หักนิ้ว กลายเป็นพฤติกรรมประจำของใครหลายคน ไม่ว่าจะกำลังคิดงาน เครียด หรือแค่รู้สึกเมื่อยมือ เสียง “กร๊อบ” ที่ดังขึ้นชั่วขณะอาจให้ความรู้สึกสบาย แต่ก็ทำให้เกิดคำถามตามมาว่า หักนิ้วบ่อย ๆ แบบนี้ จะส่งผลเสียในระยะยาวหรือไม่ ? โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่อง “ข้อเสื่อม” ที่หลายคนกังวล
บทความนี้จะพาไปหาคำตอบว่าเสียงหักนิ้วจริง ๆ แล้วเกิดจากอะไร การหักนิ้วเป็นอันตรายต่อข้อต่อจริงไหม รวมถึงแนะนำท่าบริหารนิ้วง่าย ๆ ที่ช่วยลดนิสัยการหักนิ้วได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อสุขภาพนิ้วมือที่ดีในระยะยาว
เสียงหักนิ้ว เกิดจากอะไร ?
เสียง “ก็อก” ที่ได้ยินขณะหักนิ้วมือหรือข้อนิ้ว เกิดจากการแตกตัวของฟองอากาศในของเหลวหล่อลื่นที่เรียกว่า น้ำไขข้อ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยลดแรงเสียดทานระหว่างข้อต่อ ทำให้สามารถงอ เหยียด และเคลื่อนไหวได้ลื่นไหล ไม่ติดขัด
เมื่อมีแรงกดหรือการเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วบริเวณข้อนิ้ว ความดันภายในน้ำไขข้อจะลดลงทันที ส่งผลให้เกิดฟองอากาศ และเมื่อฟองเหล่านี้แตกตัว ก็จะเกิดเสียง “ก็อก” หรือ “เป๊าะ” ที่หลายคนคุ้นเคยเวลาหักนิ้วนั่นเอง
หักนิ้วบ่อย ๆ อันตรายไหม ?
การหักนิ้วบ่อย ๆ โดยทั่วไปไม่ได้ส่งผลเสียหรือเป็นอันตรายโดยตรงต่อข้อนิ้วในคนปกติ แต่หากทำเป็นประจำหรือใช้แรงมากเกินไป ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะ ข้อหลวม หรือ ข้อนิ้วอักเสบ ได้
ในผู้ที่มีภาวะ ข้อเสื่อมอยู่แล้ว การหักนิ้วอาจเร่งให้ข้อเสื่อมมากขึ้น อีกทั้งทุกครั้งที่หักนิ้ว ปลอกหุ้มข้อและเส้นเอ็นรอบ ๆ ข้อจะถูกยืดออก หากทำซ้ำบ่อยครั้ง อาจทำให้ข้อต่อเกิดความหลวมและเคลื่อนไหวผิดปกติในระยะยาวได้
ทำไมหลายคนถึงติดการหักนิ้ว ?
สาเหตุที่หลายคนติดหักนิ้วมีทั้งทางร่างกายและจิตใจ เช่น
- ความเครียดหรือความเบื่อหน่าย หักนิ้วเป็นเหมือนกลไกคลายความเครียดอย่างหนึ่ง
- ความรู้สึกผ่อนคลาย เสียงหักนิ้วให้ความรู้สึกเหมือนขยับข้อแล้วโล่งสบาย
- พฤติกรรมที่เกิดจากความเคยชิน เมื่อทำบ่อย ๆ สมองจะจดจำและเรียกร้องพฤติกรรมเดิมซ้ำ
ในบางราย การหักนิ้วอาจเป็นส่วนหนึ่งของอาการวิตกกังวล หรือเป็นนิสัยที่เกิดร่วมกับการกัดเล็บหรือขยับมืออยู่ตลอดเวลา
หักนิ้ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้น
ภายในข้อของกระดูกจะมีน้ำใส ๆ ที่มีหน้าที่ช่วยหล่อลื่นข้อต่อต่าง ๆ ของกระดูกให้สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างอิสระ ไหลลื่น ไม่ฝืดเคืองหรือเกิดการเสียดสีกันระหว่างกระดูก หากไปบิดหรือหักกระดูกนิ้วบ่อย ๆ ก็อาจจะเป็นการเพิ่มช่องว่างระหว่างกระดูกให้เพิ่มมากขึ้นจนส่งผลให้แรงดันอากาศต่ำภายในข้อต่อเพิ่มมากขึ้นและส่งผลให้น้ำที่หล่อลื่นข้อต่ออยู่ไหลออกไปอยู่ในพื้นที่ช่องว่างนั้น ซึ่งเสียงที่ดังกร็อบแกร็บที่ได้ยินเป็นเสียงที่เกิดจากน้ำหล่อเลี้ยงข้อต่อไหลออกไปสู่พื้นที่ว่างที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่ภายในข้อต่ออย่างรวดเร็ว ไม่ได้เป็นเสียงที่เกิดจากกระดูกหรือกล้ามเนื้อ
หักนิ้วบ่อย เสี่ยงนิ้วล็อกจริงไหม ?
แม้การหักนิ้วบ่อย ๆ จะฟังดูน่ากังวล แต่ในความเป็นจริง ไม่ได้เป็นสาเหตุโดยตรงของอาการนิ้วล็อก อย่างที่หลายคนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม การหักนิ้วเป็นประจำอาจทำให้ข้อนิ้วมีลักษณะบวม หรือโปนใหญ่กว่าคนทั่วไป ซึ่งเป็นเพียงผลกระทบด้านรูปลักษณ์ภายนอกเท่านั้น
สำหรับภาวะ นิ้วล็อก (trigger finger) นั้น เกิดจากการที่ ปลอกหุ้มเอ็นกล้ามเนื้อบริเวณนิ้วเกิดการอักเสบและหนาตัวขึ้น ทำให้เอ็นเคลื่อนไหวผ่านปลอกหุ้มได้ลำบาก ส่งผลให้นิ้วงอหรือเหยียดติดขัด บางครั้งต้องใช้มืออีกข้างช่วยดันนิ้วให้เหยียดออก
สาเหตุส่วนใหญ่มักมาจาก การใช้งานมืออย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน เช่น การถือของหนัก การพิมพ์คอมพิวเตอร์ การเล่นมือถือ หรือแท็บเล็ตโดยไม่ได้พัก ส่งผลให้เอ็นบริเวณนิ้วมือถูกใช้งานหนักเกินไป จึงเกิดการอักเสบและนำไปสู่อาการนิ้วล็อกในที่สุด
ดังนั้น แม้หักนิ้วจะไม่ใช่ต้นเหตุของนิ้วล็อกโดยตรง แต่หากคุณมีพฤติกรรมใช้งานนิ้วมือหนักร่วมด้วย ก็ควรดูแลและพักมืออย่างเหมาะสมเพื่อลดความเสี่ยง
5 ท่าบริหารนิ้ว ลดพฤติกรรมหักนิ้ว
การบริหารนิ้วเป็นประจำช่วยลดความเครียด บรรเทาความเมื่อยล้า และลดความอยากหักนิ้วโดยไม่จำเป็น ท่าง่าย ๆ ที่สามารถทำได้ทุกวันมีดังนี้
ท่ายืดกล้ามเนื้อเอกซ์เทนเซอร์
แบมือ กางนิ้ว วางมือแนบบนพื้นราบ เช่น บนโต๊ะ ใช้นิ้วมืออีกข้างดึงนิ้วแต่ละนิ้วขึ้นช้า ๆ ให้ได้สูงที่สุดโดยที่ไม่รู้สึกตึงหรือเจ็บและนิ้วอื่นยังติดอยู่กับพื้น ค้างไว้ 2-3 วินาที แล้วค่อย ๆ ปล่อยนิ้วลง ทำซ้ำกับนิ้วมืออีกข้าง ทำท่านี้วันละ 3 เซต
ท่ายกนิ้ว
แบมือ กางนิ้ว วางมือแนบบนพื้นราบ เช่น บนโต๊ะ ยกนิ้วแต่ละนิ้วขึ้นช้า ๆ ให้ได้สูงที่สุดโดยที่ไม่รู้สึกตึงหรือเจ็บและนิ้วอื่นยังติดอยู่กับพื้น เอานิ้วลงช้า ๆ ทำให้ครบทั้ง 5 นิ้ว ยกนิ้วทั้ง 5 นิ้วขึ้นพร้อมกันค้างไว้ 2-3 วินาที เอานิ้วลงช้า ๆ ทำซ้ำกับนิ้วมืออีกข้าง 8-12 ครั้ง
ท่าบีบมือ
วางสิ่งของลักษณะเป็นทรงกลมขนาดพอดีมือ เช่น ลูกปิงปอง ไว้กลางฝ่ามือบีบให้แน่นแล้วค้างไว้ 2-3 วินาที คลายมือช้า ๆ และกางนิ้วมือให้สุด ทำซ้ำ 2-3 ครั้งกับนิ้วมืออีกข้าง ทำท่านี้อย่างน้อยวันละ 2 เซต
ท่าเหยียดนิ้ว
จรดปลายนิ้วทั้งห้าเข้าด้วยกัน ใช้หนังยางหรือยางรัดผมรัดนิ้วทั้งห้าไว้ด้วยกัน พยายามเหยียดนิ้วแต่ละนิ้วออกให้ได้มากที่สุดและจรดนิ้วให้ชิดกันทำซ้ำ 10 ครั้ง กับนิ้วมืออีกข้าง ทำท่านี้วันละ 3 เซต
ท่ากำหมัด
กำหมัดเบา ๆ โดยให้นิ้วโป้งอยู่ข้างนอกพาดทับนิ้วอื่น ค้างไว้ 30-60 วินาที คลายมือช้า ๆ จากนั้นกางนิ้วและเหยียดนิ้วให้สุด ทำซ้ำกับนิ้วมืออีกข้างอย่างน้อย 4 เซต
แม้การหักนิ้วจะยังไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าทำให้ข้อเสื่อมโดยตรง แต่การทำบ่อย ๆ โดยไม่ระวังอาจส่งผลให้เกิดการระคายเคืองของเนื้อเยื่อรอบข้อต่อ หรือข้ออักเสบได้ได้ ดังนั้น หากรู้ตัวว่ามีพฤติกรรมหักนิ้วบ่อย ควรเริ่มปรับพฤติกรรมด้วยการบริหารนิ้วแทน ช่วยให้มือผ่อนคลายโดยไม่ต้องพึ่งเสียง “กร๊อบ” เพื่อสุขภาพข้อนิ้วในระยะยาว
ข้อมูลจาก
ผศ. ดร. นพ.ไพฑูรย์ เบ็ญจพรเลิศ
ภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ