บทความ เรื่อง ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร ? เมื่อ ต่อมน้ำเหลือง บวมหรืออักเสบเป็นอาการที่บอกถึงความผิดปกติ ดังนั้นไม่ควรนิ่งนอนใจหรือปล่อยให้เป็นเรื้อรัง
หน้าแรก
ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร ?

ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร ?

ต่อมน้ำเหลือง อวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายเป็นเนื้อเยื่ออยู่ในระบบน้ำเหลือง มีลักษณะเป็นรูปไข่ก้อนเล็ก ๆ กระจายอยู่ทั่วร่างกาย มีหน้าที่ดักจับสิ่งแปลกปลอม โดยเฉพาะเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายและสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย หาก ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร เมื่อต่อมน้ำเหลืองบวมหรืออักเสบจึงสามารถสังเกตได้ว่ามีการติดเชื้อหรือความผิดปกติของภูมิคุ้มกันในร่างกาย

ต่อมน้ำเหลืองโต คือ ?

ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร นั่นก็คือ มีอาการอย่างหนึ่งของ ต่อมน้ำเหลือง ที่มีภาวะบวมโตขึ้นจากการเจ็บป่วยของร่างกาย การติดเชื้อ หรือความเครียด เนื่องจากระบบน้ำเหลืองมีการทำงานอย่างหนักเพื่อกำจัดเชื้อโรคและสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ที่เข้าสู่ร่างกาย

อาการต่อมน้ำเหลืองโต

ต่อมน้ำเหลืองโต เป็นอาการที่บ่งบอกถึงความผิดปกติส่วนหนึ่งของร่างกาย โดยสามารถสังเกตอาการได้เบื้องต้น ดังนี้

  • กดแล้วเจ็บบริเวณต่อมน้ำเหลือง
  • คลำได้ต่อมน้ำเหลืองบวมโต
  • ผิวบริเวณที่ต่อมน้ำเหลืองโต บวม แดง
  • อาจมีอาการไข้หวัดร่วมด้วย

อาการที่ต้องไปพบแพทย์

  • ก้อนที่ต่อมน้ำเหลืองมีขนาดใหญ่มากกว่า 1.5-2 เซนติเมตร
  • ต่อมน้ำเหลืองโตเร็วและไม่ยุบภายใน 1 เดือน
  • เจ็บคอเมื่อมีอาการกลืนหรือหายใจลำบาก
  • น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วแบบไม่ทราบสาเหตุ
  • มีไข้หลายวัน
  • เหงื่อออกตอนกลางคืน

บทความ เรื่อง ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร ? เมื่อ ต่อมน้ำเหลือง บวมหรืออักเสบเป็นอาการที่บอกถึงความผิดปกติ ดังนั้นไม่ควรนิ่งนอนใจหรือปล่อยให้เป็นเรื้อรัง

สาเหตุ

  • ติดเชื้อไวรัส เช่น หัด HIV 
  • ติดเชื้อแบคทีเรียบริเวณหู โพร่งจมูกและฟัน ผิวหนัง และทอนซิล
  • ติดเชื้อที่โพรงจมูกและฟัน
  • ติดเชื้อวัณโรค
  • ความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน
  • โรคมะเร็งที่แพร่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลือง เช่น มะเร็งต่อมน้ำเหลือง มะเร็งไทรอยด์

บทความ เรื่อง ต่อมน้ำเหลืองโต รู้ได้อย่างไร ? เมื่อ ต่อมน้ำเหลือง บวมหรืออักเสบเป็นอาการที่บอกถึงความผิดปกติ ดังนั้นไม่ควรนิ่งนอนใจหรือปล่อยให้เป็นเรื้อรัง

ภาวะแทรกซ้อนของ ต่อมน้ำเหลืองโต

ผู้ป่วยที่ได้รับการตรวจวินิจฉัยว่าเป็นต่อมน้ำเหลืองโตซึ่งเกิดจากการติดเชื้อ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้องอาจมีความเสี่ยงเป็นภาวะแทรกซ้อน ดังนี้

  • เกิดโพรงหนอง เป็นการติดเชื้อที่อาจทำให้เกิดการสะสมของหนองซึ่งต้องรักษาด้วยการระบายหนองออกให้แห้งและใช้ยาปฏิชีวนะควบคู่กัน
  • ต่อมน้ำเหลืองโตและกดทับบริเวณรอบข้าง ภาวะแทรกซ้อนนี้นับว่าเป็นปัญหาร้ายแรงผู้ป่วยควรได้รับการวินิฉัยและรักษาอย่างเร่งด่วน เพื่อหลีกเลี่ยงการกดทับเส้นประสาทตามอวัยวะต่าง ๆ
  • ติดเชื้อในกระแสเลือด หากผู้ป่วยมีภาวะแทรกซ้อนจะส่งผลไปถึงการทำงานของอวัยวะในร่างกายล้มเหลวและเสียชีวิตได้

ภาวะแทรกซ้อนของความผิดปกติของต่อมน้ำเหลืองที่ควรหลีกเลี่ยงและไม่ควรให้เกิดขึ้นมากที่สุด นั่นก็คือ “มะเร็งต่อมน้ำเหลือง” เพราะว่าอาจจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมากกว่าเดิม รับชมความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับมะเร็งต่อมน้ำเหลืองได้ที่ –  มะเร็งต่อมน้ำเหลือง โรคร้ายใกล้ตัวที่ไม่อาจมองข้าม

วิธีการรักษา

วิธีการรักษา ต่อมน้ำเหลืองโต ขึ้นอยู่กับสาเหตุที่แพทย์วินิจฉัยพบในผู้ป่วยแต่ละคนซึ่งจะมีความแตกต่างออกไป หากผู้ป่วยต่อมน้ำเหลืองโตจากการติดเชื้อแบคทีเรียแพทย์จะดำเนินการรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และหากมีอาการเจ็บสามารถบรรเทาอาการได้ ด้วยการประคบร้อนโดยเอาผ้าขนหนูชุบน้ำร้อนแล้วบิดให้แห้งหลังจากนั้นประคบลงบนจุดที่มีอาการเจ็บ รับประทานยาแก้ปวดและพักผ่อนให้เพียงพอ

สำหรับในกรณีอื่น ๆ หากผู้ป่วยมีต่อมน้ำเหลืองโตจากเชื้อไวรัสเอชไอวีจะต้องรับการรักษาแบบเฉพาะ เช่นเดียวกันกับภาวะต่อมน้ำเหลืองโตที่เกิดจากมะเร็ง โดยวิธีการรักษาจะขึ้นอยู่กับชนิดของมะเร็ง อาจมีการผ่าตัด รักษาด้วยการฉายรังสี หรือทำเคมีบำบัด

หากผู้ป่วยมีอาการต่อมน้ำเหลืองโต ระยะเวลานานและไม่สามารถยุบเองได้เมื่อรับประทานยาไปแล้วไม่ควรนิ่งนอนใจหรือปล่อยให้เป็นเรื้อรัง เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณเตือนไปสู่โรคอื่น ๆ ได้ จึงควรเข้ารับการปรึกษากับทางการแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและทำการรักษาต่อไป

 

ข้อมูลจาก

อ. พญ.โยษิตา หมื่นแก้ว

ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา 

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

มหาวิทยาลัยมหิดล

 

อย่าลืมกดติดตามช่อง Rama Channel ที่น่าสนใจอีกมากมายได้ที่ 

Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/

Youtube: https://www.youtube.com/RamachannelTV

Facebook : https://www.facebook.com/ramachannel

Line: https://page.line.me/ramathibodi

Tiktok: https://www.tiktok.com/@ramachanneltv

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

โรคตับคั่งไขมัน รู้ให้ทัน ปรับพฤติกรรมให้ไว
โรคตับคั่งไขมันเป็นภาวะที่ไขมันสะสมในตับมากเกินไป เสี่ยงตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ หากรู้ทันและรีบปรับพฤติกรรมการกิน ออกกำลังกาย
บทความสุขภาพ
09-09-2025

0

OPD และ IPD ต่างกันอย่างไร ?
OPD และ IPD คือการใช้บริการในโรงพยาบาลที่ต่างกัน OPD คือผู้ป่วยนอกที่ไม่ต้องนอนรักษา ส่วน IPD คือผู้ป่วยในที่ต้องนอนพักรักษาตัวภายใต้การดูแล
บทความสุขภาพ
08-09-2025

0

ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone
ยาคลายกล้ามเนื้อ Tolperisone การใช้บ่อย ๆ อาจเสี่ยงเกิดผลข้างเคียง เช่น เวียนศีรษะ ง่วงซึม ความดันต่ำ หรือดื้อยาได้ ควรใช้ภายใต้คำแนะนำ
บทความสุขภาพ
08-09-2025

1

กระเพาะปัสสาวะอักเสบ ปวด แสบ ขัด
กระเพาะปัสสาวะอักเสบทำให้ปัสสาวะแสบ ขัด และปวดบ่อย หากละเลยอาจลุกลามเป็นกรวยไตอักเสบ ควรรู้ทันอาการ สาเหตุ และวิธีป้องกันอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-09-2025

0

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL