สังหารหมู่/กราดยิง ควรรู้อะไร ?

สังหารหมู่/กราดยิง ควรรู้อะไร ?

  • กรณีไหนบ้าง ถือเป็นการสังหารหมู่ ?

โดยทั่วไปการสังหารที่มีผู้เสียชีวิตหรือผู้บาดเจ็บ 4 คน โดยไม่นับรวมผู้ก่อเหตุ ถือเป็นการสังหารหมู่ แต่บางการศึกษาก็นับที่ 3 คน เพราะใช้นิยามที่แตกต่างกัน

  • มีหลายสาเหตุที่เกี่ยวข้องเชื่อมโยงจนเกิดเหตุการณ์สังหารหมู่ – กราดยิง ใช่หรือไม่ ?

ใช่เลย ... เหตุการณ์แบบนี้มักไม่ได้เกิดจากสาเหตุใดสาเหตุหนึ่งเพียงอย่างเดียว แต่จะเกิดเหตุหลายอย่างผสมผสานกัน

  • สาเหตุทั้งหลายเหล่านี้ มีอะไรบ้าง ?
  • มีเหตุการณ์ / ประสบการณ์ที่ตัวตนถูกทำลาย สูญเสียคุณค่าในตนเองอย่างมาก
  • มีประเด็นเกี่ยวกับความโกรธ (anger issues)
  • มีประเด็นเกี่ยวกับการเลือกปฏิบัติ (discrimination)
  • มีพฤติกรรมที่หุนหัน (impulsive behavior)
  • รู้สึกได้รับความอยุติธรรม
  • ถูกกลั่นแกล้ง (being bullied) หรือ เคยเป็นเหยื่อของความรุนแรง
  • การใช้สารเสพติด
  • อาการป่วยทางจิตเวช เช่น หูแว่ว ภาพหลอน ซึมเศร้า สะเทือนใจหลังเหตุการณ์รุนแรง (PTSD)
  • ความสามารถในการเข้าถึงอาวุธ / สิ่งอันตราย และมีไว้ในครอบครอง
  • การเป็นที่สนใจของสังคม ซึ่งเกิดจากรายงานของสื่อเกี่ยวกับเหตุการณ์แบบเดียวกัน
  • การมีต้นแบบ เพราะพฤติกรรมเหล่านี้มีลักษณะเป็น social contagion
  • ผู้ก่อเหตุบอกใครก่อนลงมือไหม ?

จากการศึกษาของ Peterson และคณะ (ค.ศ. 2021) รวบรวมข้อมูลจากผู้ก่อเหตุกราดยิงทั้งหมด 170 คน ก่อเหตุในช่วงปี ค.ศ 1966 – 2019 โดยการสัมภาษณ์โดยตรง อ่านบทสัมภาษณ์ ดูสมุด diary ดู post ใน social media และ blog ดู VDO หรือฟังเทปบันทึกเสียง รวมถึงจดหมายลาตาย ผลการศึกษาพบว่าผู้ก่อเหตุ 79 คน (46.5 %) มีการสื่อให้บุคคลที่ 3 รู้ก่อนเกิดเหตุ โดยในจำนวนนี้ 35 คน (44.3 %) บอกระบุเจาะจงเกี่ยวกับการกราดยิงเลย และอีก 44 (55.7 %) พูดถึงความรุนแรงทั่วไป แต่ไม่ได้ระบุเจาะจงถึงการกราดยิง นอกจากนี้พบว่าบุคคลที่ผู้ก่อเหตุสื่อสารเกี่ยวกับเรื่องเหล่านี้มากที่สุดคือ 1.) เพื่อนร่วมงานหรือเจ้านาย 19 % 2.) ภรรยาหรือแฟน 17.7 % 3.) เพื่อนหรือเพื่อนบ้าน 10.1 % 4.) เพื่อนร่วมชั้นเรียน 8.9 %

จุดที่สำคัญ คือ ผู้ก่อเหตุประมาณครึ่งหนึ่งสื่อถึงความรุนแรง หรือ สื่อเจาะจงลงไปถึงการกราดยิงเลย ถ้าสังคมของเรามีความเข้าใจ มีระบบเข้าถึงความช่วยเหลือที่จำเป็น เมื่อมีคนหนึ่งทราบถือแนวโน้มในการเกิดความรุนแรง ไม่นิ่งนอนใจ รู้วิธีขอความช่วยเหลือ แล้วแจ้งหรือขอความช่วยเหลือได้ทันท่วงที จะเป็นจุดที่ป้องกันเหตุการณ์ในลักษณะนี้ได้เกือบครึ่งหนึ่ง จุดนี้คือจุดที่ทุกคนในสังคมช่วยกันได้ ...

  • อะไรจะช่วยไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในอนาคตได้บ้าง ?
    • การนำเสนอข่าวที่ถูกต้อง
      • ไม่เน้นให้ตัวตนของผู้เกิดเหตุได้รับความสนใจ
      • ไม่บอกรายละเอียดของเหตุการณ์จนเกินจำเป็น เพื่อไม่ให้สามารถนำไปเลียนแบบได้
      • เน้นประเด็นที่เป็นประโยชน์ต่อสังคม เน้นการป้องกันแก้ไขที่จะทำได้ เน้นการเรียนรู้จากเหตุการณ์
      • เน้นจุดดี ในเหตุการณ์ร้าย แม้เหตุร้ายเกิดขึ้นแล้ว แต่สังคมควรดีขึ้น เก่งขึ้น มีคุณภาพมากขึ้น หลังเหตุการณ์
    • ให้ความรู้กับประชาชนโดยทั่วไปเกี่ยวกับเรื่องนี้ (Educating the public)
    • ถ้ามีสัญญาณของความรุนแรงจากใครก็ตามในสังคม  มีระบบแจ้ง / ขอความช่วยเหลือที่ทันท่วงที มีประสิทธิภาพ
    • ควบคุมการเข้าถึงและครอบครองอาวุธปืนอย่างจริงจัง (Regulating firearms)
    • ลดอุปสรรคในการเข้าถึงบริการด้านสุขภาพจิต (Reducing barriers to seeking mental health services)
    • มีฐานข้อมูล และการวิจัยเกี่ยวกับเรื่องนี้ เพื่อนำข้อมูลมากำหนดนโยบายและการป้องกันที่มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (Researching gun violence to produce effective policies)

บทความโดย

รศ. พญ. นิดา ลิ้มสุวรรณ   ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ รพ. รามาธิบดี ม.มหิดล

เอกสารอ้างอิง

  • Ahmad M, Mekala H, Lone J, Robinson K, Shah K. Addressing Mass Shootings in a New Light. Cureus. 2020 Jul 20;12(7):e9298.
  • Levy M, Safcsak K, Dent DL, Cheatham M. Mass shootings: Are children safer in the streets than in the home? J Pediatr Surg. 2019 Jan;54(1):150-154.
  • Peterson J, Erickson G, Knapp K, Densley J. Communication of Intent to Do Harm Preceding Mass Public Shootings in the United States, 1966 to 2019. JAMA Netw Open. 2021 Nov 1;4(11):e2133073.