแสการ "สักยันต์" ให้กลับมาฮิตอีกครั้ง เพราะตอนนี้ทั้งดารา นักธุรกิจตลอดจนข้าราชการและคนทำงานทั่วไปแห่กันไปสักยันต์กันจนต้องวิ่งไปจองคิวตั้งแต่เช้าตรู่ ยันต์ยอดฮิตที่นิยมสักกันมีอะไรบ้าง และข้อห้ามของการสักยันต์มีอะไร ลองไปไขปริศนากันดู

          การสักยันต์ในอดีต ทำเพื่อป้องกันตัว สำหรับผู้ชายที่ต้องไปออกรบเพื่อกู้ชาติบ้านเมือง เปรียบเป็นเครื่องรางของขลังอย่างหนึ่งของนักรบ ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ยาวมาจนถึงสงครามโลกครั้งที่ 2 หรือแม้แต่สงครามเอเชีย-บูรพา เพราะคนเชื่อว่า ถ้าสักยันต์แล้ว มนตรา อำนาจแห่งรอยสักจะช่วยคุ้มครอง และป้องกันภยันตรายจากคมมีด คมดาบ หรือลูกกระสุนได้ ดังเช่นภาพยนตร์ที่นำมาจัดทำเพื่อให้เห็นอำนาจแห่งรอยสัก อย่างจอมขมังเวทย์ หรือมหาอุตม์

          จนเวลาล่วงมาถึงยุคที่เมืองไทยไม่มีสงคราม เข้าสู่ยุคขาโจ๋ที่มองการสักเป็นเรื่องของแฟชั่นหรือเป็นงานศิลปะบนเรือนร่างที่มีไว้เพื่อเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจเพศตรงข้ามมากกว่าจะมองเป็นเรื่องคาถาอาคม ดังนั้นลวดลายสักของขาโจ๋วจึงไม่เหมือนลายสักยันต์โดยสิ้นเชิงรวมถึงไม่มีการลงคาถาอาคมด้วย เพราะส่วนมากจะเป็นลายศิลปะงดงามอ่อนช้อยหรือเป็นลวดลายงานศิลปะของพวกเมาลีที่แลดูสวยงามและแปลกตา พวกที่รับจ้างสักจึงกลายเป็นพวกศิลปินที่ร้านเล็ก ๆ ตามย่านชุมชนใหญ่ ๆ ส่วนพื้นที่ที่นิยมสักของวัยรุ่นหนุ่มสาวยุคใหม่ก็จะหันมาสักบนเรือนร่างที่สามารถโชว์รอยสักได้ถ้าดูแล้วเซ็กซี่ยิ่งถูกวัตถุประสงค์ของการยอมลงทุนเจ็บตัวทีเดียว อย่างเช่นสะโพก เนินอก ไหล่ หน้าท้อง สะดือ ข้อเท้า เป็นต้น

"คนดัง" แห่สักยันต์

          จนเมื่อเร็ว ๆ นี้ กระแสการสักยันต์ดูจะกลับมาร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะสำนักอาจารย์หนู กันภัย ที่ขึ้นชื่อลือมานมนาน ผู้ที่จุดพลุกระแสการสักยันต์ขึ้นมาใหม่นั้นคงต้องยกให้ดาราฮอลลีวูดชื่อก้องโลก อย่าง แองเจลีนา โจลี นางเอกภาพยนตร์"ทูมไรเดอร์" ที่ดอดบินมาเมืองไทยมุ่งตรงมาสักยันต์กับอาจารย์หนู โดยดาราสาวบู๊คนนี้เธอเปิดหัวไหล่ด้านซ้ายให้อาจารย์หนูลงอักขระขอม 5 แถว เป็นยันต์"หนุนดวง" จะทำให้มีโชคลาภและป้องกันอุบัติเหตุ แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง และอีกแห่งคือก้นกบสักรูปเสือโคร่งพร้อมอักขระขอมเป็นยันต์หัวใจมหาเศรษฐี

          แต่เมื่อไม่นานมานี้มีข่าวว่าพระเอกสุดหล่อหน้าหวานของฮอลลีวู้ดอย่างแบรด พิตต์ ที่เคยรักกันจี๋จ๋ากับเจนิเฟอร์ อานิสตัน จนกลายเป็นคู่ที่ใครต่อใครต้องอิจฉา แต่พอแองเจลีนา เปิดรอยสักให้พระเอกหน้าหวานดูจนโดนนะจังงังถึงกับยอมหย่ากับภรรยาคนสวยทันที แต่ทั้งหมดยังเป็นหนึ่งในสมมุติฐานของการสะบั้นรักของคู่รักคู่ร้างคู่นี้เพราะยังไม่มีใครออกมาเปิดปากพูดเรื่องจริง

         อีกกระแสข่าวเกิดขึ้นที่เมืองไทย เมื่อพชร แก้วเพชร พระเอกหนุ่มนักแสดงที่งานไม่มีแถมดวงยังตกอีกต่างหาก เมื่อได้ยินว่าแองเจลินามาสักยันต์กับอาจารย์หนู ก็เลยชวนแม่มาสักบ้างเพื่อหวังให้การงานเจริญก้าวหน้า และล่าสุดนก - ฉัตรชัย เปล่งพานิช พระเอกที่เล่นภาพยนตร์เรื่อง"จอมขมังเวทย์" ก็เลือกอาจารย์หนูให้มาสักยันต์เต็มตัวเพื่อให้เข้ากับเนื้อเรื่อง

รับ"สัจจะ"ก่อนสักยันต์

         อาจารย์หนู ยืนยันว่ากระแสของคนดัง ดารา หรือภาพยนตร์ทำให้ผู้คนหันมาให้ความสนใจกับการสักยันต์ "ดารา-นักแสดงก็เป็นกระแสหนึ่งที่ทำให้การสักยันต์กลับมาเป็นที่นิยม ไม่ว่าจะเป็นดาราจากต่างประเทศ หรือดารา-นักร้องในเมืองไทย ส่วนใหญ่ก็มาสักหมด รวมถึงพ่อค้าและคนทำงานบริษัทที่ต้องการความก้าวหน้า

แต่ถ้าใครมาสักกับอาจารย์แม้จะต้องเหนื่อยยากกับการรอคิวที่ยาวเหยียด และการเจ็บปวดในขณะสักแล้ว หัวใจสำคัญที่อาจารย์หนูเน้นย้ำก่อนที่จะสักกับทุกคนคือ

"ต้องเตรียมใจมาว่า หนึ่ง รับได้ไหมถ้าสักแล้วต้องอยู่ในศีลในธรรม มาสักแล้วใช่ว่าจะไปตีรันฟันแทงกันได้ ต้องไม่ผิดลูกผิดเมียชาวบ้าน นี่คือสิ่งที่ผู้คิดจะสักต้องรู้ เพราะที่นี่จะสักของคุณพระ ไม่ใช่เป็นการสักเล่นๆ สักแล้วก็ต้องลงอาคมทุกครั้ง"

ไม่ใช่เฉพาะในเมืองไทยเท่านั้น ที่ อาจารย์หนู ได้เผยแพร่ความนิยมในการสักยันต์ เพราะเดี๋ยวนี้ชื่อเสียงของอาจารย์หนูโด่งดังไปถึงต่างประเทศขนาดที่มีการเชิญอาจารย์หนูบินไปสักกันถึงเมืองนอกอยู่เป็นประจำ

"อาจารย์เดินทางไปต่างประเทศ ทุกครึ่งเดือน ไม่ว่าจะเป็นฮ่องกง สิงคโปร์ หรือไต้หวัน ผู้คนในต่างประเทศก็สนใจการสักยันต์ไม่ต่างจากคนไทยเหมือนกัน แต่การสักยันต์นี่เป็นของพุทธ หากคนศาสนาอื่นสนใจที่จะสัก อาจารย์ก็มีล่ามแปลประวัติการสักยันต์ของไทย และพุทธศาสนาก่อน เพราะการสักยันต์ต้องมีการไหว้อาราธนาคุณพระแบบนี้ คุณรับได้ไหม ถ้ารับไม่ได้ คุณอย่าสัก ปรากฏว่าเค้าก็รับได้ อย่างที่ฮ่องกงนี่ครึ่งประเทศเลยนะที่สัก ทั้งตำรวจและดารานี่เกือบครึ่ง บางคนนับถือศาสนาคริสต์ ส่วนใหญ่ที่สักแล้วเปลี่ยนจากศาสนาตัวเองมานับถือศาสนาพุทธก็มี อย่างแองเจลินา โจลี เป็นต้น"

ถึงขนาดที่สื่อมวลชนหลายประเทศบอกว่าอาจารย์หนูเป็นคนนำศาสนาพุทธไปเผยแพร่ เพราะคนที่มาสักก็ต้องเปลี่ยนเป็นพุทธทั้งหมด แต่ในเมื่อคนที่มาสักเข้าใจและยอมรับตามกติกา ความนิยมของการสักยันต์ก็ยังคงสุกสว่างต่อไป

ข้อจำกัดของผู้รักการสักยันต์

แต่ใช่ว่าใครอยากจะสักยันต์แล้วเดินมาสำนักของอาจารย์หนูกันได้ทุกคน เพราะอาจารย์หนูตั้งข้อจำกัดกฎเหล็กเอาไว้หนึ่งข้อคือจะไม่สักให้คนที่อายุต่ำกว่า 20 และมีอาชีพเป็นนักศึกษา

"สำหรับอาจารย์จะไม่สักให้คนที่อายุไม่ถึง 20 ปี เพราะหากเป็นวัยรุ่นเลือดร้อนมาสักแล้วอยากลองของ พากันไปตีรัน ฟันแทง มันก็ไม่ถูกต้อง อาจทำให้สังคมเดือดร้อนอย่างที่เห็นตามหน้าหนังสือพิมพ์ ของคุณพระที่ไหนที่ช่วยไม่ได้ ใครที่มาสักอาจารย์จะสกรีนเลย โดยดูตามบัตรประชาชน พร้อมกับสั่งสอนว่า สักแล้วห้ามไปเป็นนักเลงที่ไหน ให้ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน" อาจารย์หนูบอกถึงกฎของการสักอย่างเคร่งครัด

ลายสักที่นิยม ใช่ว่าเลือกได้เองตามใจชอบ

การสักยันต์มีทั้งแบบใช้หมึกดำธรรมดา และสักน้ำมัน โดยใช้น้ำมันสมุนไพรว่านร้อยแปด ซึ่งพุทธคุณเหมือนกันทุกอย่าง ต่างกันแค่จะมองไม่เห็นลายสัก เมื่อผู้หลงใหลการสักยันต์ พร้อมที่จะสักแล้ว การเลือกลายสัก ดูจะเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด เพราะเมื่อสักยันต์ตามแบบฉบับศาสตร์แห่งคุณพระ ด้วยเครื่องมือสักแบบโบราณในประวัติศาสตร์ที่เขาทำกันมาโดยต้องเรียกอักขระ เรียกนาม เรียกสูตรผนวกกับอาคมที่แกร่งกล้าแบบนี้ยากนักที่จะลบเลือนมันออกไปจากผิวง่ายๆ ดังนั้นการเลือกลาย ผู้ที่ต้องการสักคงต้องปรึกษาอาจารย์หนูอย่างละเอียดรอบคอบ โดยลายแต่ละลายนั้นก็มีศาสตร์ที่ต่างกันออกไป

"คนที่จะมาสัก ก็ต้องมาคุยกับอาจารย์ก่อนว่า ต้องการสักเพื่ออะไร อาจารย์จะเป็นคนกำหนดให้โดยจะถามก่อนว่า อาชีพการงานเป็นอะไร ส่วนใหญ่จะเน้นเรื่องโชคลาภ เมตตา หน้าที่การงาน อาจารย์จะไม่เน้นเรื่องคงกระพัน เพราะเราจะรู้เมื่อบางคนมาบอกว่า ขอสักเพื่อให้หนังเหนียว อยู่ยงคงกระพัน เราก็จะรู้เลยว่าคนนี้ไปทำอะไรมา และจะไปทำอะไร อาจารย์ก็จะสอนเค้า สอนให้เค้ารู้ว่าสิ่งที่ทำอยู่นั้นไม่ดี มันเป็นการขัดเกลาจิตใจอย่างหนึ่งนะ"

ลายสักยันต์ที่เป็นที่นิยมนั้น ส่วนใหญ่จะแยกตามหน้าที่การงาน ไม่ว่าจะเป็น "ยันต์หนุนดวง" เป็นอักขระขอมโบราณ 5 แถว ความยาว 7 นิ้ว กว้าง 2 นิ้วครึ่ง โดยแถวแรกเป็นคาถาเมตตามหานิยม แถวที่ 2 เป็นคาถาหนุนดวงชะตา แถวที่ 3 เป็นคาถาแห่งความสำเร็จ แถวที่ 4 เป็นคาถาราศีประจำตัวและแถวที่ 5 เป็นคาถามหาเสน่ห์ ถ้าคนดวงไม่ดี การสักต้องสักเป็นยันต์หนุนดวงเพราะถือว่าเป็นยันต์คุณพระที่มีพลังอานุภาพและสามารถที่จะเกื้อหนุนดวงที่ตกต่ำให้โดดเด่นขึ้นมาได้

นอกจากนี้ก็มี "ลายหนุมานตัวเก้า" เหมาะสำหรับอาชีพ ราชการ ตำรวจ หรือองครักษ์เพื่อส่งเสริมให้การงานเจริญก้าวหน้า , "ลายจิ้งจกคาบถุงเงินถุงทอง" ลายสักนี้เหมาะกับพวกพ่อค้าที่จะช่วย เสริมธุรกิจทำมาค้าคล่อง หรือลาย"พระพิฆเนศ" ที่เหมาะกับ ดารา ศิลปิน ซึ่งเป็นลายที่ดารา นักแสดงส่วนใหญ่นิยมมาสักกัน

"ลวดลายต่างๆ ที่นำมาสักนั้นจะยึดแบบลายในอดีตเป็นต้น แล้วอาจารย์ก็จะนำมาทำดัดแปลงให้สวยทันสมัยขึ้น อย่างเช่น สิงห์ สมัยก่อนจะไม่สวย แต่ภาพสิงห์ปัจจุบันสวยกว่า อาจารย์ ก็เลือกเอาภาพสิงห์ในปัจจุบันมาสักให้แทน ซึ่งมันก็คือสิงห์เหมือนกัน ลงอาคมแบบเดียวกัน" อาจารย์หนู กล่าวถึงการพัฒนาลวดลายในการสักยันต์ ที่คนส่วนมใหญ่มักคิดว่ามันเป็นแบบโบราณ

ส่วนตำแหน่งที่ผู้คนนิยมสักยันต์นั้น ทำได้หลายแห่งไม่ว่าจะเป็นไหล่ซ้าย ไหล่ขวา หรือข้างหลัง แต่ถ้าลงเบื้องต่ำคงไม่เหมาะ

แง่คิดสำหรับวัยรุ่นก่อนคิดจะสัก

ใช่ว่าในเมืองไทยจะมีสำนักสักของอาจารย์หนูเพียงสำนักเดียว แต่ยังมีอีกหลายแห่งที่เป็นทั้งลงอาคมจริง หรือลงอาคมเก้ สิ่งที่สำคัญที่สุดคงต้องเป็นตัวผู้อยากสักเองว่าศรัทธาในการสักยันต์จริง หรืออยากลองของ หรืออยากทำเพื่อตามแฟชั่น

"วัยรุ่นในสมัยนี้ที่ต้องการสักยันต์หรือลงวิชาอาคม ก็ขอให้ดูด้วย ควรทำในสำนักจริงหรือของแท้ และทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ใช่สักแล้วไปเป็นนักเลงหัวไม้ ของคุณพระต้องคุ้มคนดี ถ้าเอาไปใช้ไม่ดีก็ไม่คุ้มหรอก"

นอกจากนั้นสำนักสักต่างๆ ก็ต้องมีจรรยาบรรณเช่นเดียวกัน เพราะเด็กๆ ที่ยังไม่มีรายได้ แต่อยากสักโดยไม่ได้ยั้งคิด นอกจากทำให้พวกเขาสูญเสียเงินค่าขนมไปโรงเรียนแล้ว ยังต้องมีแผ่นเปื้อนหมึกที่ยากต่อการลบ และต้องเจ็บปวดจากการสัก เรียกว่าทำให้สังคมเดือดร้อน

"การสักยันต์ด้วยศาสตร์แห่งคุณพระ ไม่ได้เป็นการสักเพื่อคุณไสย แต่เป็นการสร้างสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจให้กับตัวเอง ไม่ได้เป็นการสักเพื่อทำร้ายผู้อื่น หรือให้ผู้อื่นมาหลงรัก ดังนั้นผู้ที่สนใจการสักยันต์ควรตรองอย่างรอบคอบ และไม่ตามกระแสแฟชั่น" อาจารย์หนูฝากทิ้งท้ายเพื่อให้ทุกคนเข้าใจการสักยันต์อย่างถูกต้อง

ข้อกำหนดของผู้รับการสัก

ผู้ที่สักยันต์โดยครูบาอาจารย์ จะต้องมีพิธีไหว้ครูและผู้ที่รับการสักจะต้องรับสัจจะ เพื่อปฏิบัติตนอย่างเคร่งครัด ตามข้อกำหนดที่พึงปฏิบัติดังนี้

  1. ยึดถือคำสัตย์
  2. ยึดมั่นในศีลจารวัตร
  3. ควบคุมสติตนเอง 

ทั้งให้ละเว้น หรือห้ามปฏิบัติสิ่งต่อไปนี้อย่างเคร่งครัด

  1. ไม่ประพฤติผิดศีลธรรม เช่น ผิดลูกผิดเมียผู้อื่น ไม่ลักเล็กขโมยน้อย
  2. ไม่ลุแก่โทสะ หรือกล่าวผรุสวาทต่อบิดามารดา
  3. ไม่รับประทานอาหารเหลือจากผู้อื่น จากพระ หรือจากงานศพ
  4. ไม่รับประทานมะเฟือง น้ำเต้า ฟัก และมะพร้าวไฟ
  5. ไม่ลอดไม้ค้ำต้นกล้วย
  6. ไม่ลอดสะพานหัวเดียว สะพานท่าน้ำ
  7. ไม่นั่งทับครกไม้
  8. ไม่ให้ผู้หญิงนั่งทับ
ยันต์เก้ายอด (ยันต์นวหรคุณ) 
ยันต์นี้ถือว่าเป็นยันต์หลักและอาจถือเป็นลายสักลายแรกของผู้มาสักใหม่ ความหมายของยันต์หมายถึงคุณวิเศษของพระพุทธเจ้าทั้ง 9 ประการ ซึ่งแสดงให้เห็นในรูปของยอดแหลมทั้ง 9 ยอด ลายสักยันต์นี้ดีในการป้องกันศาสตราวุธทั้งหลาย

พระพรหม

พระนารายณ์ทรงครุฑ
พระคเนศ ( พระพิฆเนศวร์) 
พระพิฆเนศวร์ คือเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่งและความสำเร็จ ท่านสามารถจำได้ง่ายจากศีรษะท่านที่เป็นรูปช้างและตัวเป็นเทวดา พระพิฆเนศวร์เป็นเทพผู้ฉลาดที่สุดและท่านสามารถอวยพรท่านให้ผ่านพ้นอุปสรรคต่างๆ ลายสักนี้ดีสำหรับผู้ที่มีอาชีพศิลปิน ดารานักแสดง นักร้อง และงานด้านช่างทั้งหลาย หรือผู้ที่ต้องการความมั่งคั่งร่ำรวย
ช้างพระอินทร์ , ช้างเอราวัณ 
ช้างเอราวัณ คือช้างเทพเจ้าที่มีสามหน้า เป็นช้างที่มีกำลังมากที่สุดและใหญ่โตกว่าช้างใดๆ บนสรวงสวรรค์ ลายสักยันต์นี้ดีสำหรับผู้ที่บังคับบัญชาผู้คน และดีสำหรับผู้ที่เดินทางบ่อยๆ เพราะมีอำนาจและป้องกันอันตราย
พระฤาษีบรมครู
หนุมานทรงฤทธิ์ ยันต์หนุมานทรงฤทธิ์ (ลิงขาวผู้วิเศษ) 
ในเรื่องรามเกียรติ์ของอินเดีย หนุมานมีความเป็นอมตะ(ไม่ตาย) ต่อสู้เก่งมาก และโชคดีเรื่องความรัก หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต การป้องกันศาสตราวุธ และโชคดีสุดๆ ในด้านความรัก คุณควรเลือกลายสักนี้!
 
หนุมานตัว9   
เหมาะสำหรับอาชีพ ราชการ ตำรวจ หรือองครักษ์เพื่อส่งเสริมให้การงานเจริญก้าวหน้า
 
หนุมานตัว5
เสือ

มัจฉานุ  
ลิง  
จิ้งจกมหาเสน่ห์   (ลายจิ้งจกคาบถุงเงินถุงทอง )  
เหมาะกับพวกพ่อค้าที่จะช่วย เสริมธุรกิจทำมาค้าคล่อง

หมู
พญามังกร
ตะขาบ
หงส์
จระเข้ (เถรขวาด) 
สัญลักษณ์ของงานบุญใหญ่ของไทยคือธงจระเข้ในงานกฐิน ถ้าท่านต้องการเป็นผู้ชนะและได้รับความร่วมมือความเมตตาจากฝูงชน ลายสักนี้ดีสำหรับความสำเร็จ ความเมตตา และความโชคดี
ยันต์หนุมานทรงฤทธิ์ (ลิงขาวผู้วิเศษ) 
ในเรื่องรามเกียรติ์ของอินเดีย หนุมานมีความเป็นอมตะ(ไม่ตาย) ต่อสู้เก่งมาก และโชคดีเรื่องความรัก หากท่านต้องการประสบความสำเร็จในชีวิต การป้องกันศาสตราวุธ และโชคดีสุดๆ ในด้านความรัก คุณควรเลือกลายสักนี้!
 
หนุมานตัว9   
เหมาะสำหรับอาชีพ ราชการ ตำรวจ หรือองครักษ์เพื่อส่งเสริมให้การงานเจริญก้าวหน้า
 
 ยันต์ชูชก 
ชายแก่ที่แบกถุงเงินบนบ่า ชื่อเขาคือชูชก เริ่มแรกเขาเป็นขอทาน ต่อมาเขากลายเป็นเศรษฐี ลายสักนี้ดีต่อการค้าและทุกท่านที่ต้องการความร่ำรวย
 ยันตร์ราหูอมจันทร์ 
ปรากฏการธรรมชาติที่มีเงาบนดวงจันทร์เราเรียกว่า ราหูอมจันทร์ เราเชื่อว่าราหูคือเจ้าแห่งยักษ์และเป็นผู้ปกครองเหล่าปีศาจ ลายสักนี้จะช่วยหนุนดวงชะตาโดยเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดี และต่อต้านสิ่งเลวร้ายต่างๆ

               ตัวเลขกับลายสัก  การสักเป็นตัวเลขต่าง ๆ นั้น มีความหมายทั้งสิ้น เช่นการสักเป็น ตัวเลข ดังต่อไปนี้
เลข ๑ หมายถึง  คุณแห่ง พระนิพพาน อันยิ่งใหญ่
เลข ๒ หมายถึง  คุณแห่ง พุท โธ
เลข ๓ หมายถึง  คุณแห่งแก้ว ๓ ประการ ( พระรัตนตรัย ) และอีกความหมายคือพระไตรปิฎก
เลข ๔ หมายถึง  คุณแห่งมรรค ๔ ผล ๔, หมายถึงคุณแห่งพระโลกบาลทั้ง ๔, หมายถึงพรหมวิหาร ๔,
                          และหมายถึงพระฤาษีกัสสปะ
เลข ๕ หมายถึง  คุณแห่งศีล ๕
เลข ๖ หมายถึง  คุณแห่งไฟ หรือพระเพลิง, หมายถึงคุณแห่งพระอาทิตย์
เลข ๗ หมายถึง  คุณแห่งลม หรือพระพาย
เลข ๘ หมายถึง  คุณแห่งพระกรมฐาน, หมายถึงคุณแห่งศีล ๘, หมายถึงคุณแห่งพระอังคาร
เลข ๙ หมายถึง  คุณแห่งมรรค ๔ ผล ๔ พระนิพพาน ๑, หมายถึงคุณแห่งพระเกตุ
เลข ๑๐ หมายถึง  คุณแห่งครูบาอาจารย์, หมายถึงคุณแห่งอากาศ, หมายถึงคุณแห่งศีล ๑๐, หมายถึงคุณแห่งพระเสาร์ ๓๐ ทัศ
เลข ๑๒ หมายถึง  คุณแห่งมารดา, คุณแห่งพระคงคา, หมายถึงคุณแห่งพระราหูถ
เลข ๑๔ หมายถึง  คุณแห่งพระสังฆเจ้า
เลข ๑๕ หมายถึง  คุณแห่งพระจันทร์
เลข ๑๗ หมายถึง  คุณแห่งพระพุธ
เลข ๑๙ หมายถึง  คุณแห่งพระพฤหัสบดี
เลข ๒๐ หมายถึง  คุณแห่งพระเสาร์กำลังสอง
เลข ๒๑ หมายถึง  คุณแห่งบิดา, หมายถึงคุณแห่งพระธรณี, หมายถึงคุณแห่งพระศุกร์
เลข ๓๓ หมายถึง  คุณแห่งอักขระถ
เลข ๓๘ หมายถึง  คุณแห่งพระธรรมเจ้า
เลข ๓๙ หมายถึง  คุณแห่งพระแม่โพสพ หรือขวัญข้าว
เลข ๔๑ หมายถึง  คุณแห่งอักษร หรืออักขระ
เลข ๕๖ หมายถึง  คุณแห่งพระพุทธเจ้า
เลข ๒๒๗ หมายถึง  คุณแห่งศีล ๒๒๗

การสักเป็นอักขระ นิยมสักกันเป็นอักษรภาษาขอม ที่เรียกว่าการสักขอมเป็นบาลี หรือจะสักเป็นภาษาอื่นๆ ก็ได้ การสักและการปลุกเสก เป็นพระคาถา ๑๐๘ หรือ พระคาถาหัวใจ ๑๐๘ มีดังนี้

หัวใจพระธรรม ๗ คัมภีร์ คือ สังวิชาปุกะยะปะ
หัวใจพระสูตร คือ ทีมะสังอังขุ
หัวใจพระวินัย คือ อาปามะจุปะ
หัวใจสัตตะโพชฌงค์ คือ สะธะวิปิปะสะอุ
หัวใจพระรัตนตรัย คือ อิสะวาสุ
หัวใจพาหุง คือ พามานาอุกะสะนะทุ
หัวใจพระพุทธเจ้า คือ อิกะวิติ
หัวใจปฏิสังขาโย คือ จิปิเสคิ
หัวใจพระไตรปิฎก คือ สะระณะมะ
หัวใจยอดศีล คือ พุทธะสังมิ
หัวใจธรรมบท ( เปรต ) คือ ทุสะนะโส
หัวใจปถมัง คือ ทุสะมะนิ
หัวใจอิธะเจ คือ อิทะคะมะ
หัวใจตรีนิสิงเห คือ สะชะฏะตรี
หัวใจสนธิ คือ งะญะนะมะ
หัวใจแม่พระธรณี คือ เมกะมุอุ
หัวใจยะโตหัง คือ นะหิโสตัง
หัวใจพระกุกกุสันโธ คือ นะมะกะยะ
หัวใจพระโกนาคมน์ คือ นะมะกะตะ
หัวใจพระกัสสป คือ กะระมะถะ
หัวใจสังคะหะ คือ จิเจรุนิ
หัวใจนอโม คือ นะอุเออะ
หัวใจไฟ คือ เตชะสะติ
หัวใจลม คือ วายุละภะ
หัวใจบารมี คือ ผะเวสัจเจเอชิมะ
หัวใจน้ำ คือ อาปานุติ
หัวใจดิน คือ ปะถะวิยัง
หัวใจวิรูปักเข คือ เมตะสะระภูมู
หัวใจพระปริตร คือ สะยะสะปะยะอะจะ
หัวใจพระนิพาน คือ สิวังพุทธัง
หัวใจยานี คือ ยะนิรัตนัง
หัวใจกรณีเมตตสูตร คือ เอตังสะติง
หัวใจวิปัสสนา คือ วิระสะติ
หัวใจมงคลสูตร คือ เอตะมังคะลัง
หัวใจอายันตุโภนโต คือ อานิชะนิ 
หัวใจมหาสมัย คือ กาละกัญธามหาภิสะมา
หัวใจเสฎฐัน คือ เสพุเสวะเสตะอะเส
หัวใจปาฏิโมกข์ คือ เมอะมะอุ
หัวใจเพชรสี่ด้าน คือ อะสิสัตติปะภัสมิง
หัวใจศีลสิบ คือ ปาสุอุชา
หัวใจอริยสัจ ๔ คือ ทุสะนิมะ
หัวใจธรรมจักร์ คือ ติติอุนิ
หัวใจนิพพานจักรี คือ อิสะระมะสาพุเทวา
หัวใจทศชาติ คือ เตชะสุเนมะภูจะนาวิเว
หัวใจธาตุทั้ง ๔ คือ นะมะพะทะ
หัวใจธาตุพระกรณีย์ คือ จะภะกะสะ
หัวใจพระกรณีย์ คือ จะอะภะคะ
หัวใจปลายศีล คือ อิสะปะมิ
หัวใจกินนุสัตรมาโน คือ กะนะนะมา
หัวใจพระยายักษ์ คือ ภะยะนะยะ
หวัใจภาณยักษ์ คือ กะยะพะตัง
หัวใจอาวุธพระพุทธเจ้า คือ ปะสิสะ
หัวใจนะโม คือ นะวะอัสสะ
หัวใจกะขะ คือ กะยะนะอัง
หัวใจศีลพระ คือ พุทธสังอิ
หัวใจโลกทั้ง ๑๐ คือ โลกะวิทู
หัวใจยันต์ คือ ยันตังสันตัง
หัวใจขุนแผน คือ สุนะโมโล
หัวใจแค้ลวคลาด คือ อะหังติโก
หัวใจเกราะเพชร คือ ภูตากังเก
หัวใจจังงัง คือ กะระสะติ
หัวใจอิทธิฤทธิ คือ อะหังนุกา
หัวใจกาสัง คือ กาละถานุ
หัวใจพระภูมิ คือ กุมมิภุมมิ
หัวใจนิพพานสูตร คือ อะนิโสสะ
หัวใจแก้วสามประการ คือ มะติยาโน
หัวใจพระฉิมพลี คือ นะชาลีติ
หัวใจสัคเค คือ นะสะมิเห
หัวใจพระญาณรังษี คือ สะกะจะพาหุ
หัวใจสัมพุทเธ คือ สะทะปะโต
หัวใจคงคาเดือด คือ กะขะชะนะ
หัวใจพระเวสสันดร คือ สะระนะตะ
หัวใจพระวิฑูร คือ นะมะสังอิ
หัวใจพระมโหสถ คือ ปาสิอุอะ
หัวใจพระเตมีย์ คือ กะระเตจะ
หัวใจพนฃระภูริฑัต คือ มะสะนิวา
หัวใจพระสุวรรณสาม คือ อะวะสะทะ
หัวใจพระมหาชนก คือ ปะพะยะหะ
หัวใจวิปัสสิ คือ สะขิสะปิ
หัวใจพระมาลัย คือ พะลัยยะ
หัวใจพระยาร้อยเอ็ด คือ อิสิวิระ
หังใจพระยาหมี คือ สะปิระ
หัวใจทิพย์มนต์ คือ กะจะยะสะ
หัวใจงู คือ อะหิสัปโป
หัวใจเณร คือ สะสิสะอุอะวะสะหัง
หัวใจฆะเตสิก คือ ปะสิจะมิ
หัวใจพระยานาค คือ อะงะสะ
หัวใจพระยาม้า คือ สุกเขยโย
หัวใจพระยามัจจุราช คือ กาละมัจจุ
หัวใจพระยามาร คือ นุภาวโต
หัวใจสัตว์ คือ อันตะภาโวพะ
หัวใจท้าวเวสสุวรรณ คือ เวสสะพุสะ
หัวใจพาลี คือ หันตะนุภา
หัวใจองคต คือ พะหะวารา
หัวใจมดง่าม คือ กะสิตานะ
หัวใจไก่เถื่อน คือ ติวิกุกู
หัวใจเต่าเรือน คือ นาสังสิโม
หัวใจการเวก คือ การะวิโก
หัวใจราชสีห์ คือ สีหะทานัง
หัวใจพระเจ้า ๔ พระองค์ คือ นะกะอะปิ
หัวใจปลาไหลเผือก คือ อะยาเวยยะ
หัวใจ กอ.ขอ. คือ มอลอข้อโข
หัวใจอุณลุม คือ อุปะสัมปะ
หัวใจโจร คือ กันหะเนหะ
หัวใจปลวก คือ วะโมทุทันตานัง
หัวใจหนุมาน คือ ยะตะมะอะ, หรือ หะนุมานะ
หัวใจมนุษย์ คือ มะนุญญัง
หัวใจหญิง คือ จิตตังภคินิเม
หัวใจชาย คือ จิตตังปุริโส
หัวใจทรหด คือ นะหิโลกัง
หัวใจมหาอุจ(เขียนแบบเดิม) คือ อุทธังอัทโธ
หัวใจลิงลม คือ ยุวาพะวา, วิงวังกังหะ, หรือ จิขะจุติ

พระคาถายอดหัวใจ ๑๐๘ คือ นะโมพุทธายะ นะมะพะทะ จะภะกะสะ

การสักยันต์ไม่ว่าจะเป็นการสักลวดลายต่าง ๆ ตามความเชื่อทางไสยศาสตร์หรือการลงอักขระลงยันต์ เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของชาวบ้านที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เป็นเรื่องที่น่าศึกษาค้นคว้าอย่างยิ่ง ก่อนที่วัฒนธรรมนี้จะสูญไปจากประเทศไทยของเรา