วิธีเลี้ยงเด็กๆในสังคมไทย ซึ่งอาจส่งผลให้เกิด ผู้ใหญ่ที่มีลักษณะ "กฎมีไว้แหก แยกมีไว้ฝ่า"

วิธีเลี้ยงเด็กๆในสังคมไทยซึ่งอาจส่งผลให้เกิด 

ผู้ใหญ่ที่มีลักษณะ "กฎมีไว้แหก แยกมีไว้ฝ่า"

บทความนี้ท่านเขียนถึงเกี่ยวกับวิธีเลี้ยงเด็กๆในสังคมไทย
ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดผู้ใหญ่ที่มีลักษณะ "กฎมีไว้แหก แยกมีไว้ฝ่า"
ส่วนหนึ่งเกิดจากการเลี้ยงดูเด็กแบบไหน อย่างไร
บทความดีๆ จาก อ.ณรงค์ สุภัทรพันธุ์

เช้ามืดวันหนึ่ง ผมขับรถออกจากบ้านด้วยความรู้สึกสบายๆ
แต่ก็ต้องเบรครถอย่างกระทันหัน เพราะตกใจที่รถมอเตอร์ไซค์ข้างหน้าหยุดเอาดื้อ ๆ ที่สามแยก
พอหายตกใจผมก็พบเหตุที่มานั่นคือ คนขับมอร์เตอรฺไซค์ต้องหยุดด่วนเพราะมีข้อความเข้ามาในโทรศัพท์
เพราะผมเห็นชัดเจนว่าคนขับควักโทรศัพท์ออกมาแล้วกด ๆ อยู่ซัก 2-3 นาที จึงขับต่อไป
นี่คือเหตุการณ์ธรรมดาๆ ที่เกิดขึ้นในกรุงเทพมหานครที่มีอุบัติเหตุจราจรและทำให้คนตายสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก
รองจากประเทศนามิเบียไปนิดเดียว คือ อันดับ 1 คนตาย 45: 100,000 ประชากร
และของไทย 44: 100,000 ประชากร
จากข้อมูลขององค์การอนามัยโลก ค.ศ. 2013
ผมเชื่อว่าคนไทยที่ใช้รถใช้ถนนทุกคนคงรู้ว่าเรามีความเสี่ยงทางจราจรสูงมาก
เพราะคนขับรถก็ไม่ใส่ใจคนเดินถนน
คนเดินถนนก็ข้ามถนนสะเปะสะปะตามใจ
เหมือนสำนวนไทยที่ว่า “ทำได้ตามใจคือไทยแท้”

ความคิดที่เกิดกับตัวผมเมื่อเห็นจราจรไทย ช่วยทำให้ผมนึกถึงสิ่งที่
จิตแพทย์จากอเมริกาที่มาประชุมวิชาการในไทยและไปกินข้าวที่บ้านคนไทยซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ อุทานว่า
“ผมเข้าใจแล้วว่าทำไมจราจรของไทยถึงวุ่นวายแบบนี้”

เพราะเห็นคนเลี้ยงเด็กอายุ 3-4 ขวบ เดินตามป้อนข้าวเด็กไปรอบๆ บ้าน แทนที่จะฝึกเด็กให้นั่งกินข้าวให้เป็นระเบียบ

ถ้าถามว่า ทำไมเราไม่ฝึกระเบียบวินัยให้เด็กตั้งแต่เล็ก
คำตอบหนึ่งก็คือ เด็กเล็กก็เป็นอย่างนี้ เดี๋ยวโตก็จะดีขึ้นเอง
ถ้าไปขัดใจเด็กจะไม่มีความสุข เด็กจะโกรธ

เด็กที่ไม่มีประสบการณ์ในการควบคุมความต้องการของตนเอง ต่อไปย่อมลำบากเวลาต้องควบคุมตนเอง
เพราะความรู้สึกมั่นคงในตัวจะไม่ชัดเจน ไม่แน่ใจ ลังเลสงสัยความสามารถของตนเอง

ต้องหาตัวช่วยเสริมความมั่นใจจากคนอื่น จากคนเลี้ยง และพ่อแม่
มีผลทำให้การรู้จักตนเอง การเกิดอัตลักษณ์สับสน
นำไปสู่พัฒนาการที่ขาดวุฒิภาวะ เป็นคนไม่มั่นคง หวั่นไหวง่าย

การสร้างวินัยในตนเองเป็นรากฐานของการพัฒนาบุคคลให้มีความเชื่อมั่นในตนเอง
เห็นถึงคุณค่าของตนเอง
มั่นใจว่าตนสามารถอดทนรอคอยเพื่อสิ่งที่ดีกว่า
รู้จักการอดเปรี้ยวไว้กินหวาน
และสามารถชื่นชมตนเองได้เมื่อทำอะไรสำเร็จ

ความต้องการในคนเราลึกๆ มาจากตัวตนที่ดีงาม
ที่เป็นพลังชีวิตของมนุษย์ และผลักดันให้เกิดความปรารถนา
ความต้องการภายในที่จะนำไปสู่การกระทำเพื่อเติมเต็มความปรารถนา และแน่นอนว่าความต้องการของเราจะต้องประสบอุปสรรค ไม่ได้ทุกอย่างที่ต้องการ
หรือไม่ได้ทุกอย่างทันทีที่ต้องการ
และความผิดหวังที่เกิดขึ้นนี้จะนำไปสู่การเรียนรู้ที่พัฒนาตัวเราให้เกิดความคิดที่เหมาะสมกับบริบทสิ่งแวดล้อม
และทำให้เกิดการกระทำที่สังคมยอมรับ
การกระทำที่บุคคลจะเรียนรู้และชื่นชมตนเองที่สามารถมีวินัยในตัวได้

ในสังคมที่ยึดถือภาพลักษณ์ภายนอก ยึดถือท่าทาง รสนิยมการแต่งตัว ความรู้จากใบปริญญาย่อมส่งผลให้ยึดติดกับภาพเปลือกของมนุษย์
โดยไม่สนใจที่จะทำความเข้าใจถึงความเป็นตัวตน
เป็นคนดี มีระเบียบวินัย เอาใจเขามาใส่ใจเรา

มีผู้กล่าวว่า ประเทศที่เจริญ เป็นประชาธิปไตย
เพราะสังคมเคารพกฎหมาย นับถือกระดาษที่ระบุถึงเนื้อหาของกฎหมาย กระบวนการยุติธรรมทุกระดับก็จะให้ความสำคัญ และบังคับใช้กฎหมายโดยเสมอหน้ากัน
แต่ในประเทศไทยเรามีกฎหมายที่มีเนื้อหาทันสมัยเป็นจำนวนมาก
แต่ขาดคนนับถือ คนไม่เคารพกฎหมายพยายามหาช่องเลี่ยงกฎหมาย
เราไม่เชื่อว่ากฎหมายมีความศักดิ์สิทธิ์หรือเสมอภาค สำหรับคนไทยทุกคน ผลที่ออกมาจึงเห็นความเสื่อมถอยของจริยธรรม
และมารยาทในสังคมทุกระดับตั้งแต่ระดับการจราจร การทำมาหาเงิน โดยวิธีมือใครยาวสาวได้สาวเอา

ถ้าสาวไม่ได้ก็หาตัวช่วย หาวิธีเลี่ยงกฎหมายและนำสู่การคอร์รับชั่นในระดับประเทศ
และยิ่งมีการใช้งบประมาณพัฒนาประเทศมากเท่าใด
การโกงกินย่อมมากขึ้นเท่านั้น จนทำให้ข้อมูลในทางลบของประเทศไทยเป็นที่รับรู้ทั่วโลก
เป็นการประจานประเทศเราโดยตรง ไม่ว่าจะเป็นประเทศที่ใช้งบการศึกษาสูงมาก
แต่ผลที่ได้เกือบต่ำสุดในประเทศอาเซียน
ประเทศไร้ระเบียบ มีการโกง ปลอมปนสินค้า ธรรมชาติถูกทำลาย มีการบุกรุกป่า
กลไกการบังคับใช้กฎหมายเป็นง่อยไร้ประสิทธิภาพ ผู้บริหารมีการโกงกินอย่างเห็นได้ชัด
ดังนั้น ถ้าเราไม่เริ่มพัฒนาสังคมด้วยการพัฒนาวินัยให้เด็กไทยจากการพัฒนาครอบครัว การเลี้ยงดูแล้ว ปัญหาของการไร้ระเบียบและคอร์รับชั่นจะเกิดเป็นวงจรอุบาทว์ไม่รู้จบ

บทความโดย รศ.นพ.ณรงค์ สุภัทรพันธุ์
อดีตประธานวิชาการราชวิทยาลัยจิตแพทย์แห่งประเทศไทย
อดีตหัวหน้าภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ 
โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

เครดิตภาพ : http://www.theepochtimes.com/…/527574-married-chinese-woma…/