บทความ เรื่อง อาการ ปวดหลัง ร้าวลงขาไปถึงน่องหรือหลังเท้า เจ็บข้อพับเข่าด้านหลัง ปวดน่อง นิ้วเท้าชา หรือปวดคอเรื้อรังเป็นอาการของ หมอนรองกระดูกเสื่อม
หน้าแรก
อาการเสี่ยง ! หมอนรองกระดูกเสื่อม

อาการเสี่ยง ! หมอนรองกระดูกเสื่อม

ปวดตามร่างกายไม่ว่าจะเป็น ปวดหลัง ไหล่ หรือคอ ส่วนใหญ่มักพบว่าเกิดจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวันอย่างการนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลามากกว่า 8-12 ชั่วโมง หรือการนั่งผิดท่าเป็นเวลานาน ซึ่งอาจส่งผลให้หมอนรองกระดูกต้องรับน้ำหนักมากเกินไป และนำไปสู่ภาวะ หมอนรองกระดูกเสื่อม ซึ่งผู้ป่วยอาจมีอาการปวดจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน

หมอนรองกระดูกเสื่อม

เป็นภาวะความเสื่อมของหมอนรองกระดูกหรือชั้นเนื้อเยื่อที่อยู่ระหว่างข้อกระดูกสันหลังแต่ละข้อ มีหน้าที่ในการลดแรงกระแทกและกระจายน้ำหนักที่ส่งไปยังกระดูกสันหลังภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม สามารถเกิดขึ้นจากพฤติกรรมเสี่ยงที่ใช้กระดูกสันหลังไม่เหมาะสม เช่น การนั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน น้ำหนักตัวที่มากเกินไป หรือมีการบาดเจ็บที่กระดูกสันหลัง

บทความ เรื่อง อาการ ปวดหลัง ร้าวลงขาไปถึงน่องหรือหลังเท้า เจ็บข้อพับเข่าด้านหลัง ปวดน่อง นิ้วเท้าชา หรือปวดคอเรื้อรังเป็นอาการของ หมอนรองกระดูกเสื่อม

สาเหตุ หมอนรองกระดูกเสื่อม

  • อายุที่เพิ่มมากขึ้น
  • น้ำหนักตัวเกินเกณฑ์มาตรฐาน
  • พฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น นั่งในท่าเดิมเป็นเวลานาน แบกของหนัก
  • ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์มากเกินไป
  • สูบบุหรี่เป็นประจำ
  • ได้รับอุบัติเหตุบริเวณกระดูกสันหลัง

บทความ เรื่อง อาการ ปวดหลัง ร้าวลงขาไปถึงน่องหรือหลังเท้า เจ็บข้อพับเข่าด้านหลัง ปวดน่อง นิ้วเท้าชา หรือปวดคอเรื้อรังเป็นอาการของ หมอนรองกระดูกเสื่อม

อาการเสี่ยงหมอนรองกระดูกเสื่อม

  • ปวดบริเวณคอ ปวดหลัง เอว ไหล่ หรือหลังช่วงล่าง จนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ปวดแบบเป็น ๆ หาย ๆ เป็นเวลามากกว่า 2 สัปดาห์
  • ปวดทั่วแผ่นหลัง และปวดมากขึ้นบริเวณเอวอาจลามไปถึงขา
  • อาการเป็นมากขึ้นเวลานั่ง ก้มตัวหรือยกของหนัก
  • มีอาการเจ็บหลังจากเกิดอุบัติเหตุ

ระยะอาการ หมอนรองกระดูกเสื่อม

  • ระยะที่ 1 อาการในระยะแรกผู้ป่วยจะมีอาการปวดบริเวณหลังเป็น ๆ หาย ๆ อาการเป็นมากขึ้นเวลานั่งนาน ก้มตัว หรือยกของหนัก ซึ่งผู้ป่วยจะยังสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้เป็นปกติ แต่หากปล่อยไว้นานมากเกินไปผู้ป่วยมีโอกาสที่จะเกิดอาการปวดหลังเพิ่มมากขึ้นจนมีรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน
  • ระยะที่ 2 เป็นระยะที่หมอนรองกระดูกเริ่มมีการเคลื่อนหรือปลิ้นออกมาจนทับเส้นประสาท ส่งผลให้ผู้ป่วยมีอาการปวดร้าวตั้งแต่ช่วงคอลงไปถึงแขน หรือจากบริเวณหลังลงไปถึงขาจรดเท้า ในบางรายอาจมีอาการชาร่วมด้วย
  • ระยะที่ 3 เป็นอาการระยะสุดท้ายที่ถือว่ามีความรุนแรงและเป็นอันตราย เมื่อมีการกดทับของเส้นประสาทบริเวณใกล้เคียง ส่งผลให้ผู้ป่วยจะมีอาการปวด ชา และมีอาการอ่อนแรงเพิ่มมากขึ้น ในบางรายจะมีปัญหาเรื่องการขับถ่ายร่วมด้วย เมื่อเส้นประสาทเกิดการบาดเจ็บอย่างรุนแรงเป็นเวลานานทำให้ผู้ป่วยในระยะนี้มีความเสี่ยงต่อความพิการ จึงต้องรีบเข้ารับการรักษาอย่างรวดเร็วมากที่สุด

บทความ เรื่อง อาการ ปวดหลัง ร้าวลงขาไปถึงน่องหรือหลังเท้า เจ็บข้อพับเข่าด้านหลัง ปวดน่อง นิ้วเท้าชา หรือปวดคอเรื้อรังเป็นอาการของ หมอนรองกระดูกเสื่อม

วิธีการรักษา

วิธีการรักษาภาวะหมอนรองกระดูกเสื่อม หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรงและยังไม่มีการกดทับของเส้นประสาท แพทย์จะดำเนินการรักษาเพื่อประคับประคองอาการ โดย

  • ให้ยารับประทานบรรเทาอาการปวด ลดการอักเสบ หรือยาที่ช่วยคลายกล้ามเนื้อ
  • การฉีดยาบริเวณโพรงเส้นประสาทไขสันหลัง เพื่อลดอาการปวดและการอักเสบ
  • ทำกายภาพบำบัด เช่น ดึงหลัง การฝึกยืดกล้ามเนื้อ การฝึกความแข็งแรงของกล้ามเนื้อ  การประคบอุ่นและเย็น การใส่อุปกรณ์ที่พยุงหลัง เพื่อลดอาการปวด
  • เปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ป่วย เช่น ให้หลีกเลี่ยงการนั่งท่าเดิมเป็นเวลานาน ๆ การปรับท่านั่ง ยืน เดิน หรือยกของให้เหมาะสมถูกวิธี
  • แพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยออกกำลังกายเพื่อฟื้นฟูกล้ามเนื้อรอบกระดูกสันหลัง

หากผู้ป่วยเริ่มมีอาการที่รุนแรงมากขึ้นหรือตรวจพบว่ามีการกดทับของเส้นประสาท แพทย์จะพิจารณาให้รักษาด้วยวิธีการ ดังนี้

  • การผ่าตัดส่องกล้องแพทย์จะนำกล้องสอดผ่านทางแผลขนาดเล็กเพื่อนำส่วนที่กดทับเส้นประสาทและหมอนรองกระดูกส่วนที่เสื่อมออกเป็นวิธีการรักษาที่มีการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อน้อยและลดเวลาในการฟื้นตัว
  • การผ่าตัดเชื่อมข้อต่อกระดูกสันหลัง เพื่อลดอาการปวดที่เกิดขึ้นจากหมอนรองกระดูกเสื่อมเมื่อมีการขยับตัว
  • การผ่าตัดเปลี่ยนหมอนรองกระดูกสันหลังเทียม เป็นการผ่าตัดเพื่อนำหมอนรองกระดูกสันหลังที่เสื่อมสภาพออก จัดเรียงแนวกระดูกและใส่หมอนรองกระดูกสันหลังเทียมทดแทน

 

ข้อมูลจาก

รศ. นพ.สรวุฒิ ธรรมยงค์กิจ

ศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/

Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV

Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel

Line: https://page.line.me/ramathibodi

Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramachanneltv

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ไขมันดี (HDL) vs ไขมันร้าย (LDL) ต่างกันอย่างไร
ไขมันดี (HDL) กับไขมันร้าย (LDL) ต่างกันอย่างไร? รู้หน้าที่ของไขมันทั้งสองชนิดและผลต่อสุขภาพหัวใจ เพื่อปรับพฤติกรรมลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือด
บทความสุขภาพ
01-12-2025

0

ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออ่อนแรง เพิ่มความแข็งแรงให้สูงวัย
ฟื้นฟูกล้ามเนื้ออ่อนแรง ในผู้สูงวัยทำได้ไม่ยาก ด้วยการออกกำลังกายที่เหมาะสมและการเสริมสร้างสมดุลร่างกาย รู้เทคนิคเพิ่มความแข็งแรง
บทความสุขภาพ
29-11-2025

0

ท้องผูก ถ่ายยาก แก้ได้ด้วยตัวเอง พร้อมวิธีป้องกันที่ได้ผล
ท้องผูกและถ่ายยากเป็นปัญหาที่เจอบ่อย แต่แก้ได้ด้วยวิธีง่าย ๆ ทั้งปรับพฤติกรรมการกิน เพิ่มกากใย ดื่มน้ำให้พอ และขยับร่างกาย พร้อมวิธีป้องกันไม่ให้เป็นซ้ำ
บทความสุขภาพ
28-11-2025

0

อาเจียนเป็นเลือด สัญญาณอันตรายต้องรีบพบแพทย์
อาเจียนเป็นเลือด เป็นสัญญาณอันตรายที่ไม่ควรนิ่งนอนใจ อาจเกี่ยวกับกระเพาะอาหาร หลอดอาหาร หรือภาวะเลือดออกภายใน ต้องรีบพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุ
บทความสุขภาพ
27-11-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL