โรคหูดข้าวสุก โรคติดต่อทางผิวหนัง ป้องกัน ได้ก่อนลุกลาม
หน้าแรก
โรคหูดข้าวสุก​ โรคติดต่อทางผิวหนัง ป้องกัน​ได้ก่อนลุกลาม

โรคหูดข้าวสุก​ โรคติดต่อทางผิวหนัง ป้องกัน​ได้ก่อนลุกลาม

โรคหูดข้าวสุก (molluscum contagiosum) เป็นโรคติดต่อทางผิวหนังที่พบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ ลักษณะเด่นคือมีตุ่มเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวสุกที่อาจสร้างความไม่สบายใจให้กับผู้ป่วย แม้โรคนี้จะไม่ร้ายแรง แต่หากไม่ได้รับการดูแล อาจลุกลามหรือติดต่อไปยังผู้อื่นได้ บทความนี้จะพาไปรู้จักโรคนี้อย่างละเอียด พร้อมแนะนำวิธีการรักษาและป้องกันที่เหมาะสม

โรคหูดข้าวสุก​ คืออะไร

โรคหูดข้าวสุก​ คืออะไร

โรคหูดข้าวสุก (molluscum contagiosum) เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตระกูล  Molluscipox Genus มีระยะฟักตัวตั้งแต่ 3-12 สัปดาห์ โรคนี้สามารถพบได้ในคนทุกวัย แต่พบได้บ่อยในเด็กและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ พบมากในเด็กอายุ 1-10 ปี

การแพร่กระจายของโรค

โรคนี้แพร่กระจายผ่านการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มหูดหรือสิ่งของที่ปนเปื้อนเชื้อ เช่น ผ้าขนหนู เสื้อผ้า หรือของใช้ส่วนตัว โรคนี้ยังสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัสผิวหนังในระหว่างกิจกรรมทางกาย เช่น การเล่นกีฬา หรือการใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ

โรคหูดข้าวสุกเป็นอันตรายหรือไม่

แม้โรคนี้จะไม่ใช่โรคร้ายแรงและมักหายได้เองภายใน 6-12 เดือน แต่ในบางกรณี ถ้าไม่ได้รับการดูแลหรือรักษาอย่างเหมาะสม อาจลุกลามหรือแพร่กระจายไปยังบริเวณอื่นของร่างกาย หรือแม้กระทั่งติดต่อไปยังผู้อื่นได้

ดังนั้น การทำความเข้าใจโรคนี้และการป้องกันที่ถูกวิธีจะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อและการแพร่กระจายได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ลักษณะหูดข้าวสุก

ตุ่มหูดข้าวสุกมีลักษณะเป็นตุ่มนูน สีขาวหรือสีชมพู และมีจุดเว้าตรงกลางคล้ายเม็ดข้าวสุก มักพบได้ที่ใบหน้า คอ แขน ขา หรือบริเวณอื่นที่มีการสัมผัส 

โรคหูดข้าวสุก เกิดจาก

โรคหูดข้าวสุกเกิดจากการติดเชื้อไวรัสในตระกูล Molluscipox Genus ไวรัสชนิดนี้สามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการสัมผัสผิวหนังโดยตรงหรือทางวัตถุที่ปนเปื้อนเชื้อ

สาเหตุหลักของการติดเชื้อ

  1. การสัมผัสโดยตรง การสัมผัสผิวหนังของผู้ติดเชื้อ เช่น การเล่น การกอด หรือการสัมผัสบริเวณที่มีตุ่มหูดโดยไม่มีการป้องกัน
  2. การใช้ของส่วนตัวร่วมกัน การใช้ผ้าขนหนู เสื้อผ้า หรืออุปกรณ์ส่วนตัวร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ
  3. การสัมผัสในพื้นที่สาธารณะ เชื้อไวรัสสามารถปนเปื้อนได้ในพื้นที่ที่มีคนใช้งานร่วมกัน เช่น ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ หรือฟิตเนส ซึ่งมีโอกาสสูงในการแพร่กระจายเชื้อ

ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง เช่น ผู้ป่วย HIV หรือผู้ที่รับยากดภูมิคุ้มกัน มีความเสี่ยงสูงที่จะติดเชื้อไวรัสชนิดนี้

การรักษาโรคหูดข้าวสุก

การรักษา โรคหูดข้าวสุก

การรักษาหูดข้าวสุกสามารถทำได้หลายวิธี ขึ้นอยู่กับความรุนแรงและจำนวนตุ่มที่เกิดขึ้น วิธีที่นิยมได้แก่

  1. การใช้ยาเฉพาะที่ เช่น ครีมที่มีส่วนผสมของกรดซาลิไซลิกหรือเบนซอยล์เพอร์ออกไซด์
  2. การทำหัตถการทางการแพทย์ เช่น การจี้ด้วยความเย็น การขูดออก หรือการใช้เลเซอร์
  3. การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ควรปรึกษาแพทย์ผิวหนังเพื่อเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด

วิธีป้องกันหูดข้าวสุก

  • รักษาความสะอาดผิวหนัง อาบน้ำทุกวันและล้างมือบ่อย ๆ
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตุ่มหูด หากพบตุ่มหูดบนร่างกายควรหลีกเลี่ยงการเกา หรือสัมผัสบริเวณดังกล่าว
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น ผ้าขนหนูหรือเสื้อผ้า
  • ใส่เสื้อผ้าปกปิดมิดชิด หากต้องอยู่ในที่แออัดหรือมีการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้อื่น

โรคหูดข้าวสุกแม้จะไม่อันตราย แต่สามารถลุกลามและแพร่กระจายได้ง่าย หากได้รับการดูแลและป้องกันอย่างเหมาะสม โรคนี้จะหายเองหรือสามารถรักษาให้หายได้เร็วขึ้น รักษาความสะอาดและหลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันโรคนี้ หากคุณหรือคนใกล้ชิดมีอาการ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและการรักษาอย่างถูกต้อง

 

ข้อมูลโดย

อ. พญ.สัญชวัล วิทยากรฤกษ์
สาขาวิชาเวชศาสตร์ผู้ป่วยนอกเด็กและวัยรุ่น ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คลิกชมคลิปรายการ “โรคหูดข้าวสุก​ ป้องกัน​ได้ก่อนลุกลาม“ ได้ที่นี่


ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งลำไส้ โรคร้ายที่ไม่เลือกวัย
มะเร็งลำไส้ใหญ่พบได้ทุกวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ อาการแอบแฝง ตรวจพบเร็วช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต รู้ทันสัญญาณเตือนและแนวทางป้องกัน
บทความสุขภาพ
25-06-2025

5

Get to know “H. pylori” before becoming a victim of stomach cancer
เชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) อาจดูธรรมดาแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหาร หากตรวจพบเร็วสามารถรักษาและป้องกันได้ทัน
บทความสุขภาพ
23-06-2025

1

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิดอาการปวดหน้าเท้า
อาการปวดหน้าเท้าอาจเกิดจากรองเท้าไม่พอดี น้ำหนักตัว หรือการใช้งานเท้าเกินพอดี รู้วิธีป้องกันและบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
19-06-2025

5

กระเพาะทะลุ อาการโหดที่ไม่ควรมองข้าม รู้เร็ว รักษาได้ ไม่ต้องทนเจ็บ!
กระเพาะทะลุเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตราย เจ็บท้องเฉียบพลัน แน่นท้อง คลื่นไส้ ต้องรีบรักษาโดยเร็ว รู้ทันอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
บทความสุขภาพ
13-06-2025

6

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL