ภาวะเข่าบวมน้ำ ภาวะที่หลายคนอาจมองข้าม คิดว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ ของการใช้งานเข่ามากเกินไป แต่จริง ๆ แล้วอาการนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนถึงปัญหาสุขภาพที่ซ่อนอยู่ และหากปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลให้เกิดปัญหารุนแรงตามมา เช่น งอเข่าไม่ได้ เดินลำบาก หรือเจ็บเรื้อรังจนนำไปสู่คุณภาพชีวิตที่ลดลง บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจว่า “ภาวะเข่าบวมน้ำ” คืออะไร สังเกตอาการได้อย่างไร เกิดจากสาเหตุใด รวมถึงแนวทางการรักษาและการดูแลตัวเองเบื้องต้น เพื่อให้สามารถรับมือกับอาการได้อย่างถูกต้องและไม่ละเลยสัญญาณเตือนของร่างกาย
ภาวะเข่าบวมน้ำ คืออะไร ?
ภาวะเข่าบวมน้ำ (knee effusion) คือ ภาวะที่มีของเหลวสะสมอยู่ภายในข้อเข่ามากกว่าปกติ ซึ่งของเหลวนี้อาจเป็นน้ำไขข้อ เลือด หรือของเหลวจากกระบวนการอักเสบ เมื่อมีของเหลวสะสมมากขึ้นจะทำให้เข่าดูบวมขนาดใหญ่กว่าข้อเข่าอีกข้าง รู้สึกตึง เจ็บ และขยับข้อเข่าได้ลำบาก หลายคนอาจสังเกตเห็นได้ชัดโดยเฉพาะเวลาลองเปรียบเทียบกับเข่าข้างปกติ
การบวมน้ำในข้อเข่าไม่ใช่โรค แต่เป็นอาการหรือภาวะที่บ่งบอกว่ามีความผิดปกติในข้อเข่า เช่น มีการอักเสบ การบาดเจ็บ หรือมีโรคข้อเรื้อรังซ่อนอยู่ ซึ่งถ้าไม่ได้รับการดูแลที่เหมาะสม อาจนำไปสู่ข้อเข่าเสื่อมเรื้อรัง และส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นลงบันได หรือเดินในระยะทางไกลได้ลำบาก
สาเหตุของภาวะเข่าบวมน้ำ
สาเหตุของเข่าบวมน้ำมีหลากหลาย ปัจจัยหลัก ๆ ที่พบได้บ่อย ได้แก่
- การบาดเจ็บของข้อเข่า เช่น อุบัติเหตุ หกล้ม เล่นกีฬาแล้วข้อเข่ากระแทกหรือพลิก ทำให้เยื่อหุ้มข้อหรือหมอนรองกระดูกเสียหายจนเกิดเลือดออกหรือมีน้ำคั่ง
- โรคข้ออักเสบเรื้อรัง เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม ข้ออักเสบจากโรคทางระบบภูมิคุ้มกัน โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ ส่งผลให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง น้ำไขข้อเพิ่มมากขึ้นจนเกิดการบวม
- การติดเชื้อในข้อเข่า เป็นภาวะที่ต้องระวัง เพราะนอกจากเข่าบวมแล้วยังมีไข้สูงและเจ็บปวดมาก อาจอันตรายถึงชีวิตหากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที
- โรคเกาต์และโรคเกาต์เทียม การสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อเข่า ทำให้เกิดอาการปวดบวมเฉียบพลัน
อาการของภาวะเข่าบวมน้ำ
อาการสำคัญที่สังเกตได้เมื่อมีภาวะเข่าบวมน้ำ ได้แก่
- ข้อเข่าบวม เข่าข้างที่มีปัญหาจะใหญ่และตึงกว่าปกติ เมื่อกดอาจรู้สึกนุ่มหรือเจ็บ
- งอเข่าไม่ได้หรือทำได้ลำบาก ข้อเข่าตึงจนขยับหรือเหยียดงอได้ไม่สุด เห็นได้ชัดเมื่อต้องขึ้นลงบันได
- เจ็บข้อเข่า โดยเฉพาะขณะเดิน นั่งยอง ๆ หรือเปลี่ยนท่า บางรายอาจปวดมากจนเดินไม่ไหว
- ร้อนหรือแดงบริเวณเข่า กรณีที่มีการอักเสบหรือติดเชื้อ
ถ้ามีอาการเหล่านี้โดยไม่เคยเป็นมาก่อน หรืออาการแย่ลง ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
วิธีการตรวจวินิจฉัย
การตรวจวินิจฉัยภาวะเข่าบวมน้ำเริ่มต้นจากขั้นตอนพื้นฐาน ไปจนถึงการใช้เทคโนโลยีทางการแพทย์เพื่อค้นหาสาเหตุที่แท้จริง ดังนี้่
- การซักประวัติเบื้องต้น แพทย์จะสอบถามรายละเอียดเกี่ยวกับประวัติการบาดเจ็บ เช่น เคยเกิดอุบัติเหตุหรือกระแทกที่เข่าหรือไม่ มีโรคประจำตัวใด ๆ หรือมีอาการร่วมอย่างอื่นที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญในการประกอบการวินิจฉัยหาสาเหตุของอาการเข่าบวมน้ำ
- ตรวจสภาพข้อเข่า แพทย์จะตรวจดูความบวมของข้อเข่า ตรวจความสามารถในการขยับข้อและความมั่นคงของเข่า หากสงสัยว่ามีความผิดปกติที่ซ่อนอยู่ อาจมีการส่งตรวจเพิ่มเติม ได้แก่
- เอกซเรย์ (X-ray) ช่วยตรวจหาความผิดปกติของกระดูก เช่น กระดูกบาดเจ็บ ข้อเข่าเสื่อม หรือรูปทรงข้อเข่าผิดปกติ รวมถึงรอยโรคในเนื้อกระดูก
- อัลตราซาวนด์ (ultrasound) ใช้ตรวจการอักเสบหรือบวมน้ำของข้อเข่า รวมถึงตรวจเนื้อเยื่ออ่อนรอบหัวเข่าและช่วยวินิจฉัยโรคเนื้องอกบริเวณข้อเข่า
- เอ็มอาร์ไอ (MRI) การตรวจด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าและคลื่นวิทยุ ทำให้เห็นรายละเอียดของข้อเข่าได้ชัดเจนมากขึ้น ทั้งในส่วนของเส้นเอ็น กระดูก รอยร้าว หรือแม้แต่ปริมาณน้ำในข้อเข่า นอกจากนี้ยังช่วยวินิจฉัยโรคที่เกี่ยวกับกระดูกและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมถึงโรคกระดูกขาดเลือดได้อีกด้วย
- การเจาะข้อ (aspiration) ในกรณีที่ต้องการหาสาเหตุที่ชัดเจน แพทย์จะใช้เข็มดูดน้ำจากข้อเข่าเพื่อนำไปตรวจวิเคราะห์ วิธีนี้สามารถช่วยแยกโรคได้ เช่น ข้อเข่าติดเชื้อ โรคเกาต์แท้ โรคเกาต์เทียม หรือข้อเข่าบวมจากอุบัติเหตุ
วิธีการรักษา ภาวะเข่าบวมน้ำ
การรักษาภาวะเข่าบวมน้ำต้องเริ่มจากการวินิจฉัยหาสาเหตุที่แท้จริงก่อน เพื่อให้การรักษาตรงจุดและได้ผลดีที่สุด แนวทางการรักษาจะขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ ดังนี้
- กรณีเกิดจากอุบัติเหตุหรือบาดเจ็บ หากข้อเข่าบวมน้ำจากการบาดเจ็บ แพทย์จะส่งตรวจเอกซเรย์หรือเอ็มอาร์ไอ (MRI) เพื่อประเมินการฉีกขาดของเส้นเอ็นหรือโครงสร้างภายในข้อเข่า จากนั้นจะรักษาตามอาการ เช่น ให้พักการใช้งาน ประคบเย็น หรือในบางกรณีอาจต้องผ่าตัดซ่อมแซมเส้นเอ็น
- กรณีเกิดจากการติดเชื้อในข้อเข่า หากตรวจพบการติดเชื้อ แพทย์จะทำการผ่าตัดล้างข้อเข่าเพื่อลดการติดเชื้อ พร้อมกับให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำอย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนรุนแรง
- กรณีเกิดจากโรคเรื้อรัง เช่น เกาต์แท้หรือเกาต์เทียม หากเข่าบวมน้ำเกิดจากโรคเกาต์หรือโรคข้อเรื้อรังอื่น ๆ แพทย์จะให้ยาตามชนิดของโรค เช่น ยาลดกรดยูริกหรือยาต้านการอักเสบ หากอาการไม่ดีขึ้น อาจพิจารณาฉีดยาลดการอักเสบเข้าสู่ข้อเข่าโดยตรง
วิธีป้องกันภาวะเข่าบวมน้ำ
การป้องกันภาวะเข่าบวมน้ำสามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้
- ดูแลน้ำหนักตัว ให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมเพื่อลดแรงกดทับที่ข้อเข่า
- ออกกำลังกายอย่างเหมาะสม เลือกกิจกรรมที่ไม่กระแทกเข่ามาก เช่น ว่ายน้ำ ปั่นจักรยาน หรือเดินเร็ว
- ลดความเสี่ยงที่ทำให้เกิดการบาดเจ็บของข้อเข่า อาทิเช่น การใส่อุปกรณ์พยุงข้อเข่าขณะเล่นกีฬา หลีกเลี่ยงการนั่งย่องๆ เป็นต้น
- เลือกใส่รองเท้าที่เหมาะสม มีพื้นรองรับแรงกระแทกดี ลดโอกาสข้อเข่าบาดเจ็บ
- บริหารกล้ามเนื้อรอบข้อเข่า เช่น การยืดเหยียดกล้ามเนื้อกลุ่มหน้าขา หลังขา เพื่อเพิ่มความแข็งแรงและความยืดหยุ่น
- ใส่ใจอาการผิดปกติ หากเริ่มมีอาการเจ็บหรือบวม ควรหยุดพักและหาวิธีดูแล ไม่ฝืนใช้เข่าจนเกินไป
ภาวะเข่าบวมน้ำ อาจดูเหมือนเรื่องเล็กน้อยในช่วงแรก แต่หากละเลย ไม่รักษาอย่างถูกต้อง อาจลุกลามจนกระทบการใช้ชีวิตได้ในระยะยาว ดังนั้น หากคุณมีอาการเข่าบวม งอไม่ได้ เดินลำบาก หรือรู้สึกปวดตึงบริเวณเข่า ควรหมั่นสังเกตตนเอง และรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการดูแลที่เหมาะสม เพราะยิ่งรักษาเร็ว โอกาสฟื้นตัวและกลับมาใช้งานข้อเข่าได้อย่างปกติก็จะยิ่งมีมากขึ้น
ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.กุลพัชร จุลสําลี
ศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ