พฤติกรรมการทานอาหาร ที่ส่งผลต่อ “โรคไต”
หน้าแรก
พฤติกรรมการทานอาหารที่ส่งผลต่อ “โรคไต”

พฤติกรรมการทานอาหารที่ส่งผลต่อ “โรคไต”

โรคไตเป็นโรคที่มีสาเหตุหลักมาจากการทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารที่มีรสเค็ม ดังนั้นถ้าหากต้องการป้องกันโรคไตควรเริ่มต้นจากการปรับ พฤติกรรมการทานอาหาร ก่อนเป็นอันดับแรก

คนไทยนิยมทานรสเค็มและมี พฤติกรรมการทานอาหาร รสเค็มมากกว่าความต้องการของร่างกาย 2-3 เท่า เป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคความดัน นำไปสู่โรคหัวใจ โรคไต และโรคต่าง ๆ การได้รับรสเค็มของคนไทยแตกต่างจากคนต่างชาติ โดยในต่างประเทศการรับรสเค็มมักมาจากการทานอาหารสำเร็จรูป แต่คนไทยรับรสเค็มจากอาหารที่ปรุงโดยแม่ครัว พฤติกรรมการปรุงอาหารของแม่ครัวในประเทศไทยเองก็นิยมปรุงรสเค็ม เพื่อให้ตรงกับความชอบของคนไทย มากไปกว่านั้นหลายครั้งคนไทยเมื่อได้รับอาหารมาแล้วยังมีการปรุงเพิ่มด้วยเครื่องปรุงต่าง ๆ เช่น พริกน้ำปลา ซอส น้ำจิ้ม เป็นต้น ทำให้ร่างกายได้รับรสเค็มจัด ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยตรง

ในปัจจุบันนอกจากอาหารไทยที่มีรสเค็มแล้ว อาหารต่างชาติยังมีส่วนด้วยเช่นกัน พบว่าคนไทยนิยมทานอาหารเกาหลี อาหารญี่ปุ่น ที่ต้องจิ้มซอสเพื่อเพิ่มรสชาติ โดยซอสเหล่านั้นยังมีรสเค็มเป็นหลัก ไม่เพียงเท่านั้นในอาหารฝรั่งอย่างแฮม เบคอน หรือพิซซ่าที่ประกอบไปด้วยชีส ก็มีรสเค็มมากไม่น้อยไปกว่าอาหารชาติอื่น และคนไทยให้ความนิยมเช่นกัน ถือเป็นพฤติกรรมการทานอาหารที่ล้วนส่งผลต่อปัญหาสุขภาพโดยตรง

อาหารยอดนิยมที่มีความเสี่ยงต่อโรคไต

  • อาหารญี่ปุ่นที่ต้องใช้น้ำจิ้ม อาทิ ซูชิ ชาบู
  • อาหารเกาหลีที่ต้องใช้น้ำจิ้ม อาทิ ปิ้งย่าง
  • หมูกระทะ
  • แฮม เบคอน
  • อาหารที่มีส่วนประกอบของชีส

วิธีสังเกตผลกระทบที่เกิดจากการทานรสเค็มมากเกินไป

คือหากรับประทานอาหารรสเค็มแล้วมีอาการบวม เช่น ขาบวม ตาบวม หรือทานรสเค็มแล้วรู้สึกหิวน้ำมาก แสดงว่าเริ่มทานเค็มมากเกินไป นอกจากนี้ยังสามารถสังเกตได้จากปัสสาวะ หากพบว่าปัสสาวะมีฟองหรือมีสีเข้ม แสดงว่าร่างกายเริ่มมีความเสี่ยงของโรคอันเกิดจากการทานรสเค็มจัด

ในอดีตพบว่าช่วงอายุส่วนใหญ่ที่คนจะป่วยเป็นโรคไตอยู่ระหว่าง 50-60 ปี แต่ในปัจจุบันพบว่าผู้ป่วยโรคไตมีอายุน้อยลงหรือป่วยเร็วขึ้น โดยพบว่ามีอายุเพียง 40 ปีก็เริ่มป่วยเป็นโรคไตแล้ว สาเหตุสำคัญมาจากคนปัจจุบันมีปัญหาเรื่องน้ำหนักมากขึ้น ไม่ค่อยออกกำลังกาย ทานผักผลไม้น้อย ทานอาหารรสหวานและเค็มจัดมากเกินไป ส่งผลให้น้ำหนักมาก ไขมันในเลือดสูงและมีความดันขึ้น รวมถึงเป็นโรคเบาหวานและตามมาด้วยโรคไต

การป้องกันโรคไตที่สำคัญ

คือควรปรับเปลี่ยนวิธีการทานอาหาร โดยให้ทานอาหารรสเค็มให้น้อยลง หลีกเลี่ยงการปรุงรสเพิ่มเติม และทานผักผลไม้ให้มากขึ้น รวมถึงออกกำลังกายสม่ำเสมอ อาจเลือกทานอาหารทางเลือกสุขภาพ อาทิ หากต้องรับประทานอาหารสำเร็จรูปที่ซื้อได้จากซุปเปอร์มาร์เก็ต ก็ให้เลือกที่มีเครื่องหมายรับรองว่าเป็นอาหารรสหวานและรสเค็มที่เหมาะสมต่อการบริโภค

 

ข้อมูลจาก
ผศ. นพ.สุรศักดิ์ กันตชูเวสศิริ
สาขาวิชาโรคไต ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี
มหาวิทยาลัยมหิดล


คลิกชมคลิปรายการ “โรคไต : พบหมอรามา ช่วง ลัดคิวหมอ” ได้ที่นี่

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ก้อนที่คอ ใช่ไทรอยด์หรือไม่ เช็กให้ชัวร์
พบก้อนที่คอ อย่าชะล่าใจ อาจเป็นต่อมไทรอยด์โต ซีสต์ หรือก้อนเนื้ออื่น ๆ ตรวจให้ชัวร์เพื่อวางแผนรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
บทความสุขภาพ
26-07-2025

1

สะโพกเสื่อม ป้องกันอย่างไร
สะโพกเสื่อมทำให้ปวดสะโพก เดินลำบาก และกระทบการใช้ชีวิต รู้วิธีป้องกันด้วยการปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย และดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม
บทความสุขภาพ
21-07-2025

4

รู้ก่อน รับมือได้…กับอาการปวดข้อศอก
อาการปวดข้อศอกอาจเกิดจากการใช้งานซ้ำซาก หรือโรคข้ออักเสบ หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจกระทบการใช้งานแขน รู้ทันสาเหตุและแนวทางดูแลอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
14-07-2025

8

ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม
ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาพบบ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการเดินและใช้ชีวิตประจำวัน รู้วิธีดูแล ป้องกัน และบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-07-2025

17

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL