ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่า การหลอกตัวเอง เป็นคำที่ใช้เรียกชื่อกลุ่มอาการไม่ได้บ่งบอกถึงว่าเป็นโรคอะไร
อาการที่เข้าข่ายว่าเป็นกลุ่มอาการหลอกตัวเองที่เราสังเกตได้คือ
พูดไม่ตรงตามความเป็นจริง เรื่องราวที่พูดมีสีสันเกินจริงเพื่อเรียกร้องความสนใจ จะพูดเกี่ยวกับชีวิตความเป็นอยู่ หน้าที่การงาน ความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ หรือสร้างตัวตนขึ้นมาพรีเซนต์ตัวเองในสื่อโซเชียลมีเดียก็มีให้เห็นได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องมาประเมินแยกกันอีกที เพราะโดยทั่วไปเราก็จะโพสต์เรื่องจริงบ้าง ไม่จริงบ้าง สลับกันไปอยู่แล้ว ส่วนคนที่พูดหรือโพสต์เรื่องราวที่ไม่จริงเยอะๆ บ่อยๆ ก็อาจจะต้องมาประเมินด้วยเช่นกันว่าเข้าข่ายเสี่ยงมีอาการทางจิตเวชร่วมด้วยหรือแค่โพสต์เพราะความสนุกเท่านั้น
พฤติกรรมการโกหกหลอกตัวเองเหล่านี้
ปัจจุบันยังมีการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ค่อนข้างน้อย แต่พอจะสรุปได้ว่า น่าจะเกิดจากการที่ตัวเองมีชีวิตที่ไม่น่าสนใจ ไม่มีสีสัน อยากเป็นส่วนหนึ่งของสังคม ก็เลยใช้การโกหกขึ้นมาเพื่อให้ชดเชยความรู้สึกเหล่านั้น
การวินิจฉัยในทางการแพทย์
จิตแพทย์จะทำการประเมินว่าการพูดโกหกเหล่านี้เกิดมาจากอะไร เป็นมานานแค่ไหน และมีสิ่งที่เขาได้ประโยชน์จากการพูดโกหกไหม รวมถึงต้องประเมินโรคทางจิตเวชอย่างอื่นที่เป็นไปได้ด้วย เช่น อาการของโรคหลงผิด ไม่อยู่กับความเป็นจริง เชื่อในสิ่งที่ตัวเองพูดโกหกแบบไม่ติดใจสงสัยอะไร หรือโรคบุคลิกภาพผิดปกติบางอย่างที่อาจจะมีการพูดเกินจริงจนเหมือนโกหก ก็ต้องมีการวินิจฉัยแยกโรคอีกทีนึงด้วย
ในระยะยาวคนเหล่านี้หลายๆ คน เมื่อโกหกมากๆ จะเกิดความรู้สึกผิด
รู้สึกไม่ดีกับสิ่งที่ตัวเองทำลงไปเช่นกัน อาจทำให้เกิดภาวะทางจิตเวชได้ โดยจะรักษาได้ด้วยการประเมินสอบถามอย่างที่กล่าวไปข้างต้น และการรักษาด้วยการทำจิตบำบัดต่างๆ เพื่อให้คนไข้มีจิตใจที่ดีขึ้นเป็นปกติ
ข้อมูลจาก
ผศ. พญ.ธนิดา ตันตระรุ่งโรจน์
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล