คนที่กำลังวางแผนครอบครัวจำเป็นต้องศึกษาเรื่องการมีลูกอย่างละเอียดและชัดเจน เพราะการตั้งครรภ์นั้นอาจมีปัญหาหลายอย่างที่มาคุกคามได้โดยเฉพาะ ท้องลม ที่ไม่ได้เป็นอันตรายอะไรแต่อาจจะทำให้การตั้งครรภ์ไม่ราบรื่นได้
ท้องลมคืออะไร ?
คือ การตั้งครรภ์ที่มีอาการคล้ายกับการ ตั้งครรภ์ ปกติ โดยจะมีอาการ คลื่นไส้ เวียนศีรษะ อาเจียน ต่างกันตรงที่จะไม่มีตัวอ่อนในมดลูกหรือตัวอ่อนสลายไปตั้งแต่ระยะแรกของการตั้งครรภ์ เมื่อตรวจอัลตราซาวนด์มีเพียงถุงการตั้งครรภ์แต่ไม่พบตัวอ่อน สามารถเกิดได้กับผู้หญิงทุกช่วงอายุและไม่สามารถป้องกันได้ เพราะเกิดจากความผิดปกติทางธรรมชาติและยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งมีโอกาสเสี่ยงมากขึ้น
ดังนั้นผู้หญิงที่กำลังวางแผนตั้งครรภ์ควรศึกษาอาการและปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ ก่อน เพื่อให้สามารถวางแผนตั้งครรภ์และติดตามสุขภาพครรภ์ได้อย่างสม่ำเสมอ
ท้องลมเกิดจากอะไร ?
อาการนี้ยังไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด ส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ 45 – 50 เกิดจากตัวอ่อนในครรภ์มีความผิดปกติของโครโมโซม ทำให้ไม่แข็งแรง ไม่สามารถเจริญเติบโตเป็นทารกได้ตามปกติ และสลายตัวไปเหลือแต่ถุงการตั้งครรภ์ โดยเมื่อร่างกายรับรู้ถึงอาการผิดปกติของการตั้งครรภ์และตัวอ่อนไม่มีการพัฒนา ก็จะเริ่มขับเลือดและเนื้อเยื่อออกจากมดลูกทำให้มีเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด ซึ่งผู้ตั้งครรภ์ต้องพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยสาเหตุของเลือดออกผิดปกติจากช่องคลอด
ทำไม ท้องลม มีผลตรวจการตั้งครรภ์เป็นบวก ?
การตรวจการตั้งครรภ์ สามารถทำได้ 3 วิธี คือ การตรวจโดยใช้ปัสสาวะ การตรวจโดยใช้เลือด และการตรวจด้วยวิธีอัลตราซาวนด์ สำหรับ 2 วิธีแรก จะใช้ในการตรวจหาฮอร์โมนที่ชื่อว่า HCG (human chorionic gonadotropin) เนื่องจากเป็นฮอร์โมนที่แสดงการตั้งครรภ์ถูกสร้างจากรกหลังจากเกิดการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิ และตัวอ่อนฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้วอย่างน้อย 6 วัน โดยในช่วงแรก HCG จะมีค่าต่ำมาก แต่จะมีค่าเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงทำให้ค่าของผลตรวจขึ้นเป็นบวกเหมือนกับการตั้งครรภ์ปกติ ส่วนวิธีที่ 3 การตรวจด้วยวิธีอัลตราซาวนด์ จะตรวจพบถุงตั้งครรภ์เหมือนกันตั้งครรภ์ปกติ แต่ไม่พบตัวอ่อนในถุงตั้งครรภ์นั้น
ลักษณะอาการของท้องลม
อาการนี้จะเหมือนคนที่ตั้งครรภ์ปกติทั่วไป เช่น ประจำเดือนมาไม่ปกติ คัดเต้านม คลื่นไส้ เพียงแต่อาการจะน้อยกว่าคนตั้งครรภ์ปกติ เพราะฮอร์โมน HCG จะมีระดับต่ำกว่าปกติ จึงทำให้คนท้องลมบางคนไม่ค่อยมีอาการแพ้ท้องหรือมีอาการที่เปลี่ยนแปลงไปจากคนปกติ
การป้องกันการ ท้องลม
ท้องลมที่เกิดขึ้นจากการปฏิสนธิตามธรรมชาติยังไม่มีแนวทางที่สามารถป้องกันได้อย่างชัดเจน
ดังนั้นการป้องกันที่ทำได้เบื้องต้นคือ ต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายตัวเอง รับประทานวิตามินโฟลิกตั้งแต่ก่อนตั้งครรภ์ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ในขณะตั้งครรภ์ และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
ท้องลมเป็นแล้วกลับมาเป็นซ้ำได้ไหม ?
สามารถเกิดซ้ำได้และเกิดได้บ่อยขึ้นในผู้หญิงตั้งครรภ์ที่มีอายุมาก แต่อย่างไรก็ตามหากเกิดการท้องลมบ่อย ๆ เพราะอาจจะไม่ได้เกิดจากตัวอ่อนที่ผิดปกติตามธรรมชาติเพียงอย่างเดียว อาจพบว่าคู่สมรสคนใดคนหนึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความผิดปกติทางพันธุกรรมนั้น ๆ ให้กับตัวอ่อน ดังนั้น จะต้องมาตรวจหาสาเหตุเพิ่มเติมในผู้หญิงที่ท้องลมตั้งแต่ 2 ครั้งเป็นต้นไป
ท้องลม ต้องขูดมดลูกหรือไม่ ?
การรักษาสามารถแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีที่ถุงการตั้งครรภ์สามารถหลุดลอกออกมาได้เองทั้งหมดและไม่มีอาการแทรกซ้อนที่อันตราย ก็ไม่จำเป็นต้องรับการรักษาโดยการขูดมดลูก
- กรณีที่ผู้ป่วยบางรายที่ร่างกายไม่สามารถขับถุงการตั้งครรภ์ออกมาได้เองจนหมดและตรวจพบว่ามีเยื่อบุเหลือตกค้างอยู่ จะทำการรักษาโดยการขูดมดลูกเพื่อเอาเยื่อบุหรือชิ้นเนื้อภายในโพรงมดลูกออกมา เพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อเข้าไปภายในโพรงมดลูก
ดังนั้น หากเริ่มต้นการมีครอบครัวผู้ที่จะเตรียมเป็นคุณพ่อคุณแม่ต้องดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง กินอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเตรียมความพร้อมในการตั้งครรภ์ และลดความเสี่ยงในการเกิดปัญหาคุกคามระหว่างการตั้งครรภ์อีกด้วย
ข้อมูลจาก
อ. พญ.สิริลักษณ์ ตันธนาวิภาส
สาขาวิชาเวชศาสตร์การเจริญพันธุ์
ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล