TEM_AD_RAMA
หน้าแรก
โรคลมแดด(Heat Stroke) คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง

โรคลมแดด(Heat Stroke) คุณแม่ตั้งครรภ์ควรระวัง

“กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข” แนะประชาชนกลุ่มเสี่ยงหลีกเลี่ยงการทำงานหรือออกกำลังกายอยู่กลางแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ โดยเฉพาะคุณแม่ตั้งครรภ์ที่อาจจะเป็นลมและเป็นอันตรายต่อตัวเองและทารก แนะป้องกันตนเองโดยทำงานหรือออกกำลังกายในสถานที่ร่ม อากาศถ่ายเทสะดวกและดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ

นพ.ดนัย ธีวันดา รองอธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนมีนาคมถึงเมษายนของทุกปี ประเทศไทยจะมีอากาศที่ร้อนจัดมากขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ประชาชนที่ทำงานหรือออกกำลังกายกลางแดดเป็นเวลานาน อาจทำให้ร่างกายเกิดภาวะขาดน้ำ

โดยคนที่มีอาการและน่าเป็นห่วงคือ

คนที่ออกกำลังกาย หรือทำงานในสภาพอากาศร้อนจัด ระบบระบายอากาศไม่ดี ใส่เสื้อผ้าหนาหรือกันระเหยของเหงื่อ ดื่มน้ำน้อย รวมทั้งในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคอ้วนถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ต้องดูแลสุขภาพตนเองเป็นพิเศษ

ดังนั้น หากต้องอยู่ท่ามกลางสภาพอากาศร้อนหรือออกกำลังกายกลางสภาพอากาศร้อน ควรดื่มน้ำให้ได้ชั่วโมงละ 1 ลิตร

แม้จะไม่รู้สึกกระหายน้ำก็ตาม หรือแม้ว่าจะทำงานในที่ร่มก็ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 6 – 8 แก้ว หรือ 2 ลิตร ต่อวัน เพราะสามารถป้องกันภาวะขาดน้ำได้ เลือกออกกำลังกายในที่ร่มช่วงเช้าและช่วงเย็น นอนพักผ่อนให้เพียงพอ และหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิด เพราะยิ่งอากาศร้อนมาก การดูดซึมแอลกอฮอล์จะสูง ทำให้เข้าสู่กระแสเลือดได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างกายปรับตัวไม่ทันอาจปวดศีรษะ ความดันโลหิต

นายแพทย์ดนัย กล่าวต่อไปว่า ในช่วงหน้าร้อน ประชาชนควรสวมเสื้อผ้าที่สามารถระบายความร้อนได้ดี รวมถึงกางร่ม สวมหมวกปีกกลาง สวมแว่นกันแดด และใช้โลชั่นกันแดดที่มีค่า SPF 15 ขึ้นไปทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน และควรทาซ้ำบ่อยๆ ถ้าต้องถูกแดดนานๆ สำหรับเด็กเล็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้สูงอายุ และผู้ที่เป็นโรคอ้วนควรให้การดูแลเป็นพิเศษโดยให้อยู่ในสภาพแวดล้อมหรือพื้นที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก

ไม่ควรให้ผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคอ้วนออกกำลังกายกลางแจ้ง หรือทำกิจกรรมที่เหนื่อยจนเกินไปจนถึงขั้นหอบ หญิงมีครรภ์หากต้องเดินทางไกล ควรมีผู้ดูแลร่วมเดินทางด้วยเพื่อดูแลอย่างใกล้ชิดและป้องกันอุบัติเหตุหากมีอาการหน้ามืด วิงเวียนหรือเป็นลมเมื่อเจออากาศที่ร้อนจัดภายนอก และไม่ควรทิ้งเด็กหรือผู้สูงอายุ ให้อยู่ในรถที่ปิดสนิท และจอดกลางแจ้งตามลำพังเป็นเวลานาน

สำหรับประชาชนทั่วไปหากพบผู้ที่มีอาการตัวร้อนจัด ผิวหนังแดงและแห้ง ไม่มีเหงื่อ หน้าซีด หายใจถี่ ชีพจรเต้นแรง ปวดศีรษะ หน้ามืด คลื่นไส้อาเจียน เบื้องต้นให้นำเข้าที่ร่มทันที ให้นอนราบและยกเท้าสูงทั้ง 2 ข้าง ถอดเสื้อผ้าออก ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว หรือห่มด้วยผ้าเปียก พ่นน้ำเย็นหรือน้ำแข็งประคบตามซอกตัว คอ รักแร้ ขาหนีบ และใช้พัดลมเป่าระบายความร้อน หากอาการไม่ดีขึ้นใน 30 นาที ให้รีบนำส่งโรงพยาบาลโดยเร็วที่สุด” รองอธิบดีกรมอนามัย กล่าว

 

ข้อมูลจาก
นพ.ดนัย ธีวันดา
รองอธิบดีกรมอนามัย
กระทรวงสาธารณะสุข
และเว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับคั่งไขมัน รู้ให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้ไว
โรคตับคั่งไขมันเป็นภาวะที่ไขมันสะสมในตับมากเกินไป เสี่ยงตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ หากรู้ทันและรีบปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย
บทความสุขภาพ
09-09-2025

0

OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร ?
OPD และ IPD คือการใช้บริการในโรงพยาบาลที่ต่างกัน OPD คือผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษา ส่วน IPD คือผู้ป่วยในที่ต้องนอนพักรักษาตัวภายใต้การดูแล
บทความสุขภาพ
08-09-2025

0

ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone
ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone การใช้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ความดันต่ำ หรือดื้อยาได้ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ
บทความสุขภาพ
08-09-2025

1

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบทำให้ปัสสาวะแสบ ขัด และปวดบ่อย หากละเลยอาจลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-09-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL