รู้หรือไม่! HIV ไม่ใช่โรคเอดส์เสมอไป
หน้าแรก
รู้หรือไม่! HIV ไม่ใช่โรคเอดส์เสมอไป

รู้หรือไม่! HIV ไม่ใช่โรคเอดส์เสมอไป

สภาพการโรคเอดส์ในบ้านเรายังถือว่าอยู่ในระยะเฝ้าระวัง เนื่องด้วยจำนวนผู้ที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์มีอัตราการเป็นเอดส์เพิ่มสูงขึ้น ฉะนั้นโอกาสที่เด็กซึ่งคลอดจากมารดาที่เป็นเอดส์อาจจะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว บางประเทศในแถบตะวันตกที่มีอัตราการเป็นเอดส์สูง เนื่องจากโรคนี้พบได้บ่อยกว่าในบ้านเรา และในประเทศสหรัฐอเมริกาเองนั้นโรคเอดส์เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตลำดับที่ 9 ของเด็กอายุ 1-4 ปี

โดยความเป็นจริงแล้วคนที่เป็นโรคเอดส์จะมีเชื้อไวรัส HIV อยู่ในตัว

แต่ทั้งนี้คนที่มีเชื้อ HIV นั้นไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นโรคเอดส์เสมอไป คือติดเชื้อ HIV แต่ยังไม่มีอาการ สามารถดำเนินชีวิตได้เหมือนคนปกติ แข็งแรงเหมือนคนปกติ แต่ทั้งนี้หากผู้มีเชื้อไม่ได้รับการรักษาหรือภูมิคุ้มกันต่ำลงเรื่อยๆ จนร่างกายอ่อนแอจนทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนของโรคขึ้นถึงจะเรียกว่าเป็น เอดส์ โดยเชื้อ HIV นั้นติดต่อได้ 3 ช่องทางใหญ่ๆ คือ ทางเพศสัมพันธ์ เลือด และ จากแม่สู่ลูก

ส่วนกรณีที่ติดจากแม่สู่ลูกนั้น ส่วนใหญ่จะเกิดขึ้นตอนช่วงแรกเกิดแต่จะยังไม่มีอาการ

ซึ่งถ้าไม่ได้รับการรักษาก็อาจจะเป็นได้ในอนาคต ตอนช่วงอายุประมาณ 1 ขวบไปแล้ว โดยสาเหตุอาจเกิดจากการกลืนเลือดแม่ตอนคลอด หรือการกินนมแม่ ทั้งนี้หากติดเชื้อตั้งแต่อยู่ในครรภ์ซึ่งมีโอกาสน้อยมาก เด็กที่คลอดออกมาจะมีลักษณะตัวเล็ก อาจมีพัฒนาการน้อยกว่าปกติ แต่ไม่ใช่ว่าจะเกิดขึ้นกับทุกคน

ทั้งนี้ในปัจจุบันประเทศไทยมีการรณรงค์ในเรื่องของการติดเชื้อจากแม่สู่ลูก คือ

หากคุณแม่ท่านใดไปฝากครรภ์แล้วคุณหมอตรวจพบการติดเชื้อก็จะมีแนวทางการป้องกัน ซึ่งตอนนี้มีน้อยมากกว่า 2% ตรงตามเป้าของ WHO หรือองค์การอนามัยโลก ซึ่งหมายความว่า คู่สามีภรรยาที่มีเชื้อ HIV สามารถมีลูกได้ รวมถึงกรณีที่คุณพ่อมีเชื้อเช่นเดียวกัน โดยจะใช้วิธีการนำน้ำเชื้อของพ่อไปแยกออกจากเชื้อ HIV แล้วฉีดเข้าไปในตัวของแม่

โดยเด็กส่วนใหญ่ที่ติดเชื้อมักจะเกิดจากแม่ที่ไม่รู้ตัวว่าตนเองมีเชื้อ หรือไม่ได้ไปฝากครรภ์จึงไม่ได้รับการตรวจจับเชื้อ โดยเด็กจะมีอาการ เช่น เลี้ยงไม่โต ติดเชื้อฉวยโอกาส เช่น ถ่ายเหลวเรื้อรัง ปอดบวมที่รักษายาก ติดเชื้อในเยื่อหุ้มสมอง ซึ่งเด็กที่ติดเชื้อแล้วจำเป็นต้องกินยารักษาไปตลอดชีวิต ขณะที่ลูกซึ่งมีแม่ติดเชื้อ HIV แพทย์แนะนำไม่ให้กินนมแม่ และจะมียาป้องกันเป็นยาสูตรคล้ายกับของคุณแม่ แต่จะมีจำนวนน้อยกว่าโดยจะกินประมาณ 1 เดือน ก่อนจะนัดเข้ามาตรวจว่าตัวเด็กติดเชื้อหรือไม่

 

ข้อมูลจาก
อ. ดร. นพ.นพพร อภิวัฒนากุล
สาขาวิชาโรคติดเชื้อ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “วันเอดส์โลก1ธันวาคม : พบหมอรามา ช่วง Big Story” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel 
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

Cetirizine คือยาอะไร ? ช่วยแก้แพ้ได้จริงไหม และควรกินอย่างไรให้ปลอดภัย
Cetirizine คือยาต้านภูมิแพ้ที่ช่วยลดอาการคัน คัดจมูก และน้ำมูกไหลได้ดี รู้วิธีใช้ ข้อควรระวัง และผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น เพื่อกินยาอย่างปลอดภัย
บทความสุขภาพ
08-12-2025

0

ยาลดความดันโลหิต ใช้อย่างไรไม่ให้เสี่ยง ? คู่มือความปลอดภัยสำหรับผู้สูงวัย
ยาลดความดันโลหิตต้องใช้ให้ถูกวิธี โดยเฉพาะในผู้สูงวัย เพื่อป้องกันอาการเวียนหัว หน้ามืด หรือความดันตก รู้หลักการกินยาอย่างปลอดภัยและข้อควรระวัง
บทความสุขภาพ
07-12-2025

0

ฝ้า ปัญหาผิวกวนใจวัยเก๋า
ฝ้าคือปัญหาผิวที่พบมากในวัยเก๋า เกิดจากฮอร์โมน แสงแดด และพันธุกรรม รู้วิธีดูแลผิว ลดรอยฝ้า และป้องกันการเข้มขึ้นด้วยการดูแลที่ถูกต้องทุกวัน
บทความสุขภาพ
06-12-2025

0

ร้อนใน รู้ให้ครบ จบทุกปัญหาแผลในปากด้วยวิธีรักษาที่ถูกต้อง
ร้อนใน แผลในปากที่สร้างความเจ็บจี๊ดทุกครั้งที่กินหรือพูด รู้สาเหตุ วิธีรักษาที่ถูกต้อง และเทคนิคดูแลช่องปากเพื่อให้แผลหายไว ลดโอกาสกลับมาเป็นซ้ำ
บทความสุขภาพ
05-12-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL