“กระดูก” อวัยวะสำคัญที่เป็นโครงสร้างยึดเกาะกล้ามเนื้อให้เรามีรูปร่างร่างกายที่เป็นปกติ จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อกระดูกของเรามีภาวะบางลงจากการสูญเสียมวลกระดูก จนทำให้เกิดโรคกระดูกพรุนหรือภาวะกระดูกพรุน ส่งผลให้เราต้องระมัดระวังในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ให้เกิดการกระทบกระเทือนรุนแรงจนเกิดการแตกหัก หรือในผู้ป่วยบางคนอาจจะทำให้เกิดการเจ็บป่วยเรื้อรังและรุนแรงจนถึงขั้นพิการได้
ภาวะกระดูกพรุน
มักเกิดขึ้นในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยเฉพาะสตรีที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป ในช่วงวัยหมดประจำเดือน ผู้หญิงจะสูญเสียมวลกระดูกอย่างรวดเร็วใน 5 ปีแรก ทำให้กระดูกหักได้ง่าย โดยเฉพาะกระดูกสันหลัง กระดูกข้อสะโพกและข้อมือ ทำให้เกิดปัญหาการเดินและการเคลื่อนไหวร่างกายตามมา
อาการของภาวะกระดูกพรุนจะไม่แสดงอย่างชัดเจนจนกว่าจะมีเหตุการณ์ที่ทำให้กระดูกหักเกิดขึ้น
อาการที่พอจะสังเกตได้คือ
ปวดหลังแต่ตำแหน่งไม่ชัดเจน อาจปวดร้าวไปข้างใดข้างหนึ่ง กระดูกหลังยุบตัว อาการหลังค่อม ความสูงลดลง เป็นต้น
อีกกลุ่มหนึ่งคือ คนที่มีประวัติครอบครัวคุณพ่อคุณแม่เป็นโรคกระดูกพรุน ประวัติกระดูกหักโดยเฉพาะข้อสะโพกหรือกระดูกสันหลัง คนที่ไม่ออกกำลังกาย คนที่ลดน้ำหนักจนร่างกายซูบผอมทำให้เกลือแร่ในร่างกายลดลง การดื่มเหล้า สูบบุหรี่ ก็มีส่วนเช่นกันที่จะทำให้เกิดโรคภาวะกระดูกพรุนได้ง่าย
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัยช่วยตรวจหามวลกระดูกในร่างกายได้เป็นอย่างดี
ด้วยเครื่อง Dexa Scan แพทย์จะตรวจส่วนของกระดูกสันหลังและกระดูกข้อสะโพกดูปริมาณมวลกระดูก ผลที่จะได้จะถูกนำมาเปรียบเทียบกับค่าเฉลี่ยมวลกระดูกของคนทั่วๆ ไป ถ้าเรามีภาวะมวลกระดูกที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของคนทั่วๆ ไปที่น้อยกว่า -2.5 ก็จะถูกวินิจฉัยว่าเป็นโรคภาวะกระดูกพรุน
การรักษาโรคภาวะกระดูกพรุนมี 2 แบบ คือ
- ผู้ป่วยที่ยังไม่มีการหักของข้อกระดูกสะโพก แพทย์จะให้รับประทานแคลเซียมอย่างสม่ำเสมอ มีกิจกรรมออกกำลังกายที่เจอแสงแดดในตอนเช้าๆ สัปดาห์ละ 2-3 วัน ครั้งละ 10-15 นาที เพื่อสร้างวิตามินดี แต่หากผู้สูงอายุที่ออกไปเจอแสงแดดไม่ได้ แพทย์ก็จะให้ทานวิตามินดี เพิ่ม
- ผู้ป่วยที่มีการหักของข้อกระดูกสะโพกแล้ว ผู้ป่วยกลุ่มนี้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดเปลี่ยนข้อสะโพก เพื่อกระตุ้นให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ แต่อย่างไรก็ดีก็ยังต้องรักษาโรคภาวะกระดูกพรุน รวมถึงป้องกันภาวะข้อสะโพกอีกข้างหนึ่งไม่ให้หัก ก็จะช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ตามปกติ
การป้องกันคือ
ให้ทานอาหารที่มีประโยชน์ให้ครบ 5 หมู่ ดื่มนมตั้งแต่อายุน้อยๆ ออกกำลังกายเป็นประจำ หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องมีการกระทบกระทั่ง การยกของหนัก การหกล้ม ตรวจมวลกระดูกประจำปี ก็จะสามารถป้องกันภาวะกระดูกพรุนนี้ได้
ข้อมูลจาก
อ. นพ.ศิวดล วงค์ศักดิ์
ภาควิชาออโธปิดิกส์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล