บทความ เรื่อง การ จัดฟัน จะช่วยให้มี ฟัน สวยเป็นที่นิยมมากเพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาฟันไม่สวยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้อีกด้วย
หน้าแรก
ปัญหาฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน !

ปัญหาฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน !

ปฏิเสธไม่ได้ว่าการมี ฟัน สวย ยิ้มใส คือเสน่ห์ที่สร้างความประทับใจให้ผู้พบเห็นได้เป็นอย่างดี การ จัดฟัน จึงกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาฟันไม่สวยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้อีกด้วย 

การจัดฟันคืออะไร

การจัดฟัน คือ การจัดเรียงฟัน รวมทั้งขากรรไกรที่อยู่ผิดตําแหน่งให้กลับมาอยู่ในตําแหน่งที่ถูกต้อง โดยมีเป้าหมาย 3 อย่าง ได้แก่

  1. เพื่อให้บดเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น ฟันที่สบได้ไม่ดีอาจมีผลต่อการเคี้ยวอาหาร การจัดฟันช่วยทำให้ฟันสบกัน และเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
  2. เพิ่มความสวยงาม เมื่อจัดฟันแล้วฟันจะเรียงตัวสวยขึ้น ส่งผลต่อความมั่นใจ ช่วยสร้างบุคลิกภาพที่ดี
  3. ช่วยให้ทำความสะอาดฟันได้ง่ายขึ้น ฟันที่เรียงตัวไม่เป็นระเบียบมักยากต่อการทำความสะอาด และอาจเกิดฟันผุได้ง่าย ทันตแพทย์มักแนะนำให้คนไข้จัดฟัน เนื่องจากเป็นเคสที่คนไข้ส่วนมากมักไม่รู้ตัว

บทความ เรื่อง การ จัดฟัน จะช่วยให้มี ฟัน สวยเป็นที่นิยมมากเพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาฟันไม่สวยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้อีกด้วย

ใครบ้างที่ควรจัดฟัน

  1. คนที่มีฟันซ้อน เก ฟันเบียดแน่น ฟันห่าง ที่ยากต่อการแปรงฟัน หรือชอบมีเศษอาหารติดตามซอกฟัน
  2. คนที่ฟันสบกันไม่พอดี เช่น มีฟันสบลึก คือฟันล่างคร่อมบน หรือมีฟันสบอ้า คือมีช่องว่างระหว่างฟันหน้าบนกับฟันหน้าล่าง ทําให้กัดเส้นก๋วยเตี๋ยวไม่ได้
  3. คนที่ต้องการมีฟันสวย คนไข้บางรายอาจมีฟันซ้อนหรือเกเพียงเล็กน้อย แต่รู้สึกไม่มั่นใจ การจัดฟันทำให้ฟันเรียงตัวสวยขึ้น ช่วยปรับบุคลิกภาพ เพิ่มความมั่นใจได้

ช่วงอายุที่เหมาะสำหรับการจัดฟัน

อายุที่เหมาะสมในการจัดฟันคือ ช่วงวัยรุ่นอายุ 14 ปีขึ้นไป จนถึงวัยทำงานตอนต้น เพราะการจัดฟันเมื่อกระดูกยังอ่อนทำได้ง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ ในคนไข้เด็กที่พบความผิดปกติ ทันตแพทย์มักแนะนำให้จัดฟันตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจทำได้ตั้งแต่อายุ 8 ปีขึ้นไป อย่างไรก็ตามผู้ใหญ่สามารถจัดฟันได้เช่นเดียวกัน แต่อาจใช้ระยะเวลานานกว่า เพราะฟันเคลื่อนได้ช้ากว่า 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อระยะเวลาในการจัดฟัน

  1. ความยากง่าย คนไข้ที่พบความผิดปกติมากต้องใช้ระยะเวลาในการแก้ไขนาน จากเดิมในเคสทั่วไปโดยเฉลี่ย 2-3 ปี อาจต้องใช้เวลามากถึง 4-5 ปีก็เป็นได้
  2. อายุของคนไข้ อายุมีผลต่อการเคลื่อนของฟัน การจัดฟันในเด็กทำง่ายกว่าในวัยผู้ใหญ่ 
  3. ความร่วมมือของคนไข้ คนไข้ต้องมาพบทันตแพทย์ทุกเดือนเพื่อตรวจเช็กความผิดปกติต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนยางและลวด อีกทั้งยังต้องรักษาความสะอาดของปากและช่องฟัน รวมถึงเครื่องมือจัดฟันอย่างดีด้วย
  4. ความสามารถของทันตแพทย์ การเลือกทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญช่วยให้วางแผนการรักษาได้ดี และบรรลุเป้าหมายได้เร็ว

4 ความเชื่อเรื่องการ จัดฟัน

หลายคนอาจเคยได้ยินความเชื่อที่แชร์ต่อกันมาเกี่ยวกับการจัดฟัน ความเชื่อเหล่านี้เรื่องไหนจริงหรือหลอก

ความเชื่อที่ 1 จัดฟันทำให้หน้าเรียวเล็กลง

ความเชื่อนี้จริงบางส่วน เพราะสาเหตุที่ทำให้ใบหน้าคนเราดูใหญ่มี 3 อย่างด้วยกัน คือ กระดูก กล้ามเนื้อ และไขมัน การจัดฟันส่งผลต่อกล้ามเนื้อบดเคี้ยวเป็นหลัก คนไข้อาจเคี้ยวอาหารได้น้อยลง ใบหน้าจึงดูเรียวขึ้นจากกล้ามเนื้อที่เล็กลง แต่ไม่ได้ส่งผลต่อกระดูกหรือไขมันแต่อย่างใด

ความเชื่อที่ 2 จัดฟันตอนเด็กได้ผลดีกว่าผู้ใหญ่

ความเชื่อนี้จริง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าผู้ใหญ่ไม่สามารถจัดฟันได้ การจัดฟันในเด็กมักได้ผลเร็วกว่า เนื่องจากกระดูกยังอ่อน ฟันจึงเคลื่อนได้เร็ว หากผู้ใหญ่จัดฟันต้องใช้ระยะเวลานานกว่า 

ความเชื่อที่ 3 จัดฟันทำให้ผอมลง

ความเชื่อนี้ไม่จริง คนที่จัดฟัน แต่ยังรับประทานเยอะเป็นปกติอาจทำให้อ้วนได้ บางรายน้ำหนักขึ้นหลังจัดฟัน เพราะเลี่ยงไปรับประทานอาหารอ่อน ของหวานจำพวกเบเกอรี ขนมปัง แทนที่จะรับประทานอาหารตามปกติ

ความเชื่อที่ 4 จัดฟันที่ไหนก็ได้ ไม่อันตราย 

ความเชื่อนี้ไม่จริง การจัดฟันกับคนที่ไม่ใช่ทันตแพทย์ทำให้ฟันเรียงตัวผิดรูป หรือเกิดฟันผุได้ ควรเลือกจัดฟันกับทันตแพทย์เฉพาะทางที่มีประสบการณ์ไม่ต่ำกว่า 2 ปี เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการรักษา

 

บทความ เรื่อง การ จัดฟัน จะช่วยให้มี ฟัน สวยเป็นที่นิยมมากเพราะนอกจากจะช่วยแก้ปัญหาฟันไม่สวยแล้ว ยังช่วยเพิ่มความมั่นใจ และสร้างบุคลิกภาพที่ดีได้อีกด้วย

คําแนะนําในการดูแลช่องปากเมื่อ จัดฟัน

  1. ดูแลรักษาความสะอาดช่องปาก ควรดูแลความสะอาดให้มากกว่าปกติ โดยเฉพาะในกรณีที่ใช้เหล็กจัดฟันติดแน่น เพราะเครื่องมือจัดฟันทำให้แปรงฟันได้ยากขึ้น จากเดิมที่เคยแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง อาจเพิ่มเป็น 3 ครั้งในตอนกลางวันก็ได้
  2. มาพบทันตแพทย์ตามนัดอย่างสม่ำเสมอ ควรพบทันตแพทย์อย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อตรวจเช็ก และปรับเครื่องมือให้แรงเคลื่อนฟันอย่างต่อเนื่อง 
  3. ระมัดระวังไม่ให้เครื่องมือหลุดเสียหาย หากคนไข้รับประทานอาหารไม่ระวัง เหล็กอาจหลุดออกมาได้ ทำให้ฟันเคลื่อนสะเปะสะปะ ส่งผลให้การรักษาช้าลง
  4. ใส่รีเทนเนอร์เมื่อจัดฟันเสร็จ การใส่รีเทนเนอร์เป็นการคงสภาพฟันไว้ตามเดิม ระยะเวลานานแค่ไหนขึ้นอยู่กับทันตแพทย์เป็นผู้พิจารณา บางเคสอาจต้องใส่ตลอดชีวิต 

หากพบความผิดปกติของ ฟัน ที่ส่งผลต่อการรับประทานอาหาร การใช้ชีวิต หรือความมั่นใจ ควรปรึกษาทันตแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญเพื่อวางแผนการรักษาต่อไป

 

ข้อมูลจาก

ทพญ.วรรธิดา จิตตานนท์ 

ฝ่ายทันตกรรม 

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/

Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV

Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel

Line: https://page.line.me/ramathibodi

Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramachanneltv

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

รู้ทัน ถุงน้ำในตับอ่อน เสี่ยงทุกวัย ไม่เลือกเพศ
ถุงน้ำในตับอ่อนเป็นโรคเงียบที่เกิดได้ทุกเพศทุกวัย อาจไม่มีอาการแต่เสี่ยงกลายเป็นมะเร็ง รู้ทันเพื่อวางแผนตรวจและรักษาอย่างทันท่วงที
บทความสุขภาพ
29-05-2025

7

แพทย์เตือน ! ห้าม ล้างไก่สด ก่อนปรุง
การล้างไก่สดก่อนปรุงอาจกระจายเชื้อแบคทีเรียอย่างแคมไพโลแบคเตอร์ไปยังอ่างล้างจานและเครื่องครัว เสี่ยงปนเปื้อนอาหารและทำให้เกิดโรคท้องร่วง
บทความสุขภาพ
28-05-2025

10

โรคพยาธิในช่องคลอด-ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายผู้หญิง
โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มักมีอาการตกขาวมีกลิ่น คัน แสบ หากไม่รักษาอาจลุกลามและส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
บทความสุขภาพ
25-05-2025

7

ปานสีน้ำตาล-ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด
ปานสีน้ำตาลเกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ อาจเป็นเพียงความสวยงามตามธรรมชาติหรือสัญญาณโรคร้าย ควรหมั่นสังเกตขนาด สี และรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง
บทความสุขภาพ
22-05-2025

5

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL