มาทำความรู้จัก โควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ตัวที่แกร่งที่สุดและแพร่เชื้อได้ไว้ที่สุดในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยและทั่วโลกเรา
หน้าแรก
มาทำความรู้จักโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ตัวที่แกร่งที่สุดและแพร่เชื้อได้ไว้ที่สุดในตอนนี้

มาทำความรู้จักโควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ตัวที่แกร่งที่สุดและแพร่เชื้อได้ไว้ที่สุดในตอนนี้

โควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ตัวที่แกร่งที่สุดและแพร่เชื้อได้ไว้ที่สุดในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยและทั่วโลกเราเหมือนจะควบคุมการระบาดของไวรัสที่ก่อให้เกิดโรคโควิด-19 ได้ดีพอสมควร โดยเฉพาะการที่แพทย์ และนักวิทยาศาสตร์รู้จักไวรัส อาการ การรักษา รวมทั้งมีการผลิตวัคซีนออกมา และมีการฉีดวัคซีนให้กับประชากรทั้งกลุ่มเสี่ยง และประชาชนทั่วไปแล้ว แต่สถานการณ์โควิดที่ระบาดเพิ่มมากขึ้นอย่างรวดเร็ว จนทำให้ระบบสาธารณสุขในหลาย ๆ ประเทศมีปัญหาทั้งแง่จำนวนผู้ที่ต้องการตรวจมากขึ้น จำนวนผู้ป่วยที่ต้องรับไว้รักษาในโรงพยาบาล และผู้ป่วยวิกฤตที่มีมากจนอาจเกินศักยภาพที่บุคลากรทางการแพทย์ และระบบโดยรวมจะสามารถรับมือได้ อาจเกิดจากการกลายพันธุ์ของไวรัส โดยเฉพาะสายพันธุ์เดลตา ซึ่งก่อนหน้านี้เรียกว่า สายพันธุ์อินเดีย เพราะค้นพบครั้งแรกที่ประเทศอินเดีย ในเดือนธันวาคมปี 2563 

เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยเกี่ยวกับไวรัสกลายพันธุ์

  • ไวรัสกลายพันธุ์ได้อย่างไร 

เมื่อไวรัสได้แพร่กระจายเข้าในตัวคนหนึ่ง ๆ จะมีการแบ่งตัวเพิ่มมากขึ้น อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการคงอยู่ของตัวมันเอง แต่เมื่อไวรัสมีการแพร่กระจายประชากรกลุ่มใหญ่มากขึ้น โอกาสการเปลี่ยนแปลงสารทางพันธุกรรมก็จะเพิ่มมากขึ้นไปด้วย พอติดเชื้อมากในระยะเวลาหนึ่ง สารพันธุกรรมจะเปลี่ยนแปลงจากดั้งเดิมอย่างชัดเจนจนกลายเป็นไวรัสกลายพันธุ์ เช่น เพิ่มความสามารถที่จะจับได้แน่นขึ้น โดยภูมิคุ้มกันกำจัดยากขึ้น หรือแพร่เชื้อได้มากขึ้น

  • การเรียกชื่อไวรัสกลายพันธุ์

สำหรับการเรียกไวรัสกลายพันธุ์นั้น เคยใช้เป็นอักษรตามด้วยตัวเลขทางพันธุศาสตร์ เช่น B.1.617.2 variant แต่ต่อมาคนนิยมเรียกเป็นชื่อประเทศที่ค้นพบครั้งแรก เช่น สายพันธุ์อังกฤษ หรือสายพันธุ์อินเดีย ดังนั้นทางองค์การอนามัยโลกจึงกำหนดให้มีการเปลี่ยนชื่อสายพันธุ์เป็นตัวอักษรกรีกเพื่อลดการตีตรา 

มาทำความรู้จัก โควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลต้า ตัวที่แกร่งที่สุดและแพร่เชื้อได้ไว้ที่สุดในตอนนี้ ก่อนหน้านี้ประเทศไทยและทั่วโลกเรา

5 เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ โควิดกลายพันธุ์ สายพันธุ์เดลตา

  • แพร่เชื้อได้เร็วมากกว่าสายพันธุ์อื่น

โดยขณะนี้มีการพบสายพันธุ์เดลตามากกว่า 150 ประเทศทั่วโลก และเป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาดในอังกฤษ และสหรัฐอเมริกา รวมทั้งมีการพบในหลายจังหวัดในประเทศไทย โดยพบว่าสายพันธุ์เดลตานี้สามารถแพร่กระจายเชื้อได้อย่างรวดเร็ว มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ติดเชื้อเป็นกลุ่มก้อน และมีอาการหนัก เกิดขึ้นในบริเวณที่มีการฉีดวัคซีนในสัดส่วนที่น้อย โดยในปลายเดือนกรกฏาคม ทางกรมควบคุมโรคของสหรัฐอเมริกาประกาศว่าสายพันธ์ุเดลตาพบเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 ของผู้ป่วยใหม่ทั้งหมด แพร่เชื้อได้เร็วมากกว่าสายพันธุ์แอลฟาถึงร้อยละ 50 ซึ่งแอลฟาเองก็แพร่ได้มากกว่าไวรัสดั้งเดิมที่เกิดขึ้นในอู่ฮั่นถึงร้อยละ 50 อยู่แล้ว ดังนั้น ในสถานการณ์ทั่วไปที่ไวรัสดั้งเดิมแพร่เชื้อจาก 1 คนไปได้ 2.5 ราย (Ro = basic reproductive rate) เดลตาอาจแพร่ไปได้ถึง 3.5-4 รายทีเดียวดังนั้นทำให้การแพร่กระจายออกไปอย่างกว้างขวาง

  • เดลตาทำให้เกิดการติดเชื้อแบบกลุ่มก้อน (คลัสเตอร์) ใหม่ได้เยอะ

เนื่องจากการติดเป็นกลุ่มทำให้ระบบสาธารณสุขไม่สามารถรับมือได้ เตียงไม่พอ ยาไม่พอ บุคลากรทางการแพทย์ไม่พอ ทำให้เกิดการสูญเสียมากยิ่งขึ้น

  • เดลตาทำให้โรคโควิด-19 มีอาการแสดงเปลี่ยนจากสายพันธุ์อื่น ๆ และทำให้ร้ายแรงขึ้น

การศึกษาจากสหราชอนาจักรพบว่าคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตา ไม่ค่อยมีอาการไอ หรือจมูกไม่รับกลิ่น แต่จะมีไข้ น้ำมูกไหล ปวดศีรษะ และเจ็บคอมากกว่า  มีการศึกษาจากสก๊อตแลนด์ พบว่าคนที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลตาต้องนอนโรงพยาบาลมากกว่าแอลฟาถึงสองเท่าในกลุ่มที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีน การศึกษาอื่น ๆ กำลังดำเนินการอยู่และน่าจะมีผลออกมามากขึ้น

  • คนไม่ฉีดวัคซีนเสี่ยงติดเดลตามากกว่า

ในสหรัฐอเมริกามีข้อมูลว่า รัฐที่คนฉีดวัคซีนน้อย เช่นในทางใต้ของประเทศ มีการระบาดใหม่ของสายพันธุ์เดลตามากกว่า แม้ว่าบางรายได้รับวัคซีนแล้ว เด็กและคนอายุน้อยก็มีความเสี่ยงมาก เช่นข้อมูลในอังกฤษพบว่าเด็กและคนอายุน้อยกว่า  50  ปีมีความเสี่ยงต่อเดลตาสูงกว่า เพราะวัคซีนในช่วงต้นไม่ได้รับการอนุมัติในเด็กด้วย แม้ในขณะนี้ยังไม่มีวัคซีนใดป้องกันเด็ก 5-12 ปีในสหรัฐอเมริกา ก็อาจจะเกิดปรากฏการณ์ติดสายพันธุ์เดลตาได้ เพราะวัคซีนไม่ได้ป้องกันได้ร้อยละ 100 โดยงานวิจัยที่ตีพิมพ์เบื้องต้น พบว่าในการศึกษาของกระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ ได้ติดตามคนที่วัคซีนครอบ 2 เข็มแล้ว พบว่าวัคซีนไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค (Pfizer-BioNTech) สามารถป้องกันไม่ให้มีอาการได้ ร้อยละ 88 และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ร้อยละ 96 ในขณะออกซฟอร์ดแอสตราเซนาก้า ป้องกันไม่ให้มีอาการได้ ร้อยละ 60 และป้องกันการนอนโรงพยาบาลได้ร้อยละ 93 สำหรับข้อมูลของโมเดอร์น่า (Moderna) พบว่าสามารถป้องกันสายพันธุ์เดลตาได้ แต่เขียนบันทึกว่า มีการลดการสร้างแอนติบอดี้ที่กำจัดไวรัส (neutralizing titers)

  • ควรให้วัคซีนเพิ่มอีกเข็ม (Booster shot)เพื่อป้องกันเดลตาไหม 

ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลตีพิมพ์ออกมาชัดเจน แต่ทั้งไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์น่าจะกำลังดำเนินการศึกษาทดลองและวัดผลอยู่ โดยในบางประเทศมีการเคลื่อนไหวให้โดสที่สามของวัคซีนชนิด mRNA ซึ่งก็คือ ไฟเซอร์ ไบโอเอ็นเทค และโมเดอร์น่านั่นเอง โดยในสหรัฐอเมริกามีการเสนอว่ากลุ่มคนที่อายุมากกว่า 65 ปีหรือกล่มที่มีภูมิต้านทานต่ำ ควรจะได้รับเป็นลำดับต้น ๆ  

ในอนาคตอาจมีไวรัสสายพันธุ์ใหม่ขึ้นมาอีก แล้วเราจะทำอย่างไรถึงจะหยุดไวรัสไม่ให้กลายพันธุ์ คำตอบคือ การหยุดการระบาดให้ได้รวดเร็ว และไม่ติดในประชากรกลุ่มใหญ่ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด โดยการทำความสะอาดมือบ่อย ๆ ใส่หน้ากากอนามัยที่ถูกต้องและมีประสิทธิภาพ รักษาระยะห่างทางกายภาพ อยู่ในที่อากาศถ่ายเท และเลี่ยงบริเวณที่แออัดหรืออาคารที่ปิด อย่าลืมฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 และติดตามข้อมูลข่าวสารในการดูแลตัวเอง เพิ่มภูมิคุ้มกันของร่างกายโดยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังสม่ำเสมอ ทานอาหารครบหมู่ สุก สะอาด และรักษาน้ำหนักร่างกายให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วนหรือผอมจนเกินไป ดูแลสุขภาพใจให้ไม่เครียดจนเกินไป

ข้อมูลโดย
อ. พญ.รพีพรรณ รัตนวงศ์นรา มอร์ด
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ
ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel 

Line: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งลำไส้ โรคร้ายที่ไม่เลือกวัย
มะเร็งลำไส้ใหญ่พบได้ทุกวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ อาการแอบแฝง ตรวจพบเร็วช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต รู้ทันสัญญาณเตือนและแนวทางป้องกัน
บทความสุขภาพ
25-06-2025

2

Get to know “H. pylori” before becoming a victim of stomach cancer
เชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) อาจดูธรรมดาแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหาร หากตรวจพบเร็วสามารถรักษาและป้องกันได้ทัน
บทความสุขภาพ
23-06-2025

0

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิดอาการปวดหน้าเท้า
อาการปวดหน้าเท้าอาจเกิดจากรองเท้าไม่พอดี น้ำหนักตัว หรือการใช้งานเท้าเกินพอดี รู้วิธีป้องกันและบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
19-06-2025

4

กระเพาะทะลุ อาการโหดที่ไม่ควรมองข้าม รู้เร็ว รักษาได้ ไม่ต้องทนเจ็บ!
กระเพาะทะลุเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตราย เจ็บท้องเฉียบพลัน แน่นท้อง คลื่นไส้ ต้องรีบรักษาโดยเร็ว รู้ทันอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
บทความสุขภาพ
13-06-2025

6

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL