ผศ.ดร.วันทนีย์ เกียรงสินยศ อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ มหาวิทยาลัยมหิดล กล่าวถึงการใช้น้ำเพื่อบริโภคกับสุขภาพว่า น้ำมัน หรือไขมัน เป็นหนึ่งในสารอาหารที่ร่างกายต้องการ เป็นแหล่งพลังงานที่ร่างกายใช้ในการสร้างฮอร์โมนและละลายวิตามิน ดูดซึมวิตามินที่จำเป็นเข้าสู่ร่างกาย แต่ร่างกายต้องการปริมาณน้ำมันที่เหมาะสม โดยตามหลักโภชนาการ ผู้หญิงไม่ควรได้รับเกิน 5 ช้อนชาต่อวัน ผู้ชายไม่ควรเกิน 7 ช้อนชาต่อวัน

แหล่งที่มาของน้ำมัน ยังมาจากหลายแหล่งคือ ไขมันสัตว์ ไขมันพืช และไขมันที่อยู่ในเนื้อสัตว์ หนังสัตว์ หากร่างกายได้รับน้ำมันในปริมาณมากเกินไปก็จะเปลี่ยนเป็นไขมันในร่างกาย เกาะที่เส้นเลือด โดยเฉพาะไขมันจากสัตว์หากบริโภคเกินกว่าที่ร่างกายต้องการและสะสมมากๆ จะทำให้คอเลสเตอรอล ซึ่งเป็นต้นเหตุของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง หากมีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง จะมีความเกี่ยวข้องกับภาวะโรคหลอดเลือด โรคหัวใจ และสามารถเพิ่มความเสี่ยงการเกิดภาวะหัวใจวายเฉียบพลันที่นำไปสู่การเสียชีวิตได้

ผศ.ดร.วันทนีย์ กล่าวอีกว่า ปัญหามักเกิดจากการบริโภคในปริมาณที่มากเกินไป และการเลือกชนิดของน้ำมันที่ไม่เหมาะสมกับการประกอบอาหาร ควรใช้น้ำมันจากพืชในการประกอบอาหารเพราะไม่มีส่วนประกอบที่จะทำให้เกิดคอเลสเตอรอล ในการทำอาหารก็ควรเลือกให้ถูก เช่น อาหารประเภทผัด เหมาะกับการใช้น้ำมันถั่วเหลือง คำฝอย รำข้าว เป็นต้น อาหารประเภททอด จะใช้อุณหภูมิสูงกว่า ควรใช้น้ำมันปาล์ม หรือน้ำมันจากสัตว์ แต่การใช้น้ำมันจากสัตว์ ควรระวังเรื่องของปริมาณน้ำมันและคอเลสเตอรอลที่จะได้รับจากไขมันสัตว์ ซึ่งหากกินเนื้อสัตว์ ก็จะได้รับไขมันจากสัตว์อยู่แล้ว โดยการใช้น้ำมันหมู 1 ช้อน จะได้รับคอเลสเตอรอล 9-10 มิลลิลิตร แต่น้ำมันพืชจะไม่มีในส่วนนี้ อาหารประเภทน้ำมันสลัด ไม่ควรใช้น้ำมันที่ผ่านความร้อน ใช้น้ำมันที่มีคุณภาพสูง เช่น น้ำมันมะกอก เป็นต้น

“นอกจากรับประทานน้ำมันในสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว ควรหลีกเลี่ยงไม่ซื้ออาหารทอดจากร้านค้าที่ใช้น้ำมันมีกลิ่นเหม็นหืน เหนียว มีสีดำคล้ำ มีฟองมาก เหม็นไหม้ เวลาทอดมีควันขึ้นมาก แสดงให้เห็นว่าน้ำมันใช้มานานทำให้น้ำมันเกิดควันที่อุณหภูมิต่ำลง อาหารรอมน้ำมัน เพราะน้ำมันทอดซ้ำนั้น เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้อีกด้วย” ผศ.ดร.วันทนีย์ กล่าว

ข้อมูลจาก
ผศ. ดร.วันทนีย์ เกียรงสินยศ
อาจารย์ประจำสถาบันโภชนาการ
มหาวิทยาลัยมหิดล