ปวดท้องน้อย ปวดหลัง พร้อมกัน เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ
หน้าแรก
ปวดท้องน้อย ปวดหลัง พร้อมกัน เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

ปวดท้องน้อย ปวดหลัง พร้อมกัน เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

ปวดท้องน้อย และปวดหลังพร้อมกัน อาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ต้องให้ความสนใจ หนึ่งในสาเหตุที่อาจเป็นไปได้คือการเกิดนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ ซึ่งเป็นปัญหาที่สามารถส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตได้อย่างมาก บทความนี้จะพาไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับอาการ การวินิจฉัย และการรักษานิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะอย่างละเอียด

ปวดท้องน้อย (pelvic pain)

ปวดท้องน้อย คือ อาการที่สามารถเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบทางเดินปัสสาวะ ระบบสืบพันธุ์ หรือระบบทางเดินอาหาร อาการปวดท้องน้อยอาจเกิดขึ้นในทั้งเพศชายและเพศหญิง แต่สาเหตุและลักษณะการปวดอาจแตกต่างกันไปตามเพศและสภาพร่างกาย

ตำแหน่งปวดท้องน้อย บอกโรค

ปวดท้องน้อย ปวดหลัง พร้อมกัน เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

การระบุจุดที่ปวดในท้องน้อยสามารถช่วยให้แพทย์วินิจฉัยโรคได้แม่นยำยิ่งขึ้น ดังนี้

ปวดบริเวณท้องน้อยขวา

ท้องน้อยด้านขวาเป็นตำแหน่งไส้ติ่ง ท่อไต ปากมดลูก และรังไข่ขวา โดยลักษณะการปวดต่าง ๆ สามารถบอกโรคได้ ดังนี้

  • ปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ ร้าวมาที่ต้นขา เป็นอาการกรวยไตอักเสบหรือนิ่วท่อไต 
  • ปวดเสียด บีบ ตลอดเวลา กดแล้วเจ็บมากบริเวณท้องน้อยด้านขวาอาจจะเป็นไส้ติ่งอักเสบ
  • ปวดร่วมมีไข้สูง ตกขาว เป็นอาการของปีกมดลูกอักเสบ
  • คลำแล้วเจอก้อนเนื้อ อาการก้อนไส้ติ่งอักเสบหรือรังไข่ผิดปกติ

ปวดบริเวณท้องน้อยซ้าย

เป็นตำแหน่งปีกมดลูกและท่อไต รังไข่ด้านซ้าย ลำไส้ใหญ่ส่วนปลาย อาการปวดต่าง ๆ สามารถบอกโรคได้ ดังนี้

  • ปวดเกร็งเป็นระยะ ๆ ร้าวมาที่ต้นขา เป็นนิ่วในท่อไต
  • ปวดร่วมกับมีไข้ หนาวสั่น และมีตกขาว อาการของมดลูกอักเสบ
  • ปวดร่วมกับถ่ายอุจจาระผิดปกติ เป็นอาการของลำไส้ใหญ่อักเสบ
  • คลำพบก้อนเนื้อร่วมกับอาการท้องผูกเป็นประจำ อุจจาระมีมูกปนเลือด ท้องผูกสลับกับท้องเสีย น้ำหนักลด อาจเป็นอาการเนื้องอกในลำไส้

ปวดบริเวณท้องน้อย

ตรงกับตำแหน่งกระเพาะปัสสาวะและมดลูก อาการปวดต่าง ๆ สามารถบอกโรคได้ ดังนี้

  • หากมีอาการปัสสาวะกะปริดกะปรอย ปวดเวลาปัสสาวะ อาจเป็นกระเพาะปัสสาวะอักเสบหรือเป็นนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ
  • ปวดท้องน้อย มีไข้สูง ตกขาวมีกลิ่นเหม็น อาจจะเป็นมดลูกอักเสบ
  • ปวดเกร็งเวลามีประจำเดือน มีอาการปวดเรื้อรัง แสดงว่ามดลูกมีปัญหาควรรีบพบแพทย์

สามารถอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ตำแหน่งปวดท้องบอกโรค ได้ที่นี่

ปวดท้องน้อย พร้อมกับปวดหลัง เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ จริงหรือ ?

ปวดท้องน้อย พร้อมกับปวดหลัง เสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ จริงหรือ ?

อาการปวดท้องน้อย ที่มาพร้อมปวดหลังอาจเป็นสัญญาณหนึ่งของการมีนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากปวดแล้วยังมีอาการแสบเวลาปัสสาวะ ปัสสาวะขุ่น มีเลือดปน หรือต้องเข้าห้องน้ำบ่อยครั้ง อาการปวดจากนิ่วยังมักเคลื่อนตำแหน่งตามการเคลื่อนตัวของก้อนนิ่วในท่อไตและระบบปัสสาวะ

นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ คืออะไร

นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะคือก้อนแข็งที่เกิดจากการตกตะกอนของสารเคมี เช่น แคลเซียม ออกซาเลต หรือกรดยูริกภายในไต ท่อไต กระเพาะปัสสาวะ และท่อปัสสาวะ เมื่อนิ่วเคลื่อนตัวอาจทำให้เกิดการอุดตันและอักเสบ เป็นที่มาของอาการปวดและไม่สบายตัว

อาการปวดจากโรคนิ่วในผู้หญิงและผู้ชายต่างกันอย่างไร

แม้ว่าอาการหลัก ๆ จากนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะจะค่อนข้างคล้ายกันทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย แต่ยังมีความแตกต่างเล็กน้อยที่ควรสังเกต

อาการปวดในผู้ชาย

  • ปวดบริเวณหลัง ท้องน้อย และอาจร้าวลงมาถึงอัณฑะข้างที่มีนิ่ว
  • อาจมีอาการแสบหรือปัสสาวะขัด
  • รู้สึกไม่สบายหรือปวดหน่วงในถุงอัณฑะหากก้อนนิ่วเคลื่อนต่ำลง

อาการปวดในผู้หญิง

  • ปวดบริเวณหลัง ท้องน้อย และอาจร้าวลงมาถึงช่องคลอดข้างที่มีนิ่ว
  • ปวดหน่วงและเจ็บเวลาปัสสาวะ
  • อาจมีอาการร่วมอื่น ๆ เช่น ปวดหลังช่วงล่าง กลั้นปัสสาวะลำบาก

นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ เกิดจากอะไร

สาเหตุสำคัญของการเกิดนิ่ว ได้แก่

  • ดื่มน้ำน้อย เมื่อปริมาณน้ำไม่เพียงพอ ปัสสาวะจะเข้มข้นสูง ทำให้สารละลายบางชนิดตกตะกอนได้ง่าย
  • อาหารที่มีสารก่อให้เกิดนิ่วสูง การรับประทานอาหารที่มีออกซาเลต แคลเซียม หรือโซเดียมสูงเป็นประจำอาจกระตุ้นให้สารเหล่านี้จับตัวกันกลายเป็นนิ่ว
  • พันธุกรรมและโรคประจำตัว บุคคลที่มีประวัติครอบครัวเป็นนิ่วหรือมีโรคประจำตัว เช่น ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกิน หรือภาวะไตผิดปกติบางชนิด มีแนวโน้มเกิดนิ่วได้ง่าย
  • การติดเชื้อเรื้อรังในระบบทางเดินปัสสาวะ การอักเสบหรือติดเชื้อบ่อย ๆ ในระบบทางเดินปัสสาวะ ทำให้เชื้อโรคสร้างสารบางอย่างให้ก่อให้เกิดนิ่ว
  • ยาบางชนิดและภาวะร่างกายผิดปกติ ยาบางตัว หรือภาวะเมแทบอลิซึมที่ไม่สมดุลอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว
  • อายุและเพศ พบในชายมากกว่าหญิง พบในผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก 

ใครเสี่ยงเป็นนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ

  • ผู้ที่ดื่มน้ำน้อยหรือไม่เพียงพอในแต่ละวัน
  • ผู้ที่มีประวัติครอบครัวเป็นนิ่ว
  • ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ภาวะต่อมพาราไทรอยด์ทำงานมากเกิน เกาต์
  • ผู้บริโภคอาหารที่มีโซเดียมสูง หรือรับประทานวิตามินซีเสริมในปริมาณมากกว่า 2000 มิลลิกรัมต่อวัน

วิธีการป้องกันนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ 

นิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะอาจเกิดจากหลายปัจจัย แต่หากเราปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลตนเอง ก็สามารถลดความเสี่ยงในการก่อตัวของนิ่วได้ โดยมีแนวทางดังนี้

  1. ดื่มน้ำอย่างเพียงพอ ควรดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8-10 แก้ว หรือมากกว่า 2 ลิตร เพื่อให้ปัสสาวะมีความเจือจางและลดโอกาสการตกตะกอนของสารเคมีในปัสสาวะ และสังเกตสีของปัสสาวะหากมีสีอ่อนใส แสดงว่าร่างกายได้รับน้ำเพียงพอ
  2. ปรับพฤติกรรมการกิน ลดอาหารที่มีโซเดียมสูง อาหารรสเค็มจัด รวมถึงอาหารที่มีออกซาเลตสูง เช่น ผักโขม บีทรูท ช็อกโกแลต และถั่วบางชนิด ลดปริมาณเนื้อแดงและอาหารที่มีโปรตีนสูงเกินไป เพราะอาจส่งผลต่อสมดุลสารเคมีในปัสสาวะ เลือกรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมในปริมาณเหมาะสม เนื่องจากแคลเซียมช่วยจับสารออกซาเลตในลำไส้ ทำให้ดูดซึมน้อยลง
  3. หลีกเลี่ยงการกลั้นปัสสาวะบ่อย ๆ ควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดปัสสาวะ ไม่ควรกลั้นไว้นาน เพราะอาจทำให้ปัสสาวะค้างและเกิดการตกตะกอนได้ง่ายขึ้น
  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ การออกกำลังกายช่วยให้ระบบหมุนเวียนเลือดและของเหลวในร่างกายดีขึ้น ลดการเกิดภาวะตกตะกอนของสารในไตและท่อไต
  5. ควบคุมน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน เพื่อลดความเสี่ยงของภาวะเมแทบอลิซึมผิดปกติ
  6. ตรวจสุขภาพประจำปี การตรวจสุขภาพเป็นประจำช่วยให้พบความผิดปกติในระยะเริ่มต้น หากมีความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว แพทย์อาจแนะนำมาตรการป้องกันเพิ่มเติม

อาการปวดท้องน้อยและปวดหลังพร้อมกัน อาจมีสาเหตุได้หลายอย่าง หนึ่งในนั้นคือนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะที่สามารถรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน หากคุณเริ่มรู้สึกปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดแปล๊บ ๆ หลังส่วนล่าง หรือมีอาการผิดปกติในการปัสสาวะ ควรเข้าพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การดูแลสุขภาพด้วยการดื่มน้ำให้เพียงพอ ลดอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว และปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะช่วยป้องกันและลดโอกาสการเกิดนิ่วได้ ทั้งนี้ ความรู้และการตระหนักรู้จะช่วยให้คุณดูแลสุขภาพของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

 

ข้อมูลโดย

รศ. นพ.ชินเขต เกษสุวรรณ

สาขาวิชาศัลยศาสตร์ระบบปัสสาวะ ภาควิชาศัลยศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

 

คลิกชมคลิปรายการ “ปวดท้องน้อยร่วมกับปวดหลัง เสี่ยงนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะ” ได้ที่นี่

 

ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel 

LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ

RAMA Channel

แท็กที่เกี่ยวข้อง

อาการนิ่วในกระเพาะปัสสาวะเจ้บท้องน้อยอาการเป็นนิ่ว ผู้ชายปวดท้องน้อยเกิดจากเป็นนิ่วเกิดจากอะไรปวดท้องข้างขวาร้าวไปหลังปวดท้องปวดท้องปวดหลังปวดท้องน้อยปวดท้อง ปวดหลัง พร้อมกันโรคนิ่วปวดท้อง ปวดหลังอาการนิ่วปวดหลัง ปวดท้อง พร้อมกันนิ่วในระบบทางเดินปัสสาวะอั้นฉี่แล้วปวดท้องปวดท้องข้างขวาปวดท้องน้อยข้างขวา จี๊ดๆ ผู้หญิงอาการเป็นนิ่ว ผู้หญิงปวดท้องล่างซ้ายนิ่วในกระเพาะปัสสาวะปวดท้องน้อยคือนิ่วเกิดจากอะไรปวดท้องน้อย เกิดจากเป็นนิ่วกินอะไรหายเจ็บตรงท้องน้อยเป็นนิ่วท้องน้อย คือนิ่วในกระเพาะปัสสาวะ วิธีรักษาเจ็บพุงท้องน้อย
RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ฉีดยา IV และ IM ต่างกันอย่างไร ?
การฉีดยาแบบ IV และ IM ต่างกันอย่างไร? รู้ความหมาย วิธีการฉีด ข้อดีข้อเสีย และกรณีที่แพทย์เลือกใช้แต่ละแบบ เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
บทความสุขภาพ
10-11-2025

1

ยาแอสไพริน (Aspirin) คืออะไร สรรพคุณ วิธีใช้ และข้อควรระวังที่ควรรู้
ยาแอสไพริน (Aspirin) ยาแก้ปวดลดไข้ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ และช่วยป้องกันลิ่มเลือดอุดตัน รู้สรรพคุณ วิธีใช้ และข้อควรระวัง เพื่อป้องกันผลข้างเคียง
บทความสุขภาพ
09-11-2025

1

Metformin (เมทฟอร์มิน) สรรพคุณ และผลข้างเคียง ที่ผู้ป่วยเบาหวานต้องรู้
Metformin (เมทฟอร์มิน) ยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดสำหรับผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 รู้สรรพคุณ วิธีใช้ และผลข้างเคียงที่ควรระวัง เพื่อการใช้อย่างปลอดภัย
บทความสุขภาพ
09-11-2025

2

แนวทางป้องกัน ลดโอกาสการเกิด โรคมะเร็งลำไส้
ลดความเสี่ยง โรคมะเร็งลำไส้ ได้ด้วยการปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และตรวจคัดกรองเป็นประจำ รู้แนวทางป้องกันง่าย ๆ เพื่อสุขภาพลำไส้
บทความสุขภาพ
08-11-2025

2

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL