“ปวดท้องรุนแรง จุกแน่นแบบไม่เคยเป็นมาก่อน” อาจไม่ใช่แค่โรคกระเพาะธรรมดา เพราะอาการแบบนี้อาจเป็นสัญญาณเตือนของ “กระเพาะทะลุ” ภาวะที่อันตรายถึงชีวิตหากไม่รีบได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที หลายคนอาจคิดว่าแค่ปวดท้องคงไม่น่ากังวล แต่เมื่อเกิดกระเพาะทะลุขึ้นจริง ๆ จะส่งผลกระทบรุนแรงทั้งระบบทางเดินอาหารและอวัยวะภายในช่องท้อง การรู้ทันอาการ รู้สาเหตุ และการป้องกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
กระเพาะทะลุ คืออะไร
กระเพาะทะลุ หรือที่เรียกว่า gastric perforation คือภาวะที่ผนังของกระเพาะอาหาร ทำให้กรดในกระเพาะอาหาร เศษอาหาร และเชื้อแบคทีเรียรั่วไหลเข้าสู่โพรงช่องท้อง ภาวะนี้ถือเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาอย่างเร่งด่วน เนื่องจากอาจนำไปสู่การติดเชื้อในช่องท้องและกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้
กระเพาะทะลุ เกิดจากอะไร
สาเหตุของกระเพาะทะลุส่วนใหญ่เกิดจากภาวะแผลในกระเพาะอาหารเรื้อรังที่ไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม จนลุกลามลึกลงไปจนทะลุผนัง โดยสาเหตุหลัก ๆ ได้แก่
- การติดเชื้อแบคทีเรีย Helicobacter pylori (H. pylori) เป็นสาเหตุหลักของแผลในกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กส่วนต้น
- การใช้ยากลุ่ม NSAIDs เช่น ยาแก้ปวดกลุ่มไอบูโพรเฟน หรือแอสไพริน เป็นเวลานาน
- พฤติกรรมการบริโภค การดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ สูบบุหรี่ หรือกินอาหารรสจัด เป็นปัจจัยเสริมให้เยื่อบุกระเพาะอาหารอ่อนแอ
- ความเครียดเรื้อรัง มีผลต่อระบบทางเดินอาหารและการหลั่งกรด
- อุบัติเหตุหรือบาดเจ็บรุนแรง เช่น การเจาะทะลุจากอุปกรณ์ทางการแพทย์หรืออุบัติเหตุเฉียบพลัน
อาการของกระเพาะทะลุเป็นอย่างไร
อาการของกระเพาะทะลุจะมาอย่างรวดเร็วและรุนแรง โดยสัญญาณเตือนที่ควรระวัง ได้แก่
- ปวดท้องเฉียบพลันและรุนแรง มักเริ่มที่บริเวณใต้ลิ้นปี่หรือกลางท้อง อาการปวดจะเกิดขึ้นทันทีและรุนแรงอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
- ท้องแข็งและบวม หน้าท้องจะแข็งตึงและบวมผิดปกติ โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสหรือกดลงไป
- คลื่นไส้และอาเจียน ผู้ป่วยอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ร่วมกับอาการปวดท้อง
- ไข้และหนาวสั่น มีไข้สูง หนาวสั่น อ่อนเพลีย ซึ่งเป็นสัญญาณของการติดเชื้อในช่องท้อง
- ชีพจรเต้นเร็วและหายใจหอบเหนื่อย หัวใจเต้นเร็ว หายใจหอบเหนื่อย อาจเป็นสัญญาณของภาวะช็อกจากการติดเชื้อ
- อุจจาระ หรือผายลมน้อยลง การทำงานของระบบทางเดินอาหารอาจลดลง ส่งผลให้มีการขับถ่ายน้อยลง
หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เนื่องจากการรักษาที่ล่าช้าอาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น เยื่อบุช่องท้องอักเสบ หรือการติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
วิธีป้องกันกระเพาะทะลุ
แม้กระเพาะทะลุจะดูน่ากลัว แต่สามารถป้องกันได้ด้วยวิธีเหล่านี้
1. หลีกเลี่ยงการใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs โดยไม่จำเป็น
การใช้ยาแก้ปวดกลุ่ม NSAIDs เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน หรือยาสเตียรอยด์ เป็นเวลานานสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลและกระเพาะทะลุได้ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ยาเหล่านี้ และหากจำเป็นต้องใช้ ควรใช้ในขนาดและระยะเวลาที่แพทย์แนะนำ
2. งดการสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
การสูบบุหรี่และดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นประจำสามารถทำลายเยื่อบุกระเพาะอาหารและเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดแผลในกระเพาะอาหารและกระเพาะทะลุได้ การหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเหล่านี้จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว
3. รักษาแผลในกระเพาะอาหารอย่างจริงจัง
หากมีอาการของแผลในกระเพาะอาหาร เช่น ปวดท้อง แสบท้อง หรือจุกแน่น ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การรักษาแผลในกระเพาะอาหารอย่างต่อเนื่องและจริงจังสามารถป้องกันไม่ให้แผลลุกลามจนเกิดกระเพาะทะลุได้
4. จัดการความเครียดอย่างเหมาะสม
ความเครียดสามารถกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะอาหารมากขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดแผลและกระเพาะทะลุ การจัดการความเครียดด้วยวิธีต่าง ๆ เช่น การออกกำลังกาย นั่งสมาธิ หรือทำกิจกรรมที่ผ่อนคลาย จะช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะดังกล่าว
5. กินอาหารที่มีประโยชน์และหลีกเลี่ยงอาหารที่ระคายเคืองกระเพาะ
การกินอาหารที่มีใยอาหารสูง เช่น ผัก ผลไม้ และธัญพืช จะช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้เป็นปกติ ควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีรสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด หรือมันมาก ซึ่งอาจระคายเคืองเยื่อบุกระเพาะอาหาร
6. หลีกเลี่ยงการกลืนวัตถุแปลกปลอม
การกลืนวัตถุแปลกปลอม เช่น ของมีคมหรือสารกัดกร่อน สามารถทำลายผนังกระเพาะอาหารและทำให้เกิดการทะลุได้ ควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการกลืนวัตถุที่อาจเป็นอันตราย
ภาวะแทรกซ้อนของกระเพาะทะลุ
- ภาวะเลือดออก
- ภาวะติดเชื้อแบคทีเรียในช่องท้อง
- เกิดฝีในช่องท้อง
- ติดเชื้อในกระแสเลือด
การรักษากระเพาะทะลุ
การรักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของภาวะและสุขภาพโดยรวมของผู้ป่วย โดยมักต้องรักษาในโรงพยาบาลแบบฉุกเฉิน ซึ่งมีแนวทางหลัก ๆ ดังนี้
การผ่าตัด
เป็นการรักษาหลัก เพื่อไปซ่อมรูที่ทะลุ การผ่าตัดมีหลายวิธี ขึ้นอยู่กับตำแหน่งและขนาดของแผล รวมถึงสภาพร่างกายของผู้ป่วย การผ่าตัดควรดำเนินการภายใน 8 ชั่วโมงหลังจากวินิจฉัยเพื่อเพิ่มโอกาสในการฟื้นตัว การรักษาโดยไม่ผ่าตัดจะเลือกทำเป็นรายๆไป
การรักษาแผลในกระเพาะอาหาร
หากกระเพาะทะลุเกิดจากแผลในกระเพาะอาหาร การรักษาแผลเป็นสิ่งสำคัญ แพทย์อาจสั่งยาลดกรดในกระเพาะอาหาร เช่น ยากลุ่มโปรตอนปั๊มอินฮิบิเตอร์ (PPI) รวมถึงในกรณีติดเชื้อ helicobacter pylori ต้องให้ยาปฏิชีวนะเพื่อกำจัดเชื้อแบคทีเรีย helicobacter pylori ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของแผลในกระเพาะอาหารด้วย
การรักษาเยื่อบุช่องท้องอักเสบ
เมื่อกระเพาะทะลุ อาจทำให้เกิดการอักเสบของเยื่อบุช่องท้อง ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง การรักษาประกอบด้วยการให้ยาปฏิชีวนะทางหลอดเลือดดำเพื่อควบคุมการติดเชื้อ และการดูแลรักษาอื่น ๆ ตามอาการของผู้ป่วย
กระเพาะทะลุ เป็นภาวะอันตรายที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่ง เพราะหากไม่รีบรักษา อาจถึงขั้นเสียชีวิตได้ อย่างไรก็ตาม หากเราเรียนรู้ที่จะสังเกตอาการเบื้องต้น รู้จักป้องกัน และไม่ละเลยสัญญาณจากร่างกาย ก็สามารถหลีกเลี่ยงภาวะนี้ได้ หากคุณหรือคนใกล้ตัวมีอาการปวดท้องเฉียบพลันที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน อย่านิ่งนอนใจ รีบไปพบแพทย์ทันทีเพื่อความปลอดภัยของชีวิต
ข้อมูลโดย
ผศ. นพ.พงศศิษฎ์ สิงหทัศน์
สาขาวิชาศัลยศาสตร์อุบัติเหตุและเวชบำบัดวิกฤตศัลยกรรม ภาควิชาศัลยศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “ลัดคิวหมอ – กระเพาะทะลุ โรคสุดทรมานที่รักษาได้ 15/02/66 l RAMA CHANNEL” ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ