4 เคล็ดลับ ปรับพฤติกรรม แก้อาการนอนไม่หลับ
หน้าแรก
4 เคล็ดลับ ปรับพฤติกรรม แก้อาการนอนไม่หลับ

4 เคล็ดลับ ปรับพฤติกรรม แก้อาการนอนไม่หลับ

อาการนอนไม่หลับ เป็นปัญหาที่ส่งผลต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก เพราะการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอเป็นปัจจัยสำคัญที่ร่างกายต้องการในทุกช่วงวัย หากนอนไม่เพียงพอก็มีผลกระทบต่อร่างกายและจิตใจ ได้แก่ ร่างกายจะมีความอ่อนเพลีย สมาธิสั้นลง ความจำแย่ลง และส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพในการทำงาน การเรียน และชีวิตประจำวันของเรา ไม่ว่าวัยไหนก็สามารถประสบปัญหานี้ได้ หากคุณกำลังเผชิญกับอาการนอนไม่หลับ รามาแชนแนลมีวิธีแก้นอนไม่หลับง่าย ๆ ที่คุณสามารถนำไปปรับใช้เพื่อช่วยให้หลับสบายมากขึ้น

อาการนอนไม่หลับ เกิดจาก

อาการนอนไม่หลับ เกิดจาก

อาการนอนไม่หลับเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ความเครียดหรือความกังวลที่ทำให้สมองไม่ผ่อนคลาย การใช้สมาร์ตโฟนหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน การดื่มเครื่องดื่มที่มีสารกระตุ้นกาเฟอีนใกล้เวลานอน มีโรคบางอย่างที่ส่งผลต่อการนอนหลับ เช่น โรคระบบทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินหายใจ และโรคหัวใจ และโรคทางด้านจิตใจ เช่น โรคซึมเศร้า อารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล โรคการปรับตัวผิดปกติ

วิธีแก้อาการนอนไม่หลับด้วยการปรับพฤติกรรม

4 เคล็ดลับ ปรับพฤติกรรม แก้อาการนอนไม่หลับ

การรักษาอาการนอนไม่หลับด้วยการปรับพฤติกรรมเป็นวิธีที่ช่วยฟื้นฟูการนอนหลับได้ดีและทำได้ง่าย โดยเริ่มจากการปรับพฤติกรรม 4 อย่าง ดังนี้

ปรับสุขอนามัยของการนอนหลับ (sleep hygiene)

รูปแบบการใช้ชีวิตและพฤติกรรมในแต่ละวัน มีสิ่งที่ควรทำที่จะช่วยส่งเสริมให้การนอนหลับดีขึ้น และสิ่งที่ไม่ควรทำ ซึ่งจะส่งผลให้การนอนหลับแย่ลง

สิ่งที่ควรทำ

  1. รักษาเวลาการเข้านอน และการตื่นให้คงที่สม่ำเสมอมากที่สุด
  2. งดรับประทานอาหารหนัก ๆ ก่อนเข้านอน
  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ควรออกกำลังกายในช่วงเช้าหรือช่วงกลางวัน และไม่ควรใกล้เวลานอนมาก (การออกกำลังกายควรห่างจากเวลาเข้านอนอย่างน้อย 2 ชั่วโมง)
  4. จัดเวลาสำหรับการผ่อนคลาย ร่างกายและจิตใจ ช่วงเวลาประมาณ 30 นาที ก่อนเข้านอน
  5. หลีกเลี่ยงการขบคิดปัญหาต่าง ๆ ช่วงก่อนเข้านอน
  6. จัดห้องนอนให้บรรยากาศเหมาะสมแก่การนอนหลับ ได้แก่ เงียบ สบาย ปลอดภัย ไม่มีแสงรบกวน มีอากาศถ่ายเทสะดวก และอุณหภูมิเหมาะสม คือไม่ร้อนหรือไม่เย็นเกินไป

สิ่งที่ไม่ควรทำ

  1. การงีบหลับในช่วงกลางวันนานเกิน 30 นาที
  2. การดูนาฬิกาบ่อย ๆ หรือมีนาฬิกาไว้ใกล้สายตา
  3. การทำกิจกรรมที่กระตุ้นให้เคร่งเครียดก่อนนอน เช่น การดูรายการโทรทัศน์ ภาพยนตร์ อ่านหนังสือที่ตื่นเต้น ตึงเครียดก่อนนอน การเล่นคอมพิวเตอร์ มือถือ โซเชียลเน็ตเวิร์ก ก่อนเข้านอน
  4. การรับประทานอาหารหนัก ๆ ก่อนเข้านอน
  5. การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนหลังเที่ยงวันไปแล้ว เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม ช็อกโกแลต 
  6. การสูบบุหรี่ก่อนเข้านอน หรือเมื่อนอนไม่หลับ เพราะ สารนิโคตินในบุหรี่มีฤทธิ์กระตุ้นทำให้หลับได้ยาก
  7. การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน จะทำให้การนอนหลับไม่มีคุณภาพ
  8. การใช้เตียงนอนสำหรับกิจกรรมอื่น ๆ นอกเหนือจากการนอนและเพศสัมพันธ์ เช่น การรับประทานอาหาร การอ่านหนังสือ การออกกำลังกายบนเตียง การทำงาน หรือการพูดคุยโทรศัพท์ 

การรักษาโดยการควบคุมปัจจัยกระตุ้น (stimulus control therapy)

เป็นแนวทางการรักษาที่มาจากทฤษฎีการเรียนรู้ โดยเชื่อว่าอารมณ์ ความรู้สึก ความคิด การทำงานของร่างกายและสมองเชื่อมโยงกับสถานการณ์ที่เคยเกิดขึ้น

  1. ขึ้นไปอยู่บนเตียงต่อเมื่อง่วงเท่านั้น
  2. ใช้เตียงนอนหรือห้องนอนสำหรับการนอนหลับ และกิจกรรมทางเพศเท่านั้น
  3. ลุกออกจากเตียงเมื่อไม่สามารถนอนหลับได้
  4. ตื่นนอนในเวลาเดียวกันทุกเช้า
  5. ไม่งีบหลับระหว่างวัน

การศึกษาพบว่าการรักษาโดยการควบคุมปัจจัยกระตุ้น (stimulus control therapy) มีประสิทธิภาพต่อการนอนหลับที่เร็วขึ้นและการตื่นกลางดึก ประสิทธิภาพในการนอนหลับดีขึ้น และการหลับลึกมากขึ้น

การรักษาด้วยการผ่อนคลาย (relaxation therapy)

การรักษาด้วยการผ่อนคลาย เป็นการช่วยลดระดับความตื่นตัวทางสรีรวิทยาของร่างกายและจิตใจ จะมีผลทำให้ระบบประสาทซิมพาเทติก (sympathetic nervous system) ทำงานลดลง และระบบประสาทพาราซิมพาเทติก (parasympathetic nervous system) ทำงานมากขึ้น ทำให้ร่างกายและความรู้สึกทางจิตใจผ่อนคลายมากขึ้น ซึ่งทำให้การนอนหลับเกิดง่ายขึ้นมีหลายวิธี ดังนี้

  1. การหายใจเข้า-ออก ช้า ๆ ลึก ๆ (diaphragmatic breathing) คือ การหายใจเข้า-ออก ช้า ๆ สบาย ๆ
  2. จินตนาการ (imagery) โดยการนึกถึงภาพที่ทำให้รู้สึกสบายผ่อนคลาย
  3. การฟังเพลงบรรเลงที่ทำให้ผ่อนคลาย (relaxing music) เพลงบรรเลงที่ผ่อนคลาย จะทำให้คลื่นสมองเปลี่ยนจาก คลื่นเบตา ซึ่งเป็นคลื่นสมองในช่วงตึงเครียด เป็นคลื่นสมองในช่วงที่ผ่อนคลายมากขึ้น คือ คลื่นแอลฟา ทำให้เกิดความรู้สึกผ่อนคลายจนเข้าสู่การหลับได้ง่ายขึ้นจนเข้าสู่คลื่นเธตาและคลื่นเดลตา ซึ่งเป็นคลื่นหลับ
  4. การทำสมาธิ (meditation) ช่วยให้จิตใจและร่างกายเกิดความรู้สึกสงบผ่อนคลาย จนความฟุ้งซ่านทางความคิด และอารมณ์ลดลง
  5. การตระหนักรู้สภาพร่างกายจากความเครียด (biofeedback) โดยใช้เครื่องตรวจวัด วิธีการใช้เครื่องมือที่ช่วยให้เกิดการตระหนักรู้เกี่ยวกับสรีรวิทยาในร่างกายเกี่ยวกับความเครียดและการผ่อนคลาย จากนั้น ผู้ป่วยเข้าใจสภาพร่างกายที่ผ่อนคลายเป็นอย่างไร และสามารถนำไปดูแลตัวเองต่อได้ เพื่อให้ร่างกายเกิดการผ่อนคลายจนเข้าสู่การนอนหลับได้ดีขึ้นในตอนกลางคืน
  6. การตระหนักรู้ความคิด และอารมณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น (mindfulness) เรียนรู้ยอมรับธรรมชาติของมันด้วยใจที่ปล่อยวาง เป็นกลาง และผ่อนคลาย โดยไม่เข้าไปแทรกแซงความคิดหรืออารมณ์นั้น

การรักษาโดยการปรับเปลี่ยนความคิด

การใช้ cognitive technique ในการปรับเปลี่ยนวิธีคิดที่ไม่เหมาะสม ความเชื่อในแง่ลบ การคาดหวังที่ไม่สมเหตุสมผล การรับรู้เกี่ยวกับการนอนที่ผิดไป ทำให้เกิดความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการนอนและสถานการณ์การนอนหลับ จนส่งผลให้เกิดความวิตกกังวล และกลัวการนอนไม่หลับอย่างมาก การปรับเปลี่ยนความคิดจะมุ่งเน้นที่การหาความเชื่อ ความคาดหวัง และการรับรู้ที่ผิด เพื่อวิเคราะห์ความเชื่อ ความคาดหวัง และการรับรู้เกี่ยวกับการนอนใหม่อีกครั้งและแทนที่ด้วยความคิดใหม่ที่ถูกต้องตามความเป็นจริง

การนอนหลับที่ดีเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้เรามีพลังพร้อมรับวันใหม่ ลองปรับพฤติกรรมด้วย 4 เคล็ดลับง่าย ๆ เหล่านี้ ตั้งแต่ปรับสุขอนามัยของการนอนหลับ หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการนอน ผ่อนคลาย ปรับความคิด ลองทำดูแล้วจะรู้ว่าการหลับสบายและตื่นมาแบบสดชื่นไม่ใช่เรื่องยาก ใส่ใจการนอนให้มากขึ้น แล้วคุณจะรู้สึกดีทั้งร่างกายและจิตใจในทุก ๆ วัน

ข้อมูลโดย

ผศ. พญ.ทานตะวัน อวิรุทธ์วรกุล

ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์ 

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/

Youtube: RAMA Channel

Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel 

LINE: Ramathibodi

Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้ทัน ถุงน้ำในตับอ่อน เสี่ยงทุกวัย ไม่เลือกเพศ
ถุงน้ำในตับอ่อนเป็นโรคเงียบที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย อาจไม่มีอาการแต่เสี่ยงกลายเป็นมะเร็ง รู้ทันเพื่อวางแผนตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที
บทความสุขภาพ
29-05-2025

7

แพทย์เตือน ! ห้าม ล้างไก่สด ก่อนปรุง
การล้างไก่สดก่อนปรุงอาจกระจายเชื้อแบคทีเรียอย่างแคมไพโลแบคเตอร์ไปยังอ่างล้างจานและเครื่องครัว เสี่ยงปนเปื้อนอาหารและทำให้เกิดโรคท้องร่วง
บทความสุขภาพ
28-05-2025

10

โรคพยาธิในช่องคลอด-ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายผู้หญิง
โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มักมีอาการตกขาวมีกลิ่น คัน แสบ หากไม่รักษาอาจลุกลามและส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
บทความสุขภาพ
25-05-2025

7

ปานสีน้ำตาล-ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด
ปานสีน้ำตาลเกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ อาจเป็นเพียงความสวยงามตามธรรมชาติหรือสัญญาณโรคร้าย ควรหมั่นสังเกตขนาด สี และรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง
บทความสุขภาพ
22-05-2025

5

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL