เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายก็เริ่มส่งสัญญาณเตือนผ่านอาการต่าง ๆ โดยเฉพาะในระบบกระดูกและข้อ หนึ่งในปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้สูงอายุคือ “กระดูกสันหลังเคลื่อน” ซึ่งอาจทำให้รู้สึกปวดหลังเรื้อรัง หรือเจ็บร้าวไปถึงขาและสะโพก หากปล่อยไว้นานโดยไม่รักษา จะส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
บทความนี้จะพาไปรู้จักกับโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน ตั้งแต่ความหมาย สาเหตุ อาการ ไปจนถึงแนวทางการรักษา เพื่อให้คุณสามารถดูแลตนเองหรือคนใกล้ชิดได้อย่างถูกต้องและทันเวลา
กระดูกสันหลังเคลื่อน คืออะไร ?
กระดูกสันหลังเคลื่อน (spondylolisthesis) คือ ภาวะที่กระดูกสันหลังแต่ละข้อเคลื่อนตัวออกจากแนวเดิม โดยมักจะเคลื่อนไปด้านหน้าหรือด้านหลัง ทำให้เกิดการกดทับเส้นประสาทที่อยู่ใกล้เคียง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดหลัง ปวดร้าวลงขา หรือชาบริเวณสะโพกและขาได้
ภาวะนี้มักเกิดขึ้นกับกระดูกสันหลังส่วนล่าง พบได้บ่อยในกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นหมอนรองกระดูกและข้อต่อเริ่มเสื่อม ทำให้โครงสร้างของกระดูกสันหลังไม่มั่นคงเท่าเดิม
หากไม่ได้รับการวินิจฉัยและดูแลอย่างถูกวิธี ก็อาจพัฒนาไปสู่ภาวะที่รุนแรงและกระทบต่อการเคลื่อนไหวในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก
สาเหตุของโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน
สาเหตุของกระดูกสันหลังเคลื่อนมีได้หลากหลาย ปัจจัยที่พบบ่อย ได้แก่
- ความเสื่อมของกระดูกและหมอนรองกระดูก เมื่ออายุมากขึ้น ข้อต่อและหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพ ทำให้กระดูกสันหลังไม่มั่นคงและมีโอกาสเคลื่อนออกจากแนวเดิมได้ง่าย
- การใช้งานกระดูกสันหลังอย่างหนักเป็นเวลานาน เช่น การยกของหนักบ่อย ๆ หรือการทำกิจกรรมที่ต้องก้ม ๆ เงย ๆ ซ้ำ ๆ ก็เป็นปัจจัยเสี่ยง
- อุบัติเหตุหรือการบาดเจ็บ การลื่นล้มหรืออุบัติเหตุรุนแรงที่กระดูกสันหลัง อาจทำให้ข้อต่อเสียหายจนเกิดการเคลื่อนได้
- โรคบางชนิด เช่น โรคกระดูกพรุน ที่ทำให้กระดูกบางและเปราะง่าย จนเกิดการเคลื่อนได้แม้มีแรงกดเพียงเล็กน้อย
อาการของโรคกระดูกสันหลังเคลื่อน
อาการของกระดูกสันหลังเคลื่อนจะแตกต่างกันไปตามระดับของการเคลื่อนและตำแหน่งที่เกิดปัญหา อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- ปวดหลังส่วนล่าง อาการปวดอาจเป็น ๆ หาย ๆ หรือปวดตลอดเวลา โดยเฉพาะเวลายืนนาน ๆ หรือนั่งในท่าเดิมนาน ๆ
- ปวดร้าวลงขา หากมีการกดทับเส้นประสาทร่วมด้วย อาจรู้สึกปวดร้าวจากสะโพกลงไปถึงต้นขาหรือปลายเท้า
- อาการชา กล้ามเนื้ออ่อนแรง อาจเกิดอาการชาบริเวณขาหรือรู้สึกว่าเดินลำบาก กล้ามเนื้อทำงานไม่เต็มที่
- อาการแย่ลงเมื่อเคลื่อนไหว การเดิน การยืน หรือการงอหลัง อาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- อาการดีขึ้นเมื่อพัก โดยเฉพาะเมื่อนอนราบหรือนอนงอเข่าเพื่อลดแรงกดทับ
หากพบว่าอาการเหล่านี้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ควรพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัย เพราะหากปล่อยไว้อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่ยากต่อการรักษาในระยะยาวได้
วิธีการรักษากระดูกสันหลังเคลื่อน
การรักษากระดูกสันหลังเคลื่อนมีหลากหลายแนวทาง ขึ้นอยู่กับระดับความรุนแรงของอาการ โดยแบ่งเป็น 2 แนวทางหลัก คือ
1. การรักษาแบบไม่ผ่าตัด
- การใช้ยา เช่น ยาลดการอักเสบ ยาคลายกล้ามเนื้อ หรือยาแก้ปวด เพื่อลดอาการเฉียบพลัน
- กายภาพบำบัด ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหลัง หน้าท้อง และสะโพกให้แข็งแรงขึ้น ลดแรงกดทับที่กระดูกสันหลัง
- ปรับพฤติกรรม หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ก่อให้เกิดแรงกดหรือบิดตัวของกระดูกสันหลัง เช่น การยกของหนัก
- ใสอุปกรณ์พยุงหลัง ในบางรายอาจต้องใช้เพื่อพยุงหลังและลดการเคลื่อนไหว
2. การรักษาด้วยการผ่าตัด
หากอาการไม่ดีขึ้นหลังการรักษาแบบไม่ผ่าตัด หรือมีการกดทับเส้นประสาทรุนแรงจนกระทบการเคลื่อนไหว แพทย์อาจแนะนำให้ผ่าตัด เพื่อจัดกระดูกให้อยู่ในตำแหน่งเดิม และใส่อุปกรณ์ยึดเพื่อเพิ่มความมั่นคง
“กระดูกสันหลังเคลื่อน” เป็นปัญหาสุขภาพที่มักเกิดขึ้นในผู้สูงอายุ หรือผู้ที่ใช้งานร่างกายหนักในชีวิตประจำวัน หากมีอาการปวดหลังเรื้อรังหรือปวดร้าวลงขา ควรใส่ใจและไม่ควรนิ่งนอนใจ การรักษาตั้งแต่ระยะแรกเริ่มจะช่วยให้กลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ และลดความเสี่ยงในการผ่าตัด
อย่ารอให้อาการลุกลาม เพราะสุขภาพกระดูกที่แข็งแรง คือ พื้นฐานของการเคลื่อนไหวและคุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาว
ข้อมูลโดย
รศ. นพ.สรวุฒิ ธรรมยงค์กิจ
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ศัลยกรรมกระดูกและข้อ สถาบันการแพทย์จักรีนฤบดินทร์
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ











