วุ้นในตาเสื่อม โรคที่มาพร้อมอายุ
หน้าแรก
วุ้นในตาเสื่อม โรคที่มาพร้อมอายุ

วุ้นในตาเสื่อม โรคที่มาพร้อมอายุ

ดวงตาเป็นหน้าต่างสำคัญที่เปิดสู่โลกกว้าง แต่เมื่ออายุมากขึ้น ความเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็ส่งผลต่อดวงตาโดยตรง “วุ้นในตาเสื่อม” คือ หนึ่งในภัยเงียบที่มากับวัยที่เพิ่มขึ้น แม้จะดูเหมือนเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากปล่อยไว้โดยไม่ดูแล อาจส่งผลกระทบต่อการมองเห็นและคุณภาพชีวิตในระยะยาว บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกับวุ้นในตาเสื่อม อาการที่ควรสังเกตและสาเหตุ เพื่อให้คุณสามารถปกป้องดวงตาคู่นี้ให้อยู่คู่กับคุณไปได้นานที่สุด

วุ้นในตาเสื่อม คืออะไร

ภาวะวุ้นตาเสื่อม เป็นภาวะการเปลี่ยนแปลงของวุ้นตาที่ส่วนใหญ่จะพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ภาวะนี้ อาจเกิดขึ้นโดยไม่มีอันตรายก็ได้ หรือเกิดขึ้นแล้วมีโรคของจอประสาทตาที่ร้ายแรงตามมา และอาจทำให้ตาบอดหากไม่ได้รับการรักษาก็ได้

วุ้นตา (vitreous) คืออะไร

วุ้นตาเป็นเจลใส ๆ อยู่ระหว่างเลนส์ตาและจอประสาทตา มีหน้าที่เป็นตัวกลางให้แสงและภาพผ่านเข้าไปสู่จอประสาทตาได้ วุ้นตาจะประกอบไปด้วยน้ำ 95-98% และเส้นใยคอลลาเจน 2-5%    

  • น้ำในวุ้นตาจะมีการไหลเวียนเข้าและออก ซึ่งจะสร้างโดยการกรองจากเลือดโดยพื้นที่เฉพาะเล็กๆในดวงตา และดูดซึมออกไปตลอดเวลา โดยมีสมดุลของการสร้างเข้าและระบายออกอยู่เพื่อปรับให้ความดันของตาคงที่
  • เส้นใยคอลลาเจนในวุ้นตา ในวัยเด็กและวัยรุ่นจนถึงวัยกลางคนตอนต้น จะเป็นเส้นใยที่บางละเอียดมาก และเรียงกันอยู่อย่างเป็นระเบียบ แนบติดกับจอประสาทตาด้านใน 

วุ้นในตาเสื่อม มีกี่ระยะ

การเสื่อมของวุ้นตา จะมีระยะคร่าวๆ 2 ระยะคือ

  1. ระยะเริ่มต้น มีการเสื่อมสภาพของเส้นใยคอลลาเจนในวุ้นตา  เส้นใยคอลลาเจนขนาดเล็กๆละเอียดเหล่านี้จะขาดเป็นท่อน หดตัวจับกันเป็นก้อน ทำให้เกิดเป็นตะกอนในวุ้นตา เมื่อเรามีตะกอนเหล่านี้ แล้วมีสถานการณ์ที่เหมาะสม เราจะเห็นเงาของก้อนตะกอนเหล่านี้เคลื่อนไหวไปในทิศทางเดียวกับการกลอกตาของเรา สถานการณ์ที่มักทำให้สังเกตเห็นง่าย คือมองพื้นที่กว้างๆสว่างๆ เช่นท้องฟ้า กำแพงสีขาว โต๊ะสีขาว แล้วกลอกตาไปมาให้วุ้นตามีการเคลื่อนตัวไปมานั่นเอง
  2. ระยะวุ้นตาแยกตัวจากจอประสาทตา ระยะนี้อาจเกิดภายในไม่กี่วัน หรือหลายเดือน หรือหลายปีหลังจากระยะแรกก็ได้    เมื่อเส้นใยคอลลาเจนของวุ้นตาหดตัวลง ปริมาตรส่วนที่เป็นเส้นใยคอลลาเจนจะหดตัวลง และแยกตัวออกจากจอประสาทตา   ในคนส่วนใหญ่ การแยกตัวของผิววุ้นตาออกจากจอประสาทตา จะเกิดขึ้นโดยไม่มีปัญหาใด ๆ แต่มีคนส่วนน้อย ที่จะมีบางบริเวณที่วุ้นตาเกาะยึดกับจอรับภาพแน่นเกินไป เมื่อวุ้นตาหดตัว จะเกิดแรงดึงรั้งขึ้นที่จอประสาทตา ทำให้เกิดจอประสาทตาฉีกขาดตามมา     

ปัญหาจอประสาทตาฉีกขาดนี้ หากไม่ได้รับการรักษาด้วยเลเซอร์ อาจเกิดจอประสาทตาหลุดลอกขึ้น ซึ่งต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเพื่อป้องกันไม่ให้จอประสาทตาทั้งหมดเสื่อมสภาพและตาบอดไป

ปัจจัยที่ทำให้วุ้นตาเสื่อม

อายุที่เพิ่มมากขึ้น

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น เส้นใยคอลลาเจนก็จะเสื่อมสภาพ (ลักษณะเดียวกับการเสื่อมสภาพของคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวของเราเหี่ยวย่น ขาดความยืดหยุ่นไปนั่นเอง)

สายตาสั้น

ผู้ที่สายตาสั้น มักมีขนาดลูกตาที่ยาว  เมื่อกลอกตาในชีวิตประจำวัน วุ้นตาจะมีการแกว่งตัวมากกว่าผู้มีขนาดลูกตาปกติ ซึ่งอาจมีผลทำให้เส้นใยคอลลาเจนเสื่อมสภาพได้เร็วขึ้น 

อุบัติเหตุที่ดวงตา

หากดวงตาถูกกระทบอย่างรุนแรง เช่น โดนลูกเทนนิส ลูกบอล ชกต่อย หรือหกล้ม อาจทำให้มีวุ้นตาเสื่อมเร็วกว่าการเสื่อมตามธรรมชาติ ทำให้มีภาวะเสี่ยงต่อการเกิดจอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอกตามมา

ภาวะเบาหวานขึ้นตา

เบาหวานทำให้เส้นเลือดขนาดเล็กเกิดการเปราะ แตก รั่วซึม อุดตัน ได้ง่าย   ผู้ป่วยที่มีเบาหวานขึ้นตา จึงอาจมีเลือดออกในวุ้นตาจากการแตกตัวของเส้นเลือดที่จอประสาทตา เหนี่ยวนำให้เกิดภาวะวุ้นตาเสื่อมได้อย่างรวดเร็ว

อาการของวุ้นตาเสื่อม

  • มองเห็นจุด เส้น หรือหยากไย่ ลอยไปมาตามการกลอกตาในที่สว่าง
  • เห็นแสงคล้ายแฟลช เมื่อกลอกตา การเห็นแสงแฟลช หมายถึงมีแรงดึงรั้ง ซึ่งเป็นแรงกลกระทำต่อจอประสาทตา (ในลักษณะเดียวกับการโดนชกตาแล้วตาพร่า เห็นดาว) การมีแสงแฟลชบ่อยๆ จะเสี่ยงต่อการเกิดโรคจอประสาทตาฉีกขาดหรือหลุดลอกได้มาก

วิธีป้องกันวุ้นตาเสื่อม

  • ป้องกันการถูกกระทบกระเทือนทางดวงตา เพื่อลดความเสี่ยงวุ้นตาเสื่อม ทุกคนที่มีกิจกรรมเสี่ยง เช่น การเล่นกีฬาปะทะ ทำงานในพื้นที่เสี่ยง ควรสวมแว่นป้องกัน และระมัดระวังไม่ให้ดวงตาได้รับการกระทบกระเทือน 
  • หากมีเบาหวาน ควรตรวจตาครั้งแรกเมื่อทราบว่าเป็นเบาหวาน เพื่อค้นหาภาวะโรคตาจากเบาหวาน เช่น ต้อกระจกก่อนวัย เบาหวานขึ้นจอประสาทตา และภาวะวุ้นตาเสื่อม

สิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อเห็นเส้นใยลอยไปมา

  • หากอายุเกิน 40 ปีและไม่เคยตรวจตามาก่อนเลย ควรตรวจตาเพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคตาต่างๆ เมื่อแพทย์ตรวจแล้ว จะนัดหมายตรวจซ้ำหรือแนะนำให้ตรวจครั้งต่อไป เร็วช้าตามความเสี่ยงที่ตรวจพบในขณะนั้น
  • หากมีอาการที่เพิ่มความเสี่ยงของโรคจอประสาทตา 1 ใน 3 ข้อต่อไปนี้ ควรตรวจตาก่อนนัดหมาย
  • สังเกตได้ว่าตะกอนที่ลอยไปลอยมา เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว 
  • มีแสงฟ้าแลบหรือแสงแฟลชร่วมด้วย โดยเฉพาะเมื่อเห็นแสงแฟลชบ่อย วันละหลายสิบครั้ง
  • มีภาวะตามัวลง โดยเฉพาะมัวคล้ายมีม่านบังด้านในด้านหนึ่ง 

วิธีการรักษา วุ้นในตาเสื่อม

"</p

  • หากมีตะกอนในวุ้นตาไม่มากนัก แค่สร้างความรำคาญ จะไม่มีความจำเป็นต้องรักษา เนื่องจากบ่อยครั้งที่ตะกอนจะลดลงได้เองโดยไม่ต้องทำอะไรเพิ่มเติมเลย
  • ปัจจุบันมีการรักษาตะกอนก้อนใหญ่ในวุ้นตา โดยการฉายเลเซอร์ให้ตะกอนแตกเป็นจุดเล็กๆ ในโรงพยาบาลบางแห่ง 
  • หากมีจอประสาทตาบาง ฉีกขาดร่วมด้วย แพทย์จะรักษาด้วยการฉายเลเซอร์เพื่อลดโอกาสเกิดโรคจอประสาทตาหลุดลอกซึ่งทำให้ตาบอดได้ (กรณีนี้ ไม่ได้ทำให้ตะกอนลดลงหรือหายไป)
  • หากเริ่มมีจอประสาทตาหลุดลอกแล้ว แพทย์จะแนะนำวิธีรักษาด้วยการผ่าตัดหรือฉีดแกสเข้าตา 

ข้อมูลเพิ่มเติม

  • การใช้หรือไม่ใช่จอคอมพิวเตอร์ มือถือ ไม่มีผลเร่งหรือกระตุ้นภาวะวุ้นตาเสื่อม
  • การทานวิตามินหรือยาบำรุง อาหารบำรุงสายตาใด ๆ ไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือว่าจะป้องกันหรือรักษาภาวะวุ้นตาเสื่อมได้ 

“วุ้นในตาเสื่อม” แม้จะเป็นปัญหาที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ตามอายุที่เพิ่มขึ้น แต่การดูแลสุขภาพตาอย่างสม่ำเสมอและหมั่นตรวจสุขภาพกับจักษุแพทย์ สามารถช่วยลดผลกระทบและรักษาคุณภาพชีวิตได้ อย่าละเลยสุขภาพตา เพราะดวงตาคือหน้าต่างสำคัญที่ช่วยให้คุณมองเห็นโลกอย่างชัดเจน

 

ข้อมูลจาก

ผศ. นพ.ณวัฒน์ วัฒนชัย
สาขาวิชาน้ำวุ้นตาและจอประสาทตา ภาควิชาจักษุวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

คลิกชมคลิปรายการ วุ้นตาเสื่อม อายุที่ร่วงโรยไป 14/07/66 พบหมอรามาฯ | by RAMA Channel

 

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel 
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

มะเร็งลำไส้ โรคร้ายที่ไม่เลือกวัย
มะเร็งลำไส้ใหญ่พบได้ทุกวัย ไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุ อาการแอบแฝง ตรวจพบเร็วช่วยเพิ่มโอกาสรอดชีวิต รู้ทันสัญญาณเตือนและแนวทางป้องกัน
บทความสุขภาพ
25-06-2025

1

Get to know “H. pylori” before becoming a victim of stomach cancer
เชื้อเอชไพโลไร (H. pylori) อาจดูธรรมดาแต่เป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหาร หากตรวจพบเร็วสามารถรักษาและป้องกันได้ทัน
บทความสุขภาพ
23-06-2025

0

ป้องกันอย่างไร ไม่ให้เกิดอาการปวดหน้าเท้า
อาการปวดหน้าเท้าอาจเกิดจากรองเท้าไม่พอดี น้ำหนักตัว หรือการใช้งานเท้าเกินพอดี รู้วิธีป้องกันและบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
19-06-2025

4

กระเพาะทะลุ อาการโหดที่ไม่ควรมองข้าม รู้เร็ว รักษาได้ ไม่ต้องทนเจ็บ!
กระเพาะทะลุเป็นภาวะฉุกเฉินที่อันตราย เจ็บท้องเฉียบพลัน แน่นท้อง คลื่นไส้ ต้องรีบรักษาโดยเร็ว รู้ทันอาการเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนร้ายแรง
บทความสุขภาพ
13-06-2025

5

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL