โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โอกาสเป็นสูงแค่ไหนกัน
หน้าแรก
โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โอกาสเป็นสูงแค่ไหนกัน

โรคติดเชื้อในกระแสเลือด โอกาสเป็นสูงแค่ไหนกัน

จากข่าวดาราสาวที่เคยโด่งดังในอดีต “แอน อังคณา ทิมดี” ที่ตอนนี้ป่วยเป็น โรคติดเชื้อในกระแสเลือด และทำให้ใครหลายๆ คนหดหู่ใจไม่น้อยกับข่าวนี้ เราก็ขอส่งกำลังใจไปให้คุณแอนหายไวๆ ด้วยความเป็นห่วง ส่วนใครที่ได้ยินข่าวแล้วอาจจะอยากรู้รายละเอียดเกี่ยวกับโรคนี้ว่าเกิดขึ้นจากอะไร แล้วโอกาสเป็นสูงแค่ไหนวันนี้เราก็นำข้อมูลรายละเอียดมาฝากกัน

โรคติดเชื้อในกระแสเลือด เริ่มต้นจาก

การที่เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายทางใดทางหนึ่งก่อน จากนั้นก็จะวิ่งเข้ามาตามกระแสเลือดก่อให้เกิดการอักเสบและทำให้เสียชีวิตได้ ซึ่งถือเป็นโรคที่มีความรุนแรงแต่ก็สามารถรักษาให้หายได้เช่นกัน

อาการ

เริ่มต้นอาจจะมีไข้ ไอ หอบ จนกระทั่งเชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดและเกิดการอักเสบที่อวัยวะต่างๆ นำไปสู่การเสียชีวิต

สาเหตุหลักเกิดจาก

การทำงานของเม็ดเลือดขาวผิดปกติเพราะโดยปกติแล้วเม็ดเลือดขาวจะทำหน้าที่ดักจับเชื้อโรคและทำลาย แต่เมื่อเม็ดเลือดขาวทำงานได้ไม่ดีก็จะทำให้เชื้อโรคเข้าสู่กระแสเลือดได้  ส่งผลให้เกิดอาการตับวายหรือไตวาย

ส่วนปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เกิดปัญหานี้ ได้แก่

ผู้ที่มีโรคประจำตัวอย่างเบาหวาน หรือมะเร็งเม็ดเลือดขาว มีปัญหาเกี่ยวกับเม็ดเลือดขาว ภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่ได้รับยากดภูมิคุ้มกันอย่างผู้ป่วยมะเร็ง รวมไปถึงผู้ที่มีการรักษาโดยใส่เครื่องมือเข้าสู่ร่างกาย เช่น ท่อช่วยหายใจ สายสวนปัสสาวะ หรือการใส่ท่อเข้าหลอดเลือดเพื่อให้น้ำและอาหาร เชื้อโรคก็อาจเข้าทางนี้ได้ และแม้แต่ในผู้ป่วยที่ได้รับยาปฏิชีวนะมากเกินไป ก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคนี้ได้เช่นกัน รวมไปถึงผู้ที่เป็นแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก โดยเชื้อโรคจะเข้าสู่แผล นำไปสู่การติดเชื้อในกระแสเลือดได้

การรักษาแบ่งออกเป็น 3 ข้อหลักๆ ได้แก่

  • การรักษาโดยการให้ยา จะเป็นการให้ยาฆ่าเชื้อ ส่วนใหญ่เชื้อโรคเป็นแบคทีเรียกก็จะให้ยาฆ่าเชื้อแบคทีเรีย
  • การรักษาโดยการจัดการที่ต้นเหตุ ต้องรู้ก่อนว่าสาเหตุคืออะไร อย่างคนที่เป็นฝี อาจต้องทำการผ่าหนอง หรือบางคนมีอาการที่ปอดก็ต้องรักษาที่ปอด เป็นต้น
  • การรักษาแบบประคับประคอง เช่น หากไตวายก็จะต้องฟอกไต หรือถ้าหากหายใจไม่ออกก็รักษาโดยการใส่ท่อช่วยหายใจ

แต่กรณีที่ไม่รู้สาเหตุว่าเกิดจากอะไรก็มีเช่นกัน

อาการนี้อาจรักษาให้หายได้ แต่ก็มีโอกาสกลับไปเป็นอีกค่อนข้างสูง เพราะสาเหตุของการเกิดโรคยังไม่ได้ทำการรักษาไปในตอนต้น แต่สามารถเจาะเลือดไปเพาะเพื่อหาสาเหตุได้ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าจะเพาะขึ้นหรือไม่ หากขึ้นก็ให้ยาตรงกับโรคกลับไป ก็จะสามารถรักษาให้หายได้ในที่สุด

วิธีป้องกันคือ

พยายามดูแลร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอ หมั่นออกกำลังกายและทานอาหารที่มีประโยชน์ เพื่อเสริมสร้างภูมิต้านทาน เพราะสาเหตุของโรคเกี่ยวกับภูมิต้านทานโดยตรง ดังนั้นหากร่างกายมีสุขภาพแข็งแรง ภูมิต้านทานก็จะดีและช่วยลดโอกาสการเกิดโรคดังกล่าวได้

 

ข้อมูลจาก
รศ. พญ.ศศิโสภิณ เกียรติบูรณกุล
ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “แอน อังคนา ติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรงไม่มีเงินรักษา : พบหมอรามา ช่วง Rama Update” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับคั่งไขมัน รู้ให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้ไว
โรคตับคั่งไขมันเป็นภาวะที่ไขมันสะสมในตับมากเกินไป เสี่ยงตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ หากรู้ทันและรีบปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย
บทความสุขภาพ
09-09-2025

0

OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร ?
OPD และ IPD คือการใช้บริการในโรงพยาบาลที่ต่างกัน OPD คือผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษา ส่วน IPD คือผู้ป่วยในที่ต้องนอนพักรักษาตัวภายใต้การดูแล
บทความสุขภาพ
08-09-2025

0

ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone
ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone การใช้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ความดันต่ำ หรือดื้อยาได้ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ
บทความสุขภาพ
08-09-2025

1

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบทำให้ปัสสาวะแสบ ขัด และปวดบ่อย หากละเลยอาจลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-09-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL