สมรรถภาพทางเพศเสื่อม หรือ erectile dysfunction (ED) เป็นปัญหาที่ผู้ชายหลายคนไม่อยากเผชิญ แต่ก็เป็นปัญหาสุขภาพที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากละเลยการดูแลสุขภาพ ปัญหานี้ไม่เพียงแค่ส่งผลต่อทั้งความสุขในชีวิตคู่ แต่ยังส่งผลถึงสุขภาพโดยรวมของร่างกายและจิตใจผู้ชายด้วย บทความนี้จะพาไปรู้จักโรคนี้ ตั้งแต่สาเหตุ กลุ่มเสี่ยง อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง และวิธีดูแลร่างกายเพื่อช่วยให้คุณมีสมรรถภาพทางเพศที่ดีและยั่งยืน
โรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อม (erectile dysfunction) คืออะไร ?
โรคสมรรถภาพทางเพศเสื่อม หรือ erectile dysfunction (ED) คือ ภาวะที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้เพียงพอ หรือไม่สามารถคงการแข็งตัวได้ยาวนานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์ เป็นปัญหาที่สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้ชายทุกช่วงวัย แต่พบได้บ่อยในกลุ่มที่อายุมากขึ้น
สมรรถภาพทางเพศเสื่อม ไม่ใช่แค่ปัญหาทางเพศเท่านั้น แต่ยังอาจสะท้อนถึงปัญหาสุขภาพอื่น ๆ เช่น โรคหลอดเลือด โรคเบาหวาน หรือภาวะความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังมีผลต่อจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล หรือภาวะซึมเศร้า ซึ่งส่งผลให้ปัญหานี้มีความซับซ้อนและต้องการการดูแลที่ครอบคลุมทั้งด้านร่างกายและจิตใจ
สาเหตุของการหย่อน สมรรถภาพทางเพศ
ปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ เกิดจากปัจจัยหลายประการที่ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจของผู้ชาย โดยสาเหตุหลัก ๆ สามารถแบ่งออกเป็น 3 ด้านสำคัญดังนี้
สุขภาพทางกาย
- โรคหลอดเลือด การไหลเวียนเลือดที่ไม่ดีเนื่องจากหลอดเลือดอุดตันหรือการตีบของหลอดเลือด ทำให้เลือดไม่สามารถไหลเข้าสู่อวัยวะเพศได้อย่างเพียงพอ
- โรคเรื้อรัง โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคหัวใจล้วนส่งผลต่อการทำงานของหลอดเลือดและระบบประสาท
- ปัญหาฮอร์โมน ระดับฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) ที่ต่ำกว่าปกติ อาจทำให้ความต้องการทางเพศลดลงและเกิดปัญหาการแข็งตัว
สุขภาพทางใจ
- ความเครียด ความกดดันจากการทำงานหรือชีวิตประจำวันอาจรบกวนการทำงานของสมองที่เกี่ยวข้องกับการกระตุ้นอารมณ์
- ความวิตกกังวลเกี่ยวกับเพศสัมพันธ์ ความกังวลว่าจะทำได้ไม่ดีพอ อาจทำให้เกิดปัญหาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศแบบชั่วคราว
- ภาวะซึมเศร้า โรคซึมเศร้าส่งผลให้สมองผลิตสารเคมีที่กระตุ้นความสุขและความต้องการทางเพศลดลง
พฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งเป็นต้นเหตุของการนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกายและใจ
- สูบบุหรี่ นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัวและลดการไหลเวียนเลือด
- ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มมากเกินไปส่งผลต่อระบบประสาทและลดประสิทธิภาพของการแข็งตัว
- ขาดการออกกำลังกาย การใช้ชีวิตแบบนั่งนิ่งเป็นเวลานานทำให้หลอดเลือดและระบบไหลเวียนเลือดเสื่อมลง
- รับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ อาหารไขมันสูงและหวานจัดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังที่เกี่ยวข้องกับสมรรถภาพทางเพศเสื่อม
กลุ่มเสี่ยงโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ผู้ชายอายุ 40 ปีขึ้นไป
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
- ผู้ที่มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตเสี่ยง เช่น สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
- ผู้ที่เผชิญกับความเครียดและปัญหาทางจิตใจเป็นเวลานาน
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงถ้าไม่อยากให้ สมรรถภาพทางเพศเสื่อม
อาหารที่เราบริโภคในแต่ละวันมีผลโดยตรงต่อสุขภาพและสมรรถภาพทางเพศของเรา หากเลือกอาหารไม่เหมาะสม อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ (Erectile Dysfunction) ดังนั้น การหลีกเลี่ยงอาหารที่ส่งผลเสียต่อการไหลเวียนเลือดและระดับฮอร์โมนเพศจึงเป็นสิ่งสำคัญ
- อาหารทอด เสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวาน และโรคอ้วน
- ของหวาน เช่น น้ำอัดลม ขนมหวาน และขนมอบที่มีน้ำตาลสูง ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ไม่มีเรี่ยวแรง
- เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากดื่มมากเกินไปส่งผลให้ระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์เพิ่มสูงขึ้น ทำให้เสี่ยงต่อภาวะไขมันในเลือดสูง อาจเกิดเส้นเลือดอุดตันได้
อาหารแบบไหนเพิ่มสมรรถภาพทางเพศ
- ผักและผลไม้ โดยเฉพาะผักใบเขียว และรับประทานผลไม้แต่พอประมาณ
- โปรตีน โดยเฉพาะเนื้อไก่ เนื้อปลา ที่ไม่ติดมัน
- ถั่วและธัญพืช เช่น อัลมอนด์ วอลนัท ที่มีไขมันไม่อิ่มตัวสูง
กินหวานทำให้ Sex เสื่อมจริงหรือ ?
หลายคนอาจไม่คาดคิดว่าการบริโภคน้ำตาลในปริมาณมากเกินไปสามารถส่งผลกระทบต่อสมรรถภาพทางเพศได้ แต่ในความเป็นจริง น้ำตาลเป็นตัวการสำคัญที่เป็นต้นตอปัญหาสุขภาพหลายด้าน ซึ่งอาจนำไปสู่ภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ในระยะยาว
น้ำตาลกับปัญหาโรคเรื้อรัง
- การบริโภคน้ำตาลมากเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้การไหลเวียนเลือดลดลง ส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ
- น้ำตาลที่มากเกินไปยังทำให้หลอดเลือดเกิดการอักเสบ ส่งผลให้ระบบหลอดเลือดเสื่อมสภาพเร็วขึ้น
น้ำตาลกับฮอร์โมนเพศ
- น้ำตาลส่งผลให้ระดับอินซูลินในร่างกายเพิ่มสูงขึ้น ในระยะยาว หากเกิดภาวะดื้ออินซูลินและโรคอ้วนอาจลดการผลิตฮอร์โมนเพศชาย (เทสโทสเตอโรน) และทำให้ความต้องการทางเพศลดลง
- การบริโภคหวานมากเกินไปยังทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า และส่งผลต่อพลังงานที่จำเป็นสำหรับการมีกิจกรรมทางเพศ
น้ำตาลกับความเครียดและอารมณ์
- น้ำตาลทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดพุ่งสูงและตกลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลต่ออารมณ์แปรปรวนและเพิ่มความเครียด ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สมรรถภาพทางเพศลดลง
วิธีดูแลร่างกายเพื่อเพิ่มสมรรถภาพทางเพศให้ดีขึ้น
สมรรถภาพทางเพศที่ดีสะท้อนถึงสุขภาพโดยรวมของร่างกาย การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีสามารถช่วยฟื้นฟูหรือป้องกันปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการหย่อนสมรรถภาพทางเพศได้ ลองทำตามคำแนะนำต่อไปนี้เพื่อเพิ่มความมั่นใจในสุขภาพทางเพศของคุณ
1. ออกกำลังกายเป็นประจำ
การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือดและเสริมสร้างความแข็งแรงของหัวใจ
- การออกกำลังกายแบบแอโรบิก เช่น การเดินเร็ว วิ่ง ปั่นจักรยาน ควรออกกำลังกายวันละ 30 นาที อย่างน้อย 150 นาทีต่อสัปดาห์ ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
- การฝึกกล้ามเนื้ออุ้งเชิงกราน เช่น การฝึก Kegel ช่วยเพิ่มการควบคุมและประสิทธิภาพของการแข็งตัว
2. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ผักและผลไม้
- โปรตีนคุณภาพ จากปลา ถั่ว และไข่
- หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูปและไขมันทรานส์
3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับไม่เพียงพอส่งผลต่อระดับฮอร์โมนเพศชายและความเครียด
- ควรนอนหลับอย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อวัน
- จัดเวลาการนอนให้เป็นประจำและหลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟนก่อนนอน
4. ลดพฤติกรรมเสี่ยง
- เลิกสูบบุหรี่ นิโคตินทำให้หลอดเลือดตีบและการไหลเวียนเลือดลดลง
- จำกัดการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ การดื่มในปริมาณมากอาจลดประสิทธิภาพทางเพศ
- หลีกเลี่ยงยาเสพติด ยาบางชนิดอาจทำลายระบบประสาทและหลอดเลือด
5. จัดการความเครียดและสุขภาพจิต
ความเครียดและปัญหาทางจิตใจมีผลกระทบโดยตรงต่อสมรรถภาพทางเพศ
- ลองฝึกสมาธิหรือโยคะเพื่อลดความเครียด
- หากมีปัญหาทางจิตใจ เช่น ซึมเศร้าหรือวิตกกังวล ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ
6. หมั่นตรวจสุขภาพประจำปี
- ตรวจสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดเพื่อป้องกันโรคเรื้อรัง
- ปรึกษาแพทย์หากเริ่มมีอาการของ ED เพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม
ปัญหาสมรรถภาพทางเพศเสื่อมสามารถป้องกันและแก้ไขได้ หากเราให้ความสำคัญกับการดูแลสุขภาพทั้งทางร่างกายและจิตใจ การเลือกทานอาหารที่เหมาะสมและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน จะช่วยให้คุณมีสุขภาพทางเพศที่ดีและยั่งยืนในระยะยาว
ข้อมูลโดย
ผศ. นพ.สิระ กอไพศาล
สาขาวิชาโรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ