ต่อมไทรอยด์ เป็นอวัยวะเล็ก ๆ รูปทรงคล้ายผีเสื้ออยู่บริเวณด้านหน้าของลำคอ แต่มีบทบาทสำคัญมากในการควบคุมระบบการเผาผลาญของร่างกาย ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์ส่งผลต่อพลังงาน ระบบประสาท หัวใจ ผิวพรรณ และน้ำหนักตัว หากต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ ไม่ว่าจะทำงานมากเกินไปหรือน้อยเกินไป ก็จะส่งผลต่อสุขภาพในระยะยาวอย่างคาดไม่ถึง มาทำความรู้จักกับ “อาการผิดปกติของต่อมไทรอยด์” เพื่อสังเกตตนเองและป้องกันโรคได้อย่างทันท่วงที
ต่อมไทรอยด์ คืออะไร และทำหน้าที่อะไรในร่างกาย
ต่อมไทรอยด์ (thyroid gland) เป็นต่อมไร้ท่อขนาดเล็กที่มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ อยู่บริเวณด้านหน้าลำคอใต้ลูกกระเดือกเล็กน้อย แม้จะมีขนาดไม่ใหญ่นัก แต่กลับมีบทบาทสำคัญต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เพราะทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ ได้แก่ T3 (triiodothyronine) และ T4 (thyroxine) ซึ่งมีหน้าที่ควบคุมอัตราการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย ส่งผลต่อระดับพลังงาน อุณหภูมิของร่างกาย อัตราการเต้นของหัวใจ ความดันเลือด อารมณ์ และระบบขับถ่าย
ฮอร์โมนไทรอยด์ยังมีบทบาทในการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโต โดยเฉพาะในเด็กเล็ก หากขาดฮอร์โมนนี้ในช่วงวัยเด็ก อาจทำให้พัฒนาการล่าช้า การรับรู้ไม่ดี หรือมีภาวะแคระแกร็น ดังนั้น ความสมดุลของฮอร์โมนไทรอยด์จึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อใดก็ตามที่ระดับฮอร์โมนนี้มากหรือน้อยเกินไป ก็จะส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม และก่อให้เกิดอาการผิดปกติที่ควรสังเกตให้ทัน
ไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (hyperthyroidism) อาการและความเสี่ยง
ภาวะไทรอยด์ทำงานมากเกินไป (hyperthyroidism) เกิดจากการที่ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์ออกมามากเกินความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานเร็วผิดปกติ และเกิดอาการต่าง ๆ เช่น ใจสั่น เหนื่อยง่าย หงุดหงิด ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก กินจุแต่น้ำหนักลดลง มือสั่น นอนไม่หลับ และบางรายอาจสังเกตเห็นว่าคอโตหรือพองออก
สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะนี้ที่พบได้บ่อยคือโรคเกรฟส์ (graves’ disease) ซึ่งเป็นโรคออโตอิมมูนที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติ และไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนเกินความจำเป็น หากปล่อยไว้โดยไม่รักษา อาจส่งผลต่อหัวใจ เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ หัวใจล้มเหลว และยังส่งผลต่อระบบประสาท ทำให้มีอารมณ์แปรปรวนได้ง่าย
การรักษาอาจใช้ยาต้านไทรอยด์ การให้สารรังสี หรือในบางรายอาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อนำต่อมไทรอยด์บางส่วนออก เพื่อควบคุมระดับฮอร์โมนให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
ไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (hypothyroidism) ภาวะที่หลายคนไม่รู้ตัว
ภาวะไทรอยด์ทำงานน้อยเกินไป (hypothyroidism) ต่อมไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ส่งผลให้การเผาผลาญพลังงานทำงานช้าลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการหลายอย่างที่ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวข้องกัน เช่น อ่อนเพลีย ง่วงบ่อย สมองตื้อ จำอะไรไม่ค่อยได้ น้ำหนักเพิ่มขึ้นแม้ไม่ได้กินมาก หนาวง่าย ผิวแห้ง ผมร่วง และท้องผูก
บางคนอาจรู้สึกซึมเศร้า หรือมีอารมณ์แปรปรวนโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยเฉพาะหากเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเรื้อรัง ความผิดปกตินี้อาจมีผลมาจากโรคฮาชิโมโตะ (hashimoto’s thyroiditis) ซึ่งเป็นโรคออโตอิมมูนที่ภูมิคุ้มกันของร่างกายทำลายต่อมไทรอยด์ ทำให้การผลิตฮอร์โมนลดลง หรืออาจเกิดจากการผ่าตัดไทรอยด์ การใช้ยาบางชนิด หรือการได้รับสารไอโอดีนไม่เพียงพอ
ภาวะนี้ต้องรักษาด้วยการกินยาฮอร์โมนไทรอยด์เสริม และติดตามระดับฮอร์โมนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนในระยะยาว
5 สัญญาณเตือน! ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ ที่ไม่ควรมองข้าม
- คลำเจอก้อนที่คอ
หากคลำพบก้อนหรือมีก้อนโตขึ้นบริเวณลำคอ อาจเป็นสัญญาณของต่อมไทรอยด์ผิดปกติ โดยเฉพาะถ้าก้อนนั้นขยายขนาดขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มรบกวนชีวิตประจำวัน เช่น กลืนติด กลืนลำบาก หรือเสียงแหบ ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจเช็กทันที - ร้อนง่าย หนาวเร็วผิดปกติ
ไทรอยด์ทำหน้าที่ควบคุมระบบเผาผลาญของร่างกาย หากผิดปกติจะส่งผลให้บางคนขี้ร้อน เหงื่อออกง่าย หงุดหงิด (ไทรอยด์เป็นพิษ) หรือขี้หนาว อ่อนเพลีย ไม่มีแรง (ไทรอยด์ต่ำ) แม้ว่าอาการนี้อาจเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ถ้าสังเกตเห็นชัดเจนก็ควรตรวจเช็ก - น้ำหนักลดหรือเพิ่มผิดปกติ
แม้ว่าน้ำหนักของคนเราจะเปลี่ยนแปลงขึ้นหรือลงได้จากหลายสาเหตุ แต่ในคนไข้ไทรอยด์เป็นพิษจะมีอาการที่เห็นได้ชัดเจนคือ น้ำหนักลดผิดปกติ แม้ว่าจะกินอาหารตามปกติหรือมากกว่าเดิมก็ตาม - ผมแห้ง หยาบกระด้าง ร่วงผิดปกติ
ฮอร์โมนไทรอยด์มีผลต่อผิวหนังและเส้นผม ถ้ามีปัญหาไทรอยด์ต่ำ อาจพบผิวแห้ง ผมหยาบกระด้าง หรือผมร่วงมากผิดปกติ - ปวดตา เคืองตา หรือมองเห็นผิดปกติ
อาการปวดตา เคืองตา ตาแห้ง ตาแดง หรือมีตาบวม อาจเกิดจากโรคไทรอยด์เป็นพิษที่มีผลต่อดวงตาโดยตรง หากมีอาการเหล่านี้ร่วมกับสัญญาณอื่น ๆ ของไทรอยด์ผิดปกติ ควรรีบพบแพทย์
การตรวจวินิจฉัยโรคไทรอยด์
เมื่อสงสัยว่ามีปัญหาเกี่ยวกับต่อมไทรอยด์ การตรวจวินิจฉัยถือเป็นขั้นตอนสำคัญที่สุด โดยเริ่มจากการตรวจเลือดเพื่อตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์ (T3, T4) และฮอร์โมน TSH ซึ่งเป็นตัวควบคุมการทำงานของต่อมไทรอยด์จากต่อมใต้สมอง หากค่า TSH ผิดปกติร่วมกับระดับ T3 หรือ T4 ที่สูงหรือต่ำ ก็สามารถบ่งชี้ได้ว่ามีภาวะไทรอยด์ทำงานเกินหรือน้อย
กรณีที่สงสัยว่ามีก้อนหรือคอโต แพทย์อาจส่งตรวจอัลตราซาวนด์บริเวณลำคอเพื่อดูขนาด ลักษณะ และตำแหน่งของก้อน หากจำเป็น อาจต้องเจาะดูดเซลล์ด้วยเข็ม (FNA – Fine Needle Aspiration) เพื่อวิเคราะห์ว่าเป็นก้อนเนื้อธรรมดาหรือมะเร็ง
การตรวจที่เหมาะสมและแม่นยำจะช่วยให้สามารถวางแผนการรักษาได้ตรงจุด ลดความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน และช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีได้อีกครั้ง
การดูแลและรักษาภาวะผิดปกติของไทรอยด์
แนวทางการรักษาขึ้นอยู่กับชนิดและความรุนแรงของความผิดปกติ หากเป็นภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน การรักษาอาจเริ่มจากการใช้ยาต้านไทรอยด์เพื่อลดการผลิตฮอร์โมน หากไม่ได้ผลอาจพิจารณาให้สารรังสีไอโอดีน หรือผ่าตัดนำต่อมไทรอยด์ออกบางส่วน
ในกรณีที่ต่อมไทรอยด์ทำงานน้อย การรักษามักใช้ยาฮอร์โมนไทรอยด์สังเคราะห์ (levothyroxine) เพื่อชดเชยฮอร์โมนที่ขาด ซึ่งต้องกินต่อเนื่องทุกวัน และตรวจติดตามระดับฮอร์โมนสม่ำเสมอ
สำหรับผู้ที่มีก้อนที่คอหรือคอโต จำเป็นต้องวินิจฉัยให้แน่ชัดว่าเป็นก้อนเนื้อธรรมดาหรือมะเร็ง หากเป็นมะเร็ง การรักษาอาจรวมถึงการผ่าตัด ต่อด้วยการให้ไอโอดีนกัมมันตรังสี และการติดตามระยะยาว
ไม่ว่าจะอยู่ในภาวะใด การพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัดคือกุญแจสำคัญของการดูแลสุขภาพไทรอยด์
ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.สิระ กอไพศาล
สาขาวิชาโรคต่อมไร้ท่อและเมแทบอลิซึม ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ