อาการกล้ามเนื้อเกร็งหรือปวดกล้ามเนื้อเป็นปัญหาที่หลายคนเผชิญ ไม่ว่าจะจากออฟฟิศซินโดรม การบาดเจ็บ หรือโรคทางระบบประสาท ซึ่งหนึ่งในยาที่แพทย์มักสั่งจ่ายคือ tolperisone ยาคลายกล้ามเนื้อ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง อย่างไรก็ตาม การใช้ยานี้บ่อยเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก tolperisone ให้ลึกขึ้น พร้อมคำแนะนำเรื่องการใช้ยาที่ปลอดภัยและเหมาะสม เพื่อให้คุณดูแลสุขภาพได้อย่างมั่นใจ
tolperisone คือยาอะไร ?
tolperisone เป็น ยาคลายกล้ามเนื้อ ที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง นิยมใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง (muscle spasticity) เช่น ผู้ป่วยปวดเมื่อยจากการออกกำลังกาย ผู้ป่วยโรคปลายประสาทอักเสบ หรือผู้ที่มีอาการปวดหลังเรื้อรัง ยานี้มักช่วยลดความตึงตัวของกล้ามเนื้อ ทำให้เคลื่อนไหวได้ดีขึ้น ลดความเจ็บปวด และปรับคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น
ข้อดีของ tolperisone คือ มีผลกดระบบประสาทส่วนกลางน้อยกว่ายาคลายกล้ามเนื้อกลุ่มอื่น จึงทำให้ง่วงซึมได้น้อยกว่า จึงเหมาะกับคนที่ยังต้องใช้ชีวิตประจำวันตามปกติ อย่างไรก็ตาม การใช้ยานี้ต้องอยู่ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ เพราะหากใช้ไม่เหมาะสม อาจส่งผลเสียในระยะยาว
กลไกการออกฤทธิ์ของยา tolperisone
tolperisone ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง โดยการยับยั้งการรับความรู้สึกเจ็บปวดจากเส้นประสาทไปยังไขสันหลัง ช่วยลดการตอบสนองของรีเฟล็กซ์ในไขสันหลัง ทำให้กล้ามเนื้อที่ตึงและหดเกร็งคลายตัว
ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เมื่อใช้ tolperisone ต่อเนื่องหรือเกินขนาด
แม้ tolperisone จะมีแนวโน้มปลอดภัยสูงกว่ายาบางชนิด แต่หากใช้ต่อเนื่องหรือใช้ในขนาดที่สูงเกินไป ก็สามารถก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้ เช่น ง่วงนอน อาการวิงเวียน ปวดศีรษะ คลื่นไส้ กล้ามเนื้ออ่อนแรงสับสน หรือเกิดอาการแพ้ยาในบางราย
ในกรณีที่ผู้ป่วยใช้ยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ อาจเกิดอันตรายจากการสะสมของตัวยาในร่างกาย หรือเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ไม่พึงประสงค์ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคตับ หรือไต
ใช้ยาคลายกล้ามเนื้อบ่อย ๆ ส่งผลต่อระบบประสาทส่วนกลางหรือไม่ ?
การใช้ยาคลายกล้ามเนื้ออย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อสมองและระบบประสาทส่วนกลางได้ แม้ tolperisone จะไม่กดประสาทแรงเท่ายาอื่น แต่หากใช้เป็นเวลานาน โดยไม่มีการติดตามจากแพทย์ อาจเกิดผลกระทบ เช่น ปฏิกิริยาตอบสนองช้าลง สมาธิลดลง หรือมีอาการง่วงนอนเรื้อรัง ซึ่งส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว ในบางกรณีอาจเกิดความเคยชินของระบบประสาท ทำให้ต้องใช้ยาปริมาณมากขึ้นเพื่อให้ได้ผลเท่าเดิม จึงควรใช้ยานี้เฉพาะเวลาที่จำเป็นเท่านั้น และต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์
ภาวะดื้อยา เมื่อร่างกายตอบสนองต่อ tolperisone ได้น้อยลง
การใช้ยา tolperisone ติดต่อกันนานเกินไป อาจทำให้เกิดภาวะ “ดื้อยา” หรือที่เรียกว่า tolerance ได้ กล่าวคือ ร่างกายเริ่มไม่ตอบสนองต่อยาในขนาดเดิม ทำให้ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อให้ได้ผล ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงและภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ
แม้ tolperisone จะไม่ใช่ยาที่ออกฤทธิ์เสพติด แต่การใช้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นก็อาจทำให้เกิดการพึ่งพายาในระดับหนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอาการปวดเรื้อรัง ดังนั้น ควรมีการเว้นระยะการใช้และประเมินอาการร่วมกับแพทย์เป็นระยะ
มีทางเลือกอื่นแทน tolperisone หรือไม่ ?
หากไม่ต้องการพึ่งยา tolperisone เป็นประจำ ยังมีทางเลือกอื่นที่สามารถช่วยลดอาการเกร็งหรือปวดกล้ามเนื้อได้ เช่น การทำกายภาพบำบัด การใช้ความร้อน-ความเย็น การออกกำลังกายแบบยืดกล้ามเนื้อ หรือเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น การนวดหรือฝังเข็ม
นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรบางชนิดที่ช่วยลดอาการปวดกล้ามเนื้อได้ เช่น ยานวดขมิ้นชัน ยานวดไพล แต่ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้เสมอ โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคประจำตัว เพราะสมุนไพรบางชนิดอาจมีปฏิกิริยากับยาแผนปัจจุบัน
แนวทางการใช้ tolperisone อย่างปลอดภัย
เพื่อความปลอดภัย ควรใช้ tolperisone เฉพาะเมื่อแพทย์สั่ง และไม่ควรใช้ติดต่อกันนานเกินไป หากมีอาการดีขึ้นแล้ว ควรหยุดใช้ตามคำแนะนำ ไม่ควรปรับขนาดยาเอง หรือใช้ยาเดิมซ้ำเมื่ออาการกลับมาโดยไม่ปรึกษาแพทย์
การติดตามผลการรักษาเป็นระยะ การสังเกตอาการข้างเคียง และการแจ้งแพทย์หากมีอาการผิดปกติ เป็นสิ่งสำคัญมาก เช่นเดียวกับการดูแลสุขภาพโดยรวม เช่น พักผ่อนให้เพียงพอ ยืดเหยียดกล้ามเนื้อสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่กระตุ้นให้กล้ามเนื้อเกร็งซ้ำ
tolperisone เป็นยาคลายกล้ามเนื้อที่มีประสิทธิภาพและปลอดภัยเมื่อใช้อย่างเหมาะสม แต่อย่างไรก็ตาม การใช้ยาบ่อยเกินไปหรือใช้โดยไม่มีการดูแลจากแพทย์ อาจเสี่ยงต่อผลข้างเคียง ภาวะดื้อยา และผลกระทบต่อระบบประสาท การเลือกใช้ยาอย่างรู้เท่าทัน พร้อมพิจารณาทางเลือกอื่นควบคู่กัน คือแนวทางที่ช่วยให้เราดูแลกล้ามเนื้อได้อย่างปลอดภัยในระยะยาว
ข้อมูลจาก
ภญ.นันทพร เล็กพิทยา และ ภญ.เบญญาภา เพชรปวรรักษ์
งานเภสัชกรรมคลินิก ฝ่ายเภสัชกรรม
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ