การศัลยกรรมจมูก ที่ปลอดภัย เป็นอย่างไร
หน้าแรก
การศัลยกรรมจมูกที่ปลอดภัย เป็นอย่างไร

การศัลยกรรมจมูกที่ปลอดภัย เป็นอย่างไร

การศัลยกรรมจมูก กลายเป็นเทคนิคเสริมความงามยอดนิยม ซึ่งทำได้โดยการผ่าตัดจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ก่อนเข้ารับการศัลยกรรมจมูกต้องศึกษาข้อมูลหลายอย่าง เพื่อเตรียมตัวให้เหมาะสมสู่การศัลยกรรมบนพื้นฐานของความปลอดภัย

การศัลยกรรมจมูก แบ่งออกเป็น 2 วิธี ได้แก่

  1. การใช้เนื้อเยื่อตัวเองและการใช้วัสดุภายนอก เนื้อเยื่อตัวเองที่ใช้ในการเสริมจมูก เช่น กระดูกซี่โครง ไขมัน กระดูกอ่อนหลังหู เป็นต้น
  2. การใช้วัสดุภายนอกคือการใช้ซิลิโคน ซึ่งจะได้รับความนิยมมากกว่าการใช้เนื้อเยื่อ เนื่องจากการใช้ซิลิโคนมักได้รูปร่างที่ต้องการมากกว่า แบ่งออกเป็น 2 แบบ คือซิลิโคนแบบแท่งและซิลิโคนแบบบล๊อก และซิลิโคนที่ถูกนำมาใช้ในการศัลยกรรมจมูกนั้นจะต้องเป็นซิลิโคนเฉพาะที่มีเกรดทางการแพทย์ (Medical grade)

ก่อนทำศัลยกรรมจมูกสิ่งที่จะต้องศึกษา

คือข้อมูลที่เกี่ยวข้องหลายอย่าง เช่น แพทย์ที่จะทำ สถานที่ที่จะเข้ารับบริการ วิธีการเสริม การเตรียมตัวก่อนผ่าตัด การดูแลหลังผ่าตัด เป็นต้น และควรใช้วิจารณญาณในการแยกแยะระหว่างข้อมูลจริงและข้อมูลโฆษณาชวนเชื่อ

ซิลิโคนที่ใช้ในการเสริมจมูกมีทั้งแบบนิ่มและแบบแข็ง

หากคนไข้มีผนังจมูกบางควรใช้ซิลิโคนแบบนิ่ม เพราะถ้าใช้แบบแข็งอาจทำให้เกิดการทะลุ และถ้าหากคนไข้มีผนังจมูกที่หนาควรใช้ซิลิโคนแบบแข็ง เพราะถ้าใช้แบบนิ่มจะทำให้มองไม่ออกว่ามีการเสริมจมูกหรือมองไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปจมูก

สิ่งที่อันตรายที่สุดของการศัลยกรรมจมูก คือ

การเสริมจมูกแบบฉีด เป็นสิ่งที่ไม่เป็นที่ยอมรับในวงการแพทย์และผิดกฏหมาย เมื่อเกิดปัญหาไม่สามารถรักษาหรือเอาออกได้ เนื่องจากมีการแทรกซึมและกระจายอยู่ทั่ว โดยผลข้างเคียงของการเสริมจมูกแบบฉีดที่พบบ่อยคืออาการบวมแดงที่เกิดจากการอักเสบ และไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

ขั้นตอนการเสริมจมูก

  1. คนไข้กินยานอนหลับแล้วนอนลงบนเตียง
  2. แพทย์ทำการฉีดยาชา
  3. แพทย์ทำการตรวจสอบความพร้อมร่างกายของคนไข้
  4. แพทย์ทำการตรวจสอบความชาของร่างกายคนไข้
  5. แพทย์เริ่มลงมีดเพื่อทำการผ่าตัด โดยตำแหน่งของการผ่าตัดจะอยู่ในรูจมูกส่วนปลายของจมูกแถวขนจมูก
  6. แพทย์ทำการเลาะแผลผ่าตัดเพื่อให้มีขนาดรองรับกับขนาดของซิลิโคน
  7. ใส่ซิลิโคนเข้าไปที่บริเวณดังกล่าว

การดูแลหลังผ่าตัด

  1. ประคบเย็น 4-5 วันหลังผ่าตัด เพื่อให้เลือดหยุดไหล หากไม่ประคบเย็นจะทำให้เกิดเลือดออกและมีพังผืดเกิดขึ้น ส่งผลให้จมูกเบี้ยวได้
  2. ดูแลแผลในโพรงจมูกด้วยไม้พันสำลีเช็ดน้ำเกลือ อย่าใช้แอลกอฮอล์ เบตาดีน หรือยาฆ่าเชื้อโรคที่แสบรุนแรง
  3. หลีกเลี่ยงการไปในที่ที่มีฝุ่นละอองมากประมาณ 1 สัปดาห์ ป้องกันการไอหรือจาม
  4. พบแพทย์ตามนัดเพื่อตัดไหม
  5. สามารถนอนตะแคงได้ ไม่ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนที่ เพราะโดยปกติแล้วแพทย์จะทำการติดเทปเอาไว้เพื่อป้องกันการเคลื่อนที่อยู่แล้ว แต่ให้หลีกเลี่ยงการนอนคว่ำ
  6. หลีกเลี่ยงอาหารที่ตนเองแพ้ และอาหารที่ทำให้หน้าบวมแดง เช่น อาหารที่ร้อนจัด อาหารที่มีรสเผ็ด อาหารรสเค็ม แอลกอฮอล์ บุหรี่ เป็นต้น

การระวัง

  1. หลังผ่าตัดภายในเวลา 1 เดือน ห้ามให้เกิดการกระแทกที่บริเวณจมูกเด็ดขาด เช่น หลีกเลี่ยงการชน หลีกเลี่ยงการเล่นกีฬาที่มีการกระแทก เช่น บอล บาสเก็ตบอล ฯลฯ หลังจาก 1 เดือนจมูกจะเข้าที่แล้วสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ
  2. ห้ามแคะ แกะ เกา หรือขยี้บริเวณจมูก เพราะจะทำให้เกิดการติดเชื้อ

การแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้น

  1. จมูกเบี้ยว เนื่องจากการเสริมแท่งซิลิโคนในขนาดที่ใหญ่เกินไป หรือเกิดจากการบกพร่องของการติดเทปในช่วงสัปดาห์แรก ทำให้ซิลิโคนลอยและมีโอกาสบิดซ้ายขวาสูงขึ้น ทำให้เกิดอาการบวมมาก วิธีการแก้ไขคือผ่าตัดใหม่ โดยแพทย์จะเอาแท่งซิลิโคนเก่าออกแล้วให้คนไข้พักจมูกสัก 2-3 เดือน เพื่อทำการเสริมซิลิโคนแท่งใหม่เข้าไป
  2. ซิลิโคนทะลุ มีสาเหตุมาจากการเสริมแท่งซิลิโคนที่ขนาดใหญ่เกินไปหรือซิลิโคนอยู่ในช่องที่ไม่มั่นคง ทำให้เลื่อนไปมาและเกิดการทะลุได้ วิธีการรักษาคือผ่าตัดใหม่โดยให้คนไข้พัก 2-3 เดือน ซึ่งแพทย์จะทำการรักษาตั้งแต่ในขั้นของซิลิโคนเกือบทะลุ คือเมื่อเริ่มมีตุ่มน้ำเกิดขึ้น หรือผนังเริ่มบางใสจนมองเห็นแท่งซิลิโคน

การเสริมจมูกที่ปลอดภัยจะต้องศึกษาข้อมูลให้ละเอียดก่อนตัดสินใจ ไม่ควรเสริมขนาดที่ใหญ่เกินไปเพราะจะทำให้เกิดการแทรกซ้อนได้ เช่น จมูกเบี้ยวหรือซิลิโคนทะลุ ควรเลือกขนาดแท่งที่พอดีกับใบหน้าและจมูกเดิม เพื่อลดความเสี่ยง ที่สำคัญควรปฏิบัติตนตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด

 

ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.เฉลิมพงษ์ ฉัตรดอกไม้ไพร
ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “สวยศาสตร์ EP.4 | ศัลยกรรมเสริมจมูก ทำอย่างไรถึงจะสวยอย่างปลอดภัย” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ก้อนที่คอ ใช่ไทรอยด์หรือไม่ เช็กให้ชัวร์
พบก้อนที่คอ อย่าชะล่าใจ อาจเป็นต่อมไทรอยด์โต ซีสต์ หรือก้อนเนื้ออื่น ๆ ตรวจให้ชัวร์เพื่อวางแผนรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
บทความสุขภาพ
26-07-2025

2

สะโพกเสื่อม ป้องกันอย่างไร
สะโพกเสื่อมทำให้ปวดสะโพก เดินลำบาก และกระทบการใช้ชีวิต รู้วิธีป้องกันด้วยการปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย และดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม
บทความสุขภาพ
21-07-2025

4

รู้ก่อน รับมือได้…กับอาการปวดข้อศอก
อาการปวดข้อศอกอาจเกิดจากการใช้งานซ้ำซาก หรือโรคข้ออักเสบ หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจกระทบการใช้งานแขน รู้ทันสาเหตุและแนวทางดูแลอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
14-07-2025

8

ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม
ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาพบบ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการเดินและใช้ชีวิตประจำวัน รู้วิธีดูแล ป้องกัน และบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-07-2025

17

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL