อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ และปวดหลังเป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในคนทุกเพศทุกวัย สาเหตุหลักมักเกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อหรือกระดูกสันหลังในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น การนั่งทำงานในท่าที่ไม่ถูกต้อง หรือการยกของหนักโดยใช้ท่าทางที่ไม่เหมาะสม
การรักษาอาการปวดเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องใช้วิธีการผ่าตัดเสมอไป หนึ่งในวิธีที่ได้รับความนิยมและมีประสิทธิภาพคือ “กายภาพบำบัด” ซึ่งเป็นการรักษาที่มุ่งเน้นการฟื้นฟูสมรรถภาพของร่างกายผ่านการออกกำลังกายและเทคนิคต่าง ๆ
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เกิดจากอะไร
อาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ เป็นอาการที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวันและสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกวัย สาเหตุของอาการปวดเมื่อยมีหลายประการ ดังนี้
- อายุที่เพิ่มขึ้น การทำงานหนักที่อาจใช้งานกล้ามเนื้อหรือกระดูกมากเกินไป รวมไปถึงพฤติกรรมต่าง ๆ ที่อาจส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อและกระดูกได้เช่นกัน
- ใช้งานกล้ามเนื้ออย่างหนักหรือไม่เหมาะสม การออกกำลังกายอย่างหนัก ยกของหนัก หรือการทำงานที่ต้องใช้กล้ามเนื้อซ้ำ ๆ อาจทำให้กล้ามเนื้อล้าและเกิดอาการปวดเมื่อยได้
- ท่าทางที่ไม่ถูกต้อง การนั่งหรือยืนในท่าทางที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน เช่น นั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์โดยไม่พัก อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดการตึงเครียดและปวดเมื่อย
- ขาดการออกกำลังกาย การไม่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงและเกิดอาการปวดเมื่อยเมื่อมีการใช้งาน
อาการปวดหลังจากการยกของหนัก แก้อย่างไร
อาการปวดหลังจากการยกของหนักมักเกิดจากท่าทางการยกที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งอาจทำให้กล้ามเนื้อหลังได้รับบาดเจ็บ เพื่อป้องกันและบรรเทาอาการดังกล่าว ควรปฏิบัติดังนี้
- ปรับปรุงท่ายกของ หลีกเลี่ยงการยื่นแขนไปข้างหน้าแล้วยกของหนักขึ้น เนื่องจากวิธีนี้ต้องใช้แรงมากและเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ ควรยกของให้ชิดตัวและย่อเข่าแทนการก้มหลัง วิธีนี้ช่วยลดแรงกดบนกล้ามเนื้อหลังและป้องกันการบาดเจ็บได้ดีขึ้น
- เสริมสร้างกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัว การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อหลังและแกนกลางลำตัวสามารถช่วยป้องกันอาการปวดหลังจากการยกของหนักได้
- พักผ่อนและยืดกล้ามเนื้อ หากมีอาการปวดหลัง ควรพักผ่อนและทำการยืดกล้ามเนื้อเบา ๆ เพื่อช่วยลดความตึงเครียดของกล้ามเนื้อ
เมื่ออายุมากขึ้น หลายคนอาจประสบปัญหาอาการปวดขาเมื่อเดิน แม้ก่อนหน้านี้จะสามารถเดินได้ไกลถึง 2-3 กิโลเมตร แต่เมื่ออายุเพิ่มขึ้น อาจเดินได้น้อยลง หรือเพียง 10 ก้าวก็รู้สึกปวดร้าว สาเหตุหลักมาจากความเสื่อมของกล้ามเนื้อและกระดูกตามวัย หลายคนเลือกใช้ยาแก้ปวดเพื่อบรรเทาอาการ แต่ข้อเสียของการกินยาบ่อย ๆ จะเกิดการกัดกระเพาะ และส่งผลเสียต่อตับและไตโดยตรง
วิธีการฟื้นฟูที่ดี คือ
เมื่อมีอาการปวดหลังจากการทำงานหนัก ควรปฏิบัติตามแนวทางดังนี้
- พักผ่อนอย่างเพียงพอ หากปกติทำงานหนัก ควรหยุดพักการทำงานชั่วคราว เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟู
- ประคบร้อน เมื่อมีอาการปวด ควรใช้ถุงน้ำร้อนประคบบริเวณที่ปวด เพื่อช่วยบรรเทาอาการแทนการใช้ยาแก้ปวด ซึ่งการใช้ยาบ่อยครั้งอาจทำให้เกิดการระคายเคืองกระเพาะอาหาร และส่งผลเสียต่อตับและไตโดยตรง
- นวดและยืดกล้ามเนื้อ การนวดและการยืดกล้ามเนื้อเป็นวิธีที่เหมาะสมในการบรรเทาอาการปวด แต่ควรหลีกเลี่ยงการดัดตัว เพราะอาจทำให้อาการแย่ลง
- ปรึกษาแพทย์ หากอาการปวดไม่ทุเลาหรือมีอาการชาร่วมด้วย ควรพบแพทย์เพื่อทำการตรวจร่างกายอย่างละเอียด
ในกรณีที่มีอาการปวดร่วมกับอาการชารุนแรง อาจเป็นสัญญาณของภาวะหมอนรองกระดูกสันหลังเคลื่อน ซึ่งเกิดจากการที่หมอนรองกระดูกสันหลังไปกดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดอาการปวดร้าวไปด้านหลังของขา ร่วมกับอาการชาและอ่อนแรงของกล้ามเนื้อขา ภาวะนี้จำเป็นต้องได้รับการผ่าตัดแก้ไข
ปัจจัยที่สำคัญในยุคปัจจุบันที่ส่งผลเสียต่อกล้ามเนื้อและกระดูก คือ
การใช้สมาร์ตโฟนเป็นเวลานานอาจทำให้เกิดอาการที่เรียกว่า “cellphone elbow” ซึ่งเป็นอาการปวดหรือชาบริเวณปลายแขนและมือ เนื่องจากการงอข้อศอกมากกว่า 90 องศาเป็นเวลานาน หากไม่ได้รับการแก้ไข อาจนำไปสู่การกดทับเส้นประสาท ทำให้กล้ามเนื้ออ่อนแรงหรือเกิดอาการชาถาวร
แนวทางการป้องกันและบรรเทาอาการ
- ปรับเปลี่ยนท่าทางการใช้งาน หลีกเลี่ยงการงอข้อศอกเป็นเวลานาน ควรถือสมาร์ตโฟนให้อยู่ในตำแหน่งที่ไม่ต้องงอข้อศอกมากเกินไป
- พักการใช้งาน ไม่ควรใช้สมาร์ตโฟนติดต่อกันเป็นเวลานาน ควรหยุดพักเป็นระยะเพื่อป้องกันการกดทับเส้นประสาท
- การกายภาพบำบัด สำหรับผู้ที่มีอาการชา ควรใช้ลูกบอลกลม ๆ ฝึกกำเพื่อบริหารกล้ามเนื้อ ป้องกันการฝ่อและลีบของกล้ามเนื้อ
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงอื่น ๆ นอกจากการใช้สมาร์ตโฟน ควรระวังการนั่งพับเพียบ การขับรถ หรือกิจกรรมที่ทำให้ต้องงอข้อศอกและข้อเข่าเป็นเวลานาน
หากมีอาการชาหรือปวดอย่างต่อเนื่อง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสม
ข้อมูลโดย
ผศ. ดร. นพ.ไพฑูรย์ เบ็ญจพรเลิศ
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “รักษาด้วยกายภาพไม่ต้องผ่าตัด : พบหมอรามา ช่วง ลัดคิวหมอ” ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ