ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?
หน้าแรก
ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?

ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?

เกม สื่อความบันเทิงอย่างหนึ่งที่หลายคนเลือกเป็นตัวช่วยในการคลายเครียด ในอีกทางหนึ่งก็สามารถใช้ประโยชน์ในด้านการศึกษาที่ส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาทักษะต่าง ๆ ได้ดี เช่น การวางแผน การจัดการทีม แต่หากหมกมุ่นในการเล่นเกมจน ติดเกม ไม่ออกไปเจอโลกภายนอกหรือพบปะผู้คนเลยก็อาจเสี่ยงต่อการเป็นโรคทางจิตเวช และส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจได้

ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?

ประเภทของเกมที่คนนิยมเล่น

  1. เกมต่อสู้ (fighting) เป็นการนำตัวละครมาต่อสู้กันแบบหนึ่งต่อหนึ่ง ตัวละครแต่ละตัวจะมีทักษะพิเศษโดดเด่นแตกต่างกัน
  2. เกมสวมบทบาท (role-playing) เรียกสั้น ๆ ว่า RPG เป็นเกมเล่นตามบทบาทมีลักษณะให้ผู้เล่นสวมบทเป็นตัวละครหนึ่งในเกม มีเป้าหมายเดินตามเนื้อเรื่องที่ปูเส้นไว้หรือมอบอิสระในการกระทำสิ่งต่าง ๆ
  3. เกมผจญภัย (adventure) แนวเกมที่เน้นการเดินทางออกสำรวจดินแดนทำภารกิจที่ได้รับมอบหมายให้สำเร็จ
  4. เกมยิงปืน (shooter) แนวเกมที่มอบประสบการณ์ให้ผู้เล่นรับบทเป็นทหาร ตำรวจ หรือนักล่า
  5. เกมกีฬา (sport) ได้แรงบันดาลใจจากกีฬายอดนิยมดัดแปลงออกมาในรูปแบบเกมการแข่งขัน
  6. เกมวางแผน (strategy) แนวเกมที่ไม่เน้นการใช้กำลังแต่ให้ความสำคัญกับกระบวนการคิดแบบวางกลยุทธ์เพื่อเอาชนะ
  7. เกมปริศนา (puzzle) เกมประเภทนี้มีเป้าหมาย คือ การแก้ปัญหาให้ถูกต้อง อาจเพิ่มความท้าทายด้วยการใส่ลูกเล่นแบบตอบผิดต้องโดนทำโทษหรือจับเวลา
  8. เกมจำลองสถานการณ์ (simulation) วัตถุประสงค์ของเกมนี้ คือ การมอบประสบการณ์จริงหรือการเรียนรู้ช่วยเพิ่มทักษะให้แก่ผู้เล่นด้วยข้อจำกัดในชีวิตจริงบางครั้งคุณต้องเตรียมความพร้อมและเรียนรู้ด้วยตัวเอง

ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?

วิธีสังเกตอาการติดเกม

  1. มีความคิดหมกมุ่นเกี่ยวกับการเล่นเกม เช่น นึกถึงการเล่นที่ผ่านมา หรือนึกถึงการเล่นในครั้งถัดไป
  2. ใช้เวลากับการเล่นเกมมากเกินไปไม่ทำกิจกรรมอย่างอื่น เช่น กิจกรรมหรืองานอดิเรกที่เคยชอบ 
  3. ไม่พอใจเมื่อต้องงดหรือลดการเล่นเกม เช่น หงุดหงิด อาละวาด หรือเครียด
  4. มีความต้องการเล่นเกมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งจำนวนเวลาที่ใช้เล่น ความทันสมัยของอุปกรณ์ และองค์ประกอบอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับเกม
  5. มีพฤติกรรมไม่ดีที่ตามมาเพื่อให้ได้เล่นเกม เช่น ขโมยเงิน โกหกปิดบังการเล่นของตนเอง ทะเลาะกับคนรอบข้าง
  6. อาจเคยพยายามหยุดหรือลดการเล่นแต่ไม่สามารถทำได้สำเร็จ
  7. ใช้การเล่นเกมเพื่อจัดการอารมณ์ทางลบ เช่น เศร้า เบื่อ โกรธ เหงา อยู่บ่อย ๆ
  8. ยังคงการเล่นของตนอยู่แม้ว่าจะทราบถึงผลทางลบที่เกิดขึ้นจากการเล่นเกมต่อการใช้ชีวิตของตนเอง
  9. เสียหรือพลาดโอกาสสำคัญในชีวิตต่าง ๆ เช่น ความสัมพันธ์กับผู้อื่น หน้าที่การงาน การเรียน อันเนี่องมาจากการเล่นเกมของตน

นอกจากนี้ผู้ที่สงสัยว่าตนเองมีการติดเกมหรือไม่อาจลองคัดกรองด้วยแบบสอบถาม ที่นี่ https://bit.ly/45Gc4Mx หรือ QR Code ด้านล่างนี้

ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชจริงหรือ ?

สาเหตุของการ ติดเกม

  • ด้านชีวภาพ

เกิดจากการทำงานของสมองที่ผิดปกติทั้งด้านโครงสร้างการทำงานและสารสื่อประสาทที่ผิดปกติ

  • ด้านจิตใจและสังคม
    • มีความพึงพอใจในตนเองต่ำ (low self-esteem) อยากได้การยอมรับจากผู้อื่น เช่น ได้รับคำชมจะทำให้อยากเล่นเกมมากขึ้น
    • การเลี้ยงดูแบบไม่มีระเบียบวินัย (poor disciplines) ไม่มีกฎกติกา ทำให้เด็กมีความสามารถในการควบคุมตัวเองไม่ดี ทำให้เล่นเกมจนไม่ได้ทำสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ เช่น การเรียน กิจวัตรประจำวัน
    • ปัญหาครอบครัว ขาดต้นแบบที่ดี บางครอบครัวผู้ใหญ่เองก็ไม่มีระเบียบวินัย ติดมือถือ ไม่มีกิจกรรมอย่างอื่นทำร่วมกัน

ติดเกม เสี่ยงเป็นโรคจิตเวชหรือไม่

อาการติดเกมขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ซึ่งการที่เริ่มเล่นเกมก็เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดโรคเสพติดเกมได้ เด็กที่ป่วยเป็นโรคทางจิตเวชหลายโรคพบร่วมกับโรคเสพติดเกมได้บ่อย โดยการมีโรคทางจิตเวชดังกล่าวอาจเป็นได้ทั้งสาเหตุหรือเป็นผลที่ตามมาจากการติดเกม โรคทางจิตเวชที่มักพบได้บ่อยประกอบด้วยโรคดังนี้

  • โรคสมาธิสั้น (ADHD) การทำงานสมองของคนที่เป็นโรคสมาธิสั้นจะต้องการการตอบสนองที่ฉับพลัน ไม่สามารถอดทนรอคอยได้ ขี้เบื่อ ต้องการสิ่งแปลกใหม่ เพราะฉะนั้นการเล่นเกมจึงสามารถตอบสนองได้ทันที ผลลัพธ์จะเกิดขึ้นแบบไม่ต้องรอนาน และการเล่นเกมมีความแปลกใหม่ตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา การเล่นเกมจะทำให้อาการของสมาธิสั้นยิ่งเป็นมากขึ้น

โรคสมาธิสั้น ผู้ใหญ่ก็เป็นได้

แบบไหนกันที่เรียกว่าภาวะสมาธิสั้นของเด็ก

3-5 % เด็กไทยอายุ 5-12 ปี ประสบปัญหาสมาธิสั้น

  • โรคบกพร่องทางการเรียนเฉพาะด้าน (LD) ทำให้คนที่เป็นโรคนี้มีผลการเรียนไม่ดี คนรอบข้างตำหนิหรือแสดงท่าทีไม่ยอมรับ ทำให้ไม่มีความภาคภูมิใจในตัวเอง เมื่อไปเล่นเกมแล้วทำได้ดี มีสังคมเพื่อนในเกม ได้รับการชื่นชมและยอมรับจะรู้สึกว่าตัวเองมีคุณค่า ทำให้อยากเล่นเกมมากขึ้น
  • โรคซึมเศร้า (depression) อาการของโรค คือ เศร้า เบื่อหน่าย ท้อแท้ ไม่อยากทำอะไร รู้สึกหมดหวังกับโลกความเป็นจริง การเล่นเกมเป็นหนทางหลีกหนีจากความทุกข์ทรมานที่เป็นอยู่ ทำให้อยากที่จะอยู่ในโลกของเกม

ผลเสียที่มาจากการติดเกม

  1. ด้านสุขภาพ
    – อาการทางกายที่ไม่สามารถหาสาเหตุได้ (unexplained somatic symptoms) เช่น ปวดหัว ปวดท้อง หรือปวดเมื่อยตามตัว
    – เพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจและความดันเลือด
    – เพิ่มโอกาสการเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ (venous thromboembolism)
    – เพิ่มโอกาสการเกิดลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดที่ปอด (pulmonary thromboembolism)
    – โรคอ้วน
  2. ด้านพัฒนาการและพฤติกรรม
    – พัฒนาการทักษะทางสังคมไม่ดี
    – ไม่มีสมาธิ
    – มีพฤติกรรมก้าวร้าว
    – การควบคุมอารมณ์ต่ำ
    – อดทนรอคอยไม่ได้
  3. การเรียน
    – ผลการเรียนแย่ลง
    – ไม่มีเวลาทบทวนบทเรียน
  4. การเงิน
    – ทางตรง เช่น ค่าไฟ ค่าซื้ออุปกรณ์ ค่าเข้าร้านเล่นเกม ค่าซื้อไอเทม
    – ทางอ้อม เป็นการสูญเสียด้านทรัพยากรบุคคล ทั้งที่มีความสามารถในการประกอบอาชีพและสมรรถภาพในการทำงานที่ดี แต่การเล่นเกมทำให้ความสามารถถดถอย ซึ่งเป็นการสูญเสียตัวเงินที่มองไม่เห็น (invisible cost)

วิธีป้องกันการ ติดเกม

  • สร้างวินัยในชีวิตประจำวัน
  • จำกัดชั่วโมงการเล่น
  • หากิจกรรมสร้างสรรค์ทำกับเพื่อนหรือครอบครัว ใช้เวลาร่วมกันมากขึ้น
  • อย่าปล่อยให้ตัวเองเข้าถึงมือถือหรือคอมพิวเตอร์โดยไม่มีการควบคุม
  • วางตำแหน่งคอมพิวเตอร์หรือเครื่องเล่นเกมในสถานที่โล่ง
  • ไม่ควรตั้งคอมพิวเตอร์ไว้ในห้องนอนหรือห้องที่ปิดมิดชิด
  • วางนาฬิกาขนาดใหญ่ไว้หน้าเครื่อง

การรักษาอาการติดเกมสิ่งที่ดีที่สุด คือ ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวและคนรอบข้าง ต้องเปลี่ยนและปรับพฤติกรรมต่าง ๆ พูดคุยปรึกษากันในทุกเรื่องที่เกิดขึ้นในชีวิต โดยเฉพาะในเรื่องที่พ่อแม่จะป้องกันและแก้ไขปัญหาการติดเกมของลูก

 

ข้อมูลจาก

ผศ. นพ.คมสันต์ เกียรติรุ่งฤทธิ์

ภาควิชาจิตเวชศาสตร์

คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี 

มหาวิทยาลัยมหิดล

RAMA Channel

บทความที่เกี่ยวข้อง

ก้อนที่คอ ใช่ไทรอยด์หรือไม่ เช็กให้ชัวร์
พบก้อนที่คอ อย่าชะล่าใจ อาจเป็นต่อมไทรอยด์โต ซีสต์ หรือก้อนเนื้ออื่น ๆ ตรวจให้ชัวร์เพื่อวางแผนรักษาอย่างถูกต้องและปลอดภัย
บทความสุขภาพ
26-07-2025

2

สะโพกเสื่อม ป้องกันอย่างไร
สะโพกเสื่อมทำให้ปวดสะโพก เดินลำบาก และกระทบการใช้ชีวิต รู้วิธีป้องกันด้วยการปรับพฤติกรรม ออกกำลังกาย และดูแลน้ำหนักให้เหมาะสม
บทความสุขภาพ
21-07-2025

4

รู้ก่อน รับมือได้…กับอาการปวดข้อศอก
อาการปวดข้อศอกอาจเกิดจากการใช้งานซ้ำซาก หรือโรคข้ออักเสบ หากปล่อยไว้เรื้อรังอาจกระทบการใช้งานแขน รู้ทันสาเหตุและแนวทางดูแลอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
14-07-2025

8

ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อม
ปวดเข่าและข้อเข่าเสื่อมเป็นปัญหาพบบ่อยในผู้สูงอายุ ส่งผลต่อการเดินและใช้ชีวิตประจำวัน รู้วิธีดูแล ป้องกัน และบรรเทาอาการอย่างถูกต้อง
บทความสุขภาพ
07-07-2025

17

ปรึกษาปัญหาสุขภาพ
0 2201 1000
0 2200 3000

งานสื่อสารองค์กร คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

270 ถนนพระรามที่ 6 แขวงทุ่งพญาไท
เขตราชเทวี กรุงเทพฯ 10400
โทร. 0 2201 0182
โทรสาร 0 2201 2127
อีเมล ramachannel24@gmail.com

© 2024, RAMA CHANNEL