หลักสูตรเพื่อประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรม ด้านเลเซอร์และหัตถการทางผิวหนัง
สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ฉบับแก้ไข พ.ศ. 2565
1. ชื่อหลักสูตร
1.1 (ภาษาไทย) หลักสูตรเพื่อประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรม ด้านเลเซอร์และหัตถการทางผิวหนัง สาขาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
1.2 (ภาษาอังกฤษ) Training Curriculum for Certificate of Medical Proficiency in
Lasers and Procedural Dermatology, Division of Dermatology,
Department of Internal Medicine, Faculty of Medicine Ramathibodi Hospital
2.ชื่อประกาศนียบัตร
2.1 ชื่อเต็ม
(ภาษาไทย) ประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรมด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนัง
(ภาษาอังกฤษ) Certificate of Medical Proficiency in Lasers and Procedural Dermatology
2.2 ชื่อย่อ
(ภาษาไทย) ป.เลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนัง
(ภาษาอังกฤษ) Cert. in Lasers and Proc. Derm.
3.หน่วยงานแหล่งฝึกอบรมที่รับผิดชอบ
สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
4.พันธกิจของแผนการฝึกอบรม / หลักสูตร
เนื่องจากการพัฒนาความรู้และเทคโนโลยีในสาขาตจวิทยาได้มีการพัฒนาอย่างกว้างขวางช่วงหลังปี 2540 งานด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนังเป็นงานที่มีการขยายตัวอย่างมาก มีการพัฒนาเทคโนโลยีใหม่ๆ มากมายหลายชนิด ในหลักสูตรการฝึกอบรมแพทย์ประจาบ้านสาขาวิชาตจวิทยา แม้ได้เพิ่มระยะเวลาฝึกอบรมจาก 3 ปีเป็น 4 ปีแล้วก็ตาม แต่ด้วยข้อจากัดเรื่องเวลา ทาให้ไม่สามารถให้การฝึกอบรมในงานด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนังให้ได้มาตรฐานในระดับสากลได้ในทุกหัตถการ ซึ่งเป็นปัญหาให้ตจแพทย์ที่ต้องดูแลผู้ป่วยในงานด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนัง ไม่ว่าจะในสถานพยาบาลของรัฐและเอกชน อาจจะทาไม่ได้ตามมาตรฐาน ก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้ป่วย และเกิดความเสี่ยงในการถูกฟ้องร้องต่อตัวแพทย์เอง หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี จึงสมควรที่จะมีการเปิดการฝึกอบรมในระดับหลักสูตรต่อยอด (Fellowship training) เพื่อให้ได้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนังที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา โดยหลักสูตรมีพันธกิจตั้งอยู่บนพื้นฐานของความต้องการของชุมชนและสังคม ความต้องการของระบบสุขภาพ และความรับผิดชอบทางสังคมอื่น ๆ ตามความเหมาะสมต่อไป
พันธกิจของหลักสูตร
4.1. สร้างบัณฑิตที่มีความสามารถทางวิชาการ มีทักษะทันสมัย มีจิตสาธารณะ และมีความเป็นผู้นา
เป็นหลักสูตรที่ใช้เพื่อให้มีผู้สาเร็จการศึกษาที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนัง เน้นการเพิ่มรายวิชาที่มีความทันสมัย และความปลอดภัยของผู้ที่ปฏิบัติงานและผู้ป่วย ส่งเสริมวิชาการ และการประยุกต์ผลงานวิจัยใหม่ๆ และองค์ความรู้ในปัจจุบัน เพื่อสามารถนาความรู้มาปฏิบัติได้ โดยยึดถือผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานการดูแลแบบองค์รวม ส่งเสริมให้ปฏิบัติงานร่วมกับแพทย์ในสาขาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง แพทย์รุ่นพี่และแพทย์รุ่นน้อง พยาบาล เภสัชกรและสาขาที่เกี่ยวข้องอื่นๆ สนับสนุนให้เข้าร่วมกิจกรรมเพื่อจิตสาธารณะ และนาเสนอความคิดเห็นและอภิปรายอย่างสม่าเสมอ และบริหารกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ เพื่อฝึกความเป็นผู้นาต่อไป โดยคานึงถึงสภาวะการทางานที่เหมาะสมเพื่อธารงสุขภาพของผู้เข้าฝึกอบรมเป็นพื้นฐาน
4.2. บุกเบิกและบูรณาการองค์ความรู้ สร้างสรรค์นวัตกรรมด้านการเรียนการสอนและวิจัย
หลักสูตรปรับปรุงส่งเสริมให้แพทย์ผู้รับการฝึกอบรมได้รับประสบการณ์การอ่านและอภิปรายในวารสารทางการแพทย์และทางานวิจัยด้วยตนเอง โดยเน้นการสร้างองค์ความรู้ใหม่ที่มีประโยชน์ในวงการแพทย์โดยคานึงถึงคุณธรรมและจริยธรรม และสามารถนาไปสร้างนวัตกรรมได้ต่อไป
4.3. สร้างผลงานวิชาการและงานวิจัยในระดับนานาชาติ
หลักสูตรมีโครงการพิเศษทุกชั้นปีเพื่อสนับสนุนการทางานวิจัยและสร้างผลงานในระดับนานาชาติ
4.4. นาความรู้ไปขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศ และสังคมไทยอย่างยั่งยืน
หลักสูตรปรับปรุงเน้นการนาความรู้ไปใช้เพื่อให้การรักษาในอนาคตมีความทันสมัยเหมาะสมกับสภาวการณ์ของประเทศไทย ป้องกันและรักษาภาวะเจ็บป่วยที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังเพื่อลดภาระจากปัญหาสุขภาพที่เกี่ยวข้องกับผิวหนังในประเทศ ส่งเสริมสุขภาพคนไทยและไม่หลงเชื่อไปกับการโฆษณาชวนเชื่อ ทาให้คนไทยหลงงมงายและสูญเสียทรัพยากรในด้านต่างๆ ทั้งเงินและเวลา
5. ผลลัพธ์ของแผนการฝึกอบรม / หลักสูตร
5.1 แผนฝึกอบรม/หลักสูตรต้องกาหนดผลลัพธ์การฝึกอบรมที่พึงประสงค์ (intended learning outcomes/milestones) ที่ชัดเจน ครอบคลุมประเด็นทั้ง 6 ด้าน
5.1.1 ความรู้ความสามารถในเวชปฏิบัติที่ครอบคลุมและเหมาะสมกับบริบทของอนุสาขาวิชาที่เข้า
รับการฝึกอบรม
5.1.1.1 การดูแลรักษาผู้ป่วย (Patient Care)
- สามารถซักประวัติ ตรวจร่างกาย ได้ครบถ้วน และถูกต้อง
- สามารถให้การวินิจฉัย การวางแผนการรักษาโดยใช้ยา (medical) หรือหัตถการ (procedures) และให้ความรู้แก่ผู้มีปัญหาผิวหนังโดยเฉพาะในด้านตจหัตถการ
- สามารถให้ความรู้เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้คาแนะนา การปฏิบัติตัวก่อนและหลังทาหัตถการ การป้องกันโรค และสร้างเสริมสุขภาพทางผิวหนัง
-สามารถบันทึกเวชระเบียนและ บันทึกการผ่าตัดได้อย่างสมบูรณ์
5.1.1.2 ความรู้ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการนาไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วย
(Medical knowledge and procedural skill)
-มีความรู้พื้นฐานวิทยาศาสตร์การแพทย์ (basic sciences) ทางผิวหนัง
-มีความรู้ความสามารถในวิชาชีพ และเชี่ยวชาญในสาขาตจหัตถการ
-สามารถวิพากษ์บทความ และงานวิจัยทางการแพทย์
5.1.1.3 การเรียนรู้จากการปฏิบัติ และการพัฒนาตนเอง (Practice-based Learning and Improvement)
-มีงานวิจัยทางการแพทย์ และสาธารณสุข
-สามารถเรียนรู้ และเก็บประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ
-สามารถใช้ยา และเลือกวิธีการรักษาทางตจหัตถการและทรัพยากรอย่างสมเหตุผล
-มีความสามารถทางทักษะด้านอื่นๆ เช่น ใช้สื่ออิเล็กทรอนิกส์ หรือ ใช้โปรแกรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย(software literacy)
5.1.1.4 ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
-มีทักษะการนาเสนอข้อมูลผู้ป่วย และอภิปรายปัญหาอย่างมีประสิทธิภาพ
-สามารถถ่ายทอดความรู้ และทักษะให้บุคลากรทางการแพทย์
-มีทักษะการสื่อสารให้ข้อมูลแก่ญาติ และผู้ป่วยได้อย่างถูกต้อง มีประสิทธิภาพ โดยมีเมตตา เคารพการตัดสินใจและศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์
-มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี ทางานกับเพื่อนร่วมงานทุกระดับอย่างมีประสิทธิภาพ
-มีทักษะการเป็นที่ปรึกษา ให้คาแนะนาแก่แพทย์ต่างแผนก และบุคลากรอื่น
5.1.1.5 ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
-มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงานเพื่อนร่วมวิชาชีพและชุมชน
-มีความสนใจใฝ่รู้และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต(Continuous Professional Development)
-มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และ คานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
5.1.1.6 การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based Practice)
-มีความรู้เกี่ยวกับระบบสุขภาพและระบบยาของประเทศ
-มีความรู้และมีส่วนร่วมในพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
-มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย
-มีความรู้ ความเข้าใจเรื่องสิทธิผู้ป่วย
-สามารถใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสมและสามารถปรับเปลี่ยนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ
5.1.2 ความสามารถในการทางานแบบวิชาชีพนิยม (professionalism)
-มีคุณธรรม จริยธรรม และเจตคติอันดีต่อผู้ป่วย ญาติ ผู้ร่วมงาน เพื่อนร่วมวิชาชีพ และชุมชน
-มีความสนใจใฝ่รู้ และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต(Continuous Professional Development)
-มีความรับผิดชอบต่องานที่ได้รับมอบหมาย และคานึงถึงผลประโยชน์ส่วนรวม
5.1.3 ความสามารถปฏิบัติงานได้ด้วยตนเองอย่างเต็มตัวโดยไม่ต้องมีการกากับดูแล
-มีการเขียนเสนอโครงการงานวิจัยทางการแพทย์ และสาธารณสุข
-สามารถเรียนรู้ และเก็บประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติ โดยเริ่มจากการสังเกตการณ์ในช่วงแรกและฝึกประสพการณ์ด้วยตนเองภายใต้การกากับดูแลของอาจารย์ จนไปถึงการสามารถปฏิบัติเองได้อย่างเชี่ยวชาญ และเรียนรู้จากการให้ข้อมูลย้อนกลับและแบบบันทึกประสพการณ์
-ฝึกให้มีความสนใจใฝ่รู้และสามารถพัฒนาไปสู่ความเป็นผู้เรียนรู้ต่อเนื่องตลอดชีวิต(Continuous Professional Development)
-สามารถวิพากษ์บทความ และงานวิจัยทางการแพทย์
5.1.4 ความสามารถปฏิบัติงานแบบสหวิชาชีพหรือเป็นทีมได้ ตามแนวทางการดาเนินงานเกี่ยวกับ
การบริหารงานการฝึกอบรมเพื่อประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรม ฉบับ พ.ศ. 2562
เป็นผู้ที่รู้จักความสามารถของตน ขอบเขตของวิชาชีพตน ไม่ล่วงล้าก้าวก่ายไปนอกขอบเขตแห่งวิชาชีพตน และไม่กล่าวร้ายให้โทษแก่ผู้ร่วมวิชาชีพตนและแพทย์สาขาอื่น
5.1.5 การเรียนรู้ตลอดชีวิต เข้าร่วมในกิจกรรมแพทยศาสตรศึกษาต่อเนื่อง (CME) หรือ การพัฒนา
วิชาชีพอย่างต่อเนื่อง (CPD) หลักสูตรกาหนดให้สะสมกิจกรรมการศึกษาต่อเนื่อง อย่างน้อย 50
ชั่วโมง ใน 1 ปี
5.1.6 การบริบาลโดยใช้ผู้ป่วยเป็นศูนย์กลางบนพื้นฐานของการดูแลแบบองค์รวม คานึงถึงประสิทธิภาพ และความปลอดภัย
-มีความรู้เกี่ยวกับระบบสุขภาพ และระบบยาของประเทศ
-มีความรู้ และมีส่วนร่วมในการพัฒนาคุณภาพการดูแลรักษาผู้ป่วย
-มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องความปลอดภัยของผู้ป่วย
-มีความรู้ ความเข้าใจ เรื่องสิทธิผู้ป่วย
-สามารถใช้ทรัพยากรสุขภาพอย่างเหมาะสม และสามารถปรับเปลี่ยนการดูแลรักษาผู้ป่วยให้เข้ากับบริบทของการบริการสาธารณสุขได้ตามมาตรฐานวิชาชีพ
6. แผนการฝึกอบรม / หลักสูตร
6.1 วิธีการให้การฝึกอบรม แผนงานฝึกอบรม / แหล่งฝึกอบรม
เพื่อให้ได้ประสบการณ์การเรียนรู้ที่สอดคล้องกับผลลัพธ์การฝึกอบรมที่พึงประสงค์ ทั้งภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติเน้นการฝึกอบรมโดยใช้การปฏิบัติเป็นฐาน (practice-based training) มีส่วนร่วมในการบริบาลและรับผิดชอบผู้ป่วย คานึงถึงศักยภาพและการเรียนรู้ของแพทย์ผู้เข้ารับการฝึกอบรม (trainee-centered) มีการบูรณาการภาคทฤษฎีกับภาคปฏิบัติ บูรณาการการฝึกอบรมกับงานบริบาลผู้ป่วยอย่างเหมาะสม โดยให้ระบุวิธีการฝึกอบรม และเป้าประสงค์หลักในแต่ละช่วงของการฝึกอบรม มีการติดตามตรวจสอบ กากับดูแล (supervision) และให้ข้อมูลป้อนกลับ (feedback) อย่างสม่าเสมอ
6.2 เนื้อหาของการฝึกอบรม / หลักสูตร
การจัดการฝึกอบรมตลอดระยะเวลาฝึกอบรม 1 ปี การศึกษานั้นให้จัดการฝึกอบรมโดยสาขาตจวิทยา ต้องได้รับการฝึกอบรมในหัวข้อดังต่อไปนี้
6.2.1 สมรรถนะการดูแลรักษาผู้ป่วย (Patient Care)
6.2.1.1 การดูแลรักษาผู้ป่วยนอก
-งานดูแลผู้ป่วยนอกทางด้านเลเซอร์ และหัตถการทางผิวหนังอย่างน้อยรวม 450 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-จัดการเรียนการสอนเฉพาะทางในหมวดคลินิกหัตการต่างๆ และร่วมปฏิบัติงาน เช่น ห้องผ่าตัด ห้องหัตถการ เลเซอร์ชนิดต่างๆ คลินิกเส้นผมและหนังศีรษะ คลินิกฝ้า คลินิกเนื้องอกผิวหนัง อย่างน้อยรวม 450 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-บันทึกข้อมูลในเวชระเบียนผู้ป่วยได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์ รวมถึง operative note
6.2.1.2 ความรู้ความเชี่ยวชาญ และความสามารถในการนาไปใช้แก้ปัญหาของผู้ป่วย
(Medical knowledge and Skills)
-เรียนรู้วิทยาศาสตร์การแพทย์พื้นฐานประยุกต์ (correlated basic medical science) ความรู้เฉพาะด้านตจหัตถการ และ สามารถวิจารณ์บทความได้อย่างมีวิจารณญาณ และ นาไปใช้ได้
-เก็บประสบการณ์ได้ด้วยตนเองจากการปฏิบัติในหัวข้อที่กาหนด โดยเริ่มจากการสังเกตุการณ์ในช่วงแรกและฝึกประสพการณ์ด้วยตนเองภายใต้การกากับดูแลของอาจารย์ จนไปถึงการสามารถปฏิบัติเองได้อย่างเชี่ยวชาญ และเรียนรู้จากการให้ข้อมูลย้อนกลับและแบบบันทึกประสพการณ์
-เข้าร่วมกิจกรรมวิชาการ เช่น grand round, clinicopathological conference, journal club, research forum และ การประชุมวิชาการ เป็นต้น
6.2.1.3 การเรียนรู้จากการปฏิบัติ (Practice-based Learning)
-ประสบการณ์การเรียนรู้ในการดูแลผู้ป่วยแบบองค์รวมสหวิชาชีพ
-ปฎิบัติงานช่วยสอนนักศึกษาแพทย์ และ แพทย์ประจาบ้านรุ่นน้อง
-ต้องทางานวิจัยและมีทักษะในเรื่องที่เกี่ยวข้อง เช่น การเขียนขอทุนงานวิจัย การทางานวิจัยโดยเป็นผู้วิจัยหลัก และมีความรู้ของการใช้โปรแกรมที่เกี่ยวข้องกับการวิจัย เช่น SPSS, Excel
6.2.1.4 ทักษะปฏิสัมพันธ์ และการสื่อสาร (Interpersonal and Communication Skills)
-เรียนรู้เกี่ยวกับทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสาร
-สามารถให้คาแนะนาที่ถูกต้องเหมาะสมแก่ผู้ป่วยและญาติ
-มีทักษะปฏิสัมพันธ์และการสื่อสารที่ดีกับผู้ร่วมงาน ทุกระดับ
-ปฏิบัติงานสอนนักศึกษาแพทย์ และแพทย์ประจาบ้านรุ่นน้อง
-นำเสนอข้อมูลผู้ป่วยและอภิปรายปัญหาในกิจกรรมวิชาการ เช่น grand round, clinicopathological conference เป็นต้น
6.2.1.5 ความเป็นมืออาชีพ (Professionalism)
-เข้าร่วมกิจกรรมการให้ความรู้ทางด้านบูรณาการทางการแพทย์
-มีเจตคติที่ดีระหว่างการปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยรวมถึงจัดอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่องจริยธรรมทางการแพทย์
-เรียนรู้เพื่อให้มีการพัฒนาวิชาชีพด้วยตนเองได้อย่างต่อเนื่อง (lifelong learning)
6.2.1.6 การปฏิบัติงานให้เข้ากับระบบ (System-based Practice)
-จัดให้มีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับระบบการเป็นผู้นาและการบริหารในการทางาน เช่น Chief ต้องมีความรู้ในเรื่องคุณภาพของโรงพยาบาล ระบบความปลอดภัยของผู้ป่วย รวมทั้งสิทธิผู้ป่วย
-มีประสบการณ์การเรียนรู้เกี่ยวกับ ระบบสุขภาพและระบบยาของประเทศ
การจัดการฝึกอบรมตลอด 1 ปี การศึกษานั้นให้จัดการฝึกอบรม ดังนี้
-จัดการฝึกอบรมปฏิบัติงานดูแลผู้ป่วยนอกทางตจหัตถการอย่างน้อยรวม 450 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-จัดการเรียนการสอนเฉพาะทางในหมวดคลินิกหัตการต่างๆ และร่วมปฏิบัติงาน เช่น ห้องผ่าตัด ห้องหัตถการ เลเซอร์ชนิดต่างๆ คลินิกฝ้า คลินิกเนื้องอกผิวหนัง อย่างน้อยรวม 450 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-เข้าร่วมกิจกรรมวิชาการ เช่น grand round, clinicopathological conference, journal club, research forum และ การประชุมวิชาการ เป็นต้น อย่างน้อยรวม 40 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-จัดให้มีการเรียนภาคปฏิบัติด้าน cadaver อย่างน้อยรวม 12 ชั่วโมงต่อการฝึกอบรมตลอดหลักสูตร
-สถาบันฝึกอบรมจัดให้มีวิชาเลือกได้ไม่เกิน 1 เดือนตลอดหลักสูตร โดยให้เลือกไปปฏิบัติงานตามที่สถาบันฝึกอบรมเห็นสมควร
-จัดให้มีประสบการณ์การเรียนรู้โดยการสอบวิธี Direct observation of procedural skills (DOPS) of Procedural dermatology ตามที่กาหนดในภาคผนวก 1
-จัดให้มีระบบอาจารย์ที่ปรึกษาในอัตราส่วนที่เหมาะสมกับผู้เข้ารับการฝึกอบรม
-จัดการฝึกอบรมภายใต้สภาวะการทางานที่เหมาะสม ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพของผู้เข้ารับการฝึกอบรม ตามมาตรฐานความปลอดภัยในโรงพยาบาล
6.2.2 เนื้อหาของการฝึกอบรม/หลักสูตรต้องครอบคลุมประเด็นต่อไปนี้
6.2.2.1 ความรู้พื้นฐาน (ภาคผนวก 2)
6.2.2.2 โรคหรือภาวะต่างๆ ที่ควรรู้อย่างน้อยในระดับ 1 (ภาคผนวก 3)
6.2.2.3 หัตถการต่างๆ ในแบบบันทึกประสพการณ์ (ภาคผนวก 4)
6.2.2.4 การทาวิจัย โดยฝึกอบรมระเบียบวิธีวิจัย (Research methodology) ความเชื่อถือ
ได้และจุดอ่อนของการศึกษาแบบต่างๆ การวิจัยด้านเศรษฐศาสตร์สาธารณสุข การประเมินความคุ้มค่า
6.2.2.5 ความรู้ด้านบูรณาการ (ภาคผนวก 5)
6.2.3 การทางานวิจัย
มีส่วนร่วมในการทางานวิจัยอย่างน้อย 1 เรื่อง ได้แก่ retrospective, prospective, cross sectional, clinical trial, systematic review meta-analysis หรือมีผลงานตีพิมพ์ในรูปแบบอื่นๆ เช่น case report, case series, letter to editor ในระหว่างการปฏิบัติงาน
งานวิจัยดังกล่าวควรจะต้องประกอบด้วยหัวข้อหลักดังนี้
(1) วัตถุประสงค์ของการวิจัย
(2) วิธีการวิจัย
(3) ผลการวิจัย
(4) การวิจารณ์ผลการวิจัย
(5) บทคัดย่อ
หลักสูตรเพื่อประกาศนียบัตรในวิชาชีพเวชกรรม ด้านเลเซอร์และหัตถการทางผิวหนัง