ตาเหล่ ตาเข (strabismus) คืออะไร
ตาเหล่ หรือ ตาเข เป็นภาวะที่นอกจากจะพบได้บ่อยในเด็กเล็ก ยังสามารถพบในเด็กโตและผู้ใหญ่ได้เช่นกัน โดยภาวะตาเหล่เกิดจากการทำงานที่ไม่สมดุลกันของกล้ามเนื้อตาทั้ง 2 ข้าง ส่งผลให้ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเหล่เข้าใน (esotropia) เหล่ออกนอก (exotropia) เหล่ลอยขึ้นบน (hypertropia) หรือเหล่ลอยลงล่าง (hypotropia)
ตาเหล่ หรือ ตาเข เป็นภาวะหนึ่งที่มีความสำคัญ เพราะนอกจากจะส่งผลต่อความสวยงามและความมั่นใจของเด็กแล้ว ยังมีผลต่อความสามารถในการมองเห็นภาพ 3 มิติ นอกจากนี้หากไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสมและทันเวลา อาจส่งผลให้เกิดภาวะตาขี้เกียจ (amblyopia) จนสูญเสียการมองเห็นในตาข้างนั้นได้ ในอดีตผู้ปกครองขาดความรู้ความเข้าใจในการรักษาภาวะตาเหล่ ส่งผลให้เด็กไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม แต่ปัจจุบันนี้ผู้ปกครองสามารถเข้าถึงข้อมูลและความรู้เกี่ยวกับภาวะเหล่านี้ได้ง่ายขึ้น บทความนี้จึงเป็นอีกสื่อที่ต้องการจะพาคุณไปรู้จักกับสาเหตุ ชนิด และวิธีการรักษาภาวะตาเหล่
ตาเหล่ มีกี่ชนิด
ภาวะตาเหล่สามารถแบ่งออกได้หลายชนิดตามลักษณะและสาเหตุที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละชนิดมีลักษณะอาการและการรักษาที่แตกต่างกัน ดังนี้
ตาเหล่เทียม
ตาเหล่เทียม เป็นลักษณะที่คนภายนอกมองแล้วเหมือนมีภาวะตาเหล่ แต่ความจริงแล้วไม่มีความผิดปกติในตำแหน่งของดวงตา สาเหตุหลักมักเกี่ยวข้องกับโครงสร้างใบหน้าที่ทำให้เกิดภาพลวงตา เช่น
- สันจมูกกว้างหรือแบนในเด็กเล็ก ส่งผลให้เห็นตาขาวที่บริเวณหัวตาลดลง ทำให้ดูเหมือนมีภาวะตาเหล่เขาใน
- รูปร่างของเปลือกตาที่อาจส่งผลให้ดูเหมือนมีภาวะตาลอยขึ้น หากขอบเปลือกตาล่างอยู่ต่ำกว่าตาดำทั้ง2ข้าง ทำให้มองเห็นตาขาวได้ชัดขึ้น
ตาเหล่แท้
ตาเหล่แท้ เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อตาทำงานไม่สมดุล ส่งผลให้ดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถมองตรงในทิศทางเดียวกันได้ มีลักษณะสำคัญดังนี้
- ตาเหล่เข้าด้านใน : ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเบี่ยงเข้าด้านใน
- ตาเหล่ออกด้านนอก : ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเบี่ยงออกด้านนอก
- ตาเหล่ลอยขึ้นหรือลง : ดวงตาข้างใดข้างหนึ่งเบี่ยงขึ้น หรือเบี่ยงลง
ตาเหล่แฝง หรือ ตาเหล่แบบซ่อนเร้น (phoria) คือ
เป็นภาวะที่การเบี่ยงเบนของดวงตาจะแสดงออกเฉพาะในช่วงที่ความสามารถในการรวมภาพของทั้ง 2 ตา สูญเสียไป เช่น เมื่อผู้ป่วยรู้สึกเหนื่อยล้า ป่วย หรือเมื่อปิดตาข้างใดข้างหนึ่งนาน ๆ
ตาเหล่แบบแสดงออก (tropia) คือ
เป็นภาวะที่การเบี่ยงเบนของดวงตา จะสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนตลอดเวลา โดยไม่จำเป็นต้องทำการทดสอบพิเศษเพื่อกระตุ้นอาการ
สาเหตุของตาเหล่มีหลายประการ ได้แก่
- ตาเหล่แต่กำเนิด (congenital strabismus) เป็นภาวะตาเหล่ที่พบในเด็กที่อายุน้อยกว่า 6 เดือน เกิดจากกล้ามเนื้อตาแต่ละข้างทำงานไม่สมดุลกัน ส่วนใหญ่มักเป็นภาวะตาเหล่เข้าในและตาเหล่ออกนอก
- ความผิดปกติของเส้นประสาทสมองที่ทำหน้าที่ควบคุมกล้ามเนื้อตา ได้แก่เส้นประสาทสมองคู่ที่ 3 คู่ที่4 และคู่ที่ 6 โดยสาเหตุนี้มักเกิดขึ้นภายหลังอายุ 6 เดือน หรือในผู้ใหญ่ ส่งผลให้มีปัญหาเรื่องมองเห็นภาพซ้อน
- ความผิดปกติด้านค่าสายตา เป็นไปได้ทั้งสายตาสั้น สายตายาว หรือสายตาเอียง
- โรคทางพันธุกรรมหรือโรคทางระบบประสาท เช่น ภาวะดาวน์ซินโดรม หรือโรคสมองพิการ
- อุบัติเหตุหรือโรคทางตา เช่น ต้อกระจกในเด็ก หรือตาบอดข้างเดียว
วิธีการรักษาตาเหล่
การรักษาตาเหล่ขึ้นอยู่กับสาเหตุและระดับความรุนแรงของภาวะ โดยแนวทางการรักษามีดังนี้
- การใส่แว่นตา โดยเฉพาะในกรณีที่สาเหตุของภาวะตาเหล่เกิดจากการมีความสายตาผิดปกติ
- การปิดตา 1 ข้างเพื่อรักษาภาวะตาขี้เกียจ ในกรณีที่มีภาวะตาขี้เกียจร่วมกับภาวะตาเหล่ สังเกตได้จากการที่เด็กมีตาเหล่อยู่ข้างเดียวตลอดเวลา แสดงว่าตาข้างนั้นมีภาวะตาขี้เกียจ ให้ปิดตาข้างที่ตาตรงเพื่อกระตุ้นให้เด็กใช้ตาข้างที่เหล่มากขึ้น
- การฝึกกล้ามเนื้อตา ทำได้ในบางชนิดของภาวะตาเหล่เท่านั้น
- การผ่าตัดกล้ามเนื้อตา สำหรับผู้ที่มีภาวะรุนแรงและไม่ตอบสนองต่อวิธีอื่น
ภาวะตาเหล่หรือตาเข อาจฟังดูน่ากังวล แต่หากได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องในช่วงเวลาที่เหมาะสม จะทำให้ได้รับผลสำเร็จของการรักษา มีความสามารถในการรวมภาพ การเห็นภาพ 3 มิติ ไม่มีภาวะตาขี้เกียจ และลดผลกระทบต่อการมองเห็นในระยะยาวได้ ทั้งนี้ การใส่ใจในสุขภาพตาและการตรวจเช็กสายตาอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม
ข้อมูลโดย
รศ. พญ.วฎาการ วุฒิศิริ
สาขากล้ามเนื้อตาและโรคตาในเด็ก ภาควิชาจักษุวิทยา
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คลิกชมคลิปรายการ “ตาเหล่ตาเข ภาวะผิดปกติของดวงตาที่รักษาได้“ ได้ที่นี่
ติดตาม Rama Channel เพื่อรับข้อมูลด้านสุขภาพเพิ่มเติมได้ที่
Website Ramathibodi: https://www.rama.mahidol.ac.th/
Youtube: RAMA Channel
Facebook: รามาแชนแนล Rama Channel
LINE: Ramathibodi
Tiktok: ramachanneltv รามาแชนแนล ช่องของคนรักสุขภาพ