นอนกรน,กรน,ภาวะเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ,นอนหลับ
หน้าแรก
นอนกรน ภัยใกล้ตัวอันตรายถึงชีวิต !

นอนกรน ภัยใกล้ตัวอันตรายถึงชีวิต !

อาการ นอนกรน มักเกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนแคบจากโครงสร้างต่าง ๆ เช่น อ้วน ทอนซิลโต และลิ้นไก่ยาว และการหย่อนตัวผิดปกติขณะหลับของทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดการอุดกั้นระบบทางเดินหายใจจนเกิดการสั่นสะเทือนจึงเกิดเสียงกรนออกมา และอาจส่งผลให้เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดอั้นได้

นอนกรน อันตรายหรือไม่ ?

  1. การกรนธรรมดา (primary snoring) และกลุ่มอาการทางเดินหายใจส่วนบนมีแรงต้าน (UPPER airway resistance syndrome) คือ อาการนอนกรนที่เกิดจากการตีบแคบของทางเดินหายใจส่วนบน อาจพบอาการหยุดหายใจขณะหลับได้แต่ไม่เกินเกณฑ์ที่กำหนดในการวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น
  2. การนอนกรนที่อันตราย คือ อาการนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับถึงเกณฑ์ที่กำหนดในการวินิจฉัยว่าเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (obstructive sleep apnea – OSA) เกิดจากทางเดินหายใจส่วนบนที่ตีบแคบมากขึ้นเรื่อย ๆ จนหยุดหายใจไปชั่วขณะ ทำให้อากาศผ่านได้น้อยลง โดยจะมีอาการนอนกรนเสียงดังแล้วหยุดเงียบไปชั่วระยะเวลาหนึ่งบางคนจะมีการสะดุ้งหายใจเฮือกขึ้นมาตอนกลับมาหายใจอีกครั้ง

โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) กับการนอนกรน

โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้นหากเป็นมากอาจส่งผลกระทบต่อร่างกายได้ เพราะอาจได้รับออกซิเจนไม่เพียงพอในจังหวะที่หยุดหายใจ ในขณะนอนหลับอาจไม่รู้ตัวว่ากำลังหยุดหายใจ การนอนกรนเป็นสัญญาณเตือนอย่างหนึ่งของโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น โดยคนที่นอนกรนมีโอกาสพบภาวะหยุดหายใจขณะหลับเพิ่มมากขึ้น หากมีอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับ ถ้าเป็นมากและไม่รีบรับการรักษาอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว เช่น เสี่ยงต่อการเกิดโรคความดันเลือดสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจเสียจังหวะ อัมพฤกษ์ อัมพาต โรคหลอดเลือดแดงโคโรนารี ต้อหิน กรดไหลย้อน โรคตับ ภาวะแทรกซ้อนขณะตั้งครรภ์ และสมรรถภาพทางเพศลดลงได้

ผลเสียของการ นอนกรน

การนอนกรนธรรมดาที่ไม่ได้เกิดร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับอาจไม่เป็นอันตราย แต่เสียงกรนอาจทำให้ผู้ที่นอนด้วยนอนหลับยากจนเกิดปัญหาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างหรือคนใกล้ชิด แม้จะบอกว่าอาจไม่มีอันตรายแต่การนอนกรนเป็นประจำก็ทำให้หายใจลำบาก อาจเจ็บคอจากการนอนกรนได้ จึงควรเข้ารับการรักษาและหาสาเหตุอย่างถูกต้อง

ปัจจัยเสี่ยงของอาการนอนกรนและหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (OSA) ?

เช่น

  • กล้ามเนื้อในช่องคอหย่อนหรือตีบแคบผิดปกติ ไปอุดกั้นช่องทางเดินหายใจส่วนบน
  • อ้วน มีไขมันในช่องคอมาก
  • มีก้อนในช่องทางเดินหายใจ เช่น ต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์โต เป็นสาเหตุหลักของการนอนกรนและเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับในเด็ก
  • ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 
  • รับประทานยานอนหลับ ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาที่มีฤทธิ์กดประสาท 
  • มีช่องคอแคบโดยกำเนิดหรือมีโครงหน้าที่เป็นอุปสรรคต่อทางเดินหายใจ เช่น คางถอย โคนลิ้นใหญ่ ช่องจมูกคด เทอร์บิเนตโตเกิน

นอนกรน,กรน,ภาวะเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ,นอนหลับ

กลุ่มเสี่ยงที่อาจพบการกรนและหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น

เช่น

  • ผู้ที่มีโรคทางหัวใจ อัมพาต ความดันเลือดสูง (ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนมาจากโรคกรนและหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น)
  • โรคภูมิแพ้
  • พบในเพศชายมากกว่าเพศหญิง
  • เพศหญิงในวัยหมดประจำเดือน
  • ผู้ที่มีคางถอยผิดปกติ
  • โครงสร้างของช่องจมูกแคบ เช่น สันจมูกคด เทอร์บิเนตโตขึ้น
  • น้ำหนักเกินมาตรฐานทำให้ทางเดินหายใจแคบ
  • รับประทานยาที่ทำให้เกิดอาการง่วง เช่น ยานอนหลับ หรือยาระงับประสาทหรือยาระงับความรู้สึก
  • ผู้ที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ

ผู้หญิงกับอาการนอนกรน

ปัจจัยที่ทำให้เกิดการนอนกรนในผู้หญิงเพิ่มขึ้น

คือช่วงระยะหลังหมดประจำเดือน (postmenopause) มีโอกาสที่จะเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับมากขึ้น โดยมีสาเหตุมาจากสูญเสียฮอร์โมนที่สำคัญ

ปัญหานอนกรนในเด็ก

เด็กนอนกรนถ้าเป็นร่วมกับภาวะหยุดหายใจขณะหลับยิ่งเสี่ยงอันตรายมักมีสาเหตุมาจากต่อมทอนซิลหรือต่อมอะดีนอยด์โต ผู้ปกครองควรระวังและหมั่นสังเกตอยู่เสมอ เพราะในบางกรณีอาจไม่ได้มีอาการนอนกรนเพียงอย่างเดียวแต่เป็นภาวะหยุดหายใจขณะหลับด้วย หากปล่อยให้มีอาการบ่อยครั้งในช่วงของการเจริญเติบโต อาจมีปัญหาต่อระบบประสาทและพฤติกรรมของเด็กได้

นอนกรน อย่างไรควรเข้าพบแพทย์

คนที่มีอาการนอนกรนร่วมกับอาการสะดุ้งตื่นกลางดึกเพื่อหาอากาศหายใจ มีอาการอ่อนเพลียหรือเวียนศีรษะในตอนเช้า ง่วงระหว่างวัน และบางรายอาจมีความต้องการทางเพศลดลงหรือมีภาวะแทรกซ้อนที่เกี่ยวข้อง เช่น ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ อัมพาต หรือทำให้คนรอบข้างนอนไม่หลับ ควรเข้ารับการตรวจโดยแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและรักษาอาการนอนกรนต่อไป

นอนกรน,กรน,ภาวะเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ,นอนหลับ

การตรวจการนอนหลับ (sleep test)

สำหรับคนที่มีความเสี่ยงสูงในการเป็นโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เช่น มีอาการนอนกรนเสียงดัง กรนเป็นประจำ กรนในทุกท่วงท่าการนอน หรือสงสัยว่ามีภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เช่น มีการตื่นหายใจเฮือกกลางคืนบ่อย ๆ อ่อนเพลียในตอนเช้า ง่วงนอนมากระหว่างวันบ่อย ๆ ทั้งที่ชั่วโมงนอนเพียงพอแล้ว มีโรคประจำตัวที่อาจเกี่ยวข้อง เช่น ความดันเลือดสูง ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางเพื่อตรวจหาสาเหตุและอาจส่งตรวจการนอนหลับ

การตรวจการนอนหลับ หรือ sleep test เป็นการตรวจการทำงานของระบบต่าง ๆ ของร่างกายขณะนอนหลับเพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติที่เกิดขึ้นระหว่างการนอนหลับที่ไม่ใช่แค่อาการนอนกรน แต่บางคนที่มีความผิดปกติอื่น ๆ ระหว่างนอนหลับก็สามารถตรวจพบได้ด้วยวิธีนี้ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการวางแผนและติดตามการรักษาได้อย่างถูกต้อง มีระดับความละเอียดในการตรวจหลายระดับ ตั้งแต่การตรวจแบบละเอียดที่สุดจนถึงการตรวจเพื่อค้นหาปัญหาบางชนิด

นอนกรน,กรน,ภาวะเสี่ยงหยุดหายใจขณะหลับ,นอนหลับ

วิธีป้องกันหรือบรรเทาอาการ นอนกรน

  • หากมีอาการคัดจมูกจากภูมิแพ้ควรรักษา
  • หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ช่วงใกล้นอน
  • หลีกเลี่ยงการใช้ยาระงับประสาทและยานอนหลับ
  • คุมอาหาร ลดน้ำหนักในกลุ่มที่มีภาวะอ้วนหรือมีค่า BMI เกินมาตรฐาน
  • ปรึกษาแพทย์เพื่อหาสาเหตุ วินิจฉัย และการรักษาที่ถูกต้อง

วิธีรักษาอาการนอนกรน

ขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรง เช่น 

  • ปรับเปลี่ยนท่านอน เช่น การนอนตะแคงอาจดีขึ้นในผู้ป่วยบางราย
  • หากอ้วนควรลดน้ำหนัก รักษาน้ำหนักให้ได้ตามมาตรฐาน
  • ใช้เครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP) เพื่อเปิดทางเดินหายใจที่ตีบแคบให้กว้างขึ้น
  • ใส่อุปกรณ์ดึงลิ้นหรือกรามให้เลื่อนไปด้านหน้า
  • การผ่าตัดแก้ทางเดินหายใจส่วนที่ตีบแคบ หย่อน ให้กว้างขึ้น เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุจี้เทอร์บิเนตอันล่าง การผ่าตัดตกแต่งผนังกลางจมูก การตัดทอนซิล การผ่าตัดเพดานโคนลิ้นและคอหอย และการผ่าตัดเลื่อนขากรรไกรบนและล่างมาด้านหน้า

อาการนอนกรนอาจส่งผลเสียทั้งกับตัวเองและคนรอบข้าง หากมีปัญหานอนกรนควรเข้ารับคำปรึกษาจากแพทย์เฉพาะทางจะดีที่สุด เพื่อจะได้ค้นหาสาเหตุ ภาวะแทรกซ้อน และความผิดปกติที่เกิดจากการนอนกรน เช่น โรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น เพื่อรับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที

 

ข้อมูลจาก

อ. พญ.นวรัตน์ อภิรักษ์กิตติกุล 

ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา 

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 

มหาวิทยาลัยมหิดล

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไก่สดไม่ควรล้างจริงหรือ-ความจริงที่หลายคนยังเข้าใจผิด
การล้างไก่สดก่อนปรุงอาจกระจายเชื้อแบคทีเรียอย่างแคมไพโลแบคเตอร์ไปยังอ่างล้างจานและเครื่องครัว เสี่ยงปนเปื้อนอาหารและทำให้เกิดโรคท้องร่วง
บทความสุขภาพ
28-05-2025

4

โรคพยาธิในช่องคลอด-ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในร่างกายผู้หญิง
โรคพยาธิในช่องคลอดเกิดจากการติดเชื้อโปรโตซัว มักมีอาการตกขาวมีกลิ่น คัน แสบ หากไม่รักษาอาจลุกลามและส่งผลต่อระบบสืบพันธุ์ของผู้หญิง
บทความสุขภาพ
25-05-2025

5

ปานสีน้ำตาล-ภาวะผิวผิดปกติที่พบได้ตั้งแต่กำเนิด
ปานสีน้ำตาลเกิดจากเม็ดสีผิวผิดปกติ อาจเป็นเพียงความสวยงามตามธรรมชาติหรือสัญญาณโรคร้าย ควรหมั่นสังเกตขนาด สี และรูปร่างที่เปลี่ยนแปลง
บทความสุขภาพ
22-05-2025

2

ท้องลม สัญญาณเตือนที่คุณแม่ต้องรู้
ท้องลมหรือการตั้งครรภ์ที่ไม่มีตัวอ่อน อาจเกิดจากความผิดปกติของไข่ที่ปฏิสนธิแล้ว ควรสังเกตอาการและตรวจอัลตราซาวด์ตามนัดอย่างใกล้ชิด
บทความสุขภาพ
18-05-2025

8

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL